May 3, 2024   4:05:21 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 16/05/2008 @ 11:16:57
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Technical Buy
กลยุทธ์การลงทุน
Buy Big-Caps

กรอบ 845-855 pts
แนวโน้ม Trading
ปิดวานนี้ 848.94, +9.66

Todays picks
Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
TCAP 16.80 16.80-17.60 21.0 Trading
BIGC 51.00 51.0-53.0 58.0 Buy
LH 9.00 9.0-9.3 10.2 Buy
BGH 39.00 39.0-41.0 42.0 Buy

Whats News
* ราคาอาหารโลกปรับตัวขึ้น 57% และประเทศไทยปรับขึ้นเฉลี่ย 30% ตามต้นทุนทางเศรษฐกิจ
น้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน ประมาณว่าค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อครัวเรือนคิด
ป็น 50.8% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
* คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐฯ ได้ส่งสำนวนไป
ยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาในอีก 1 สัปดาห์ กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000
ผู้ที่เข้าข่ายจะถูกยื่นฟ้องคือ กลุ่มนักการเมือง กรรมการและพนักงาน บทม. AOT และกลุ่มกิจการร่วมค้า
ITO Joint Venture ซึ่งมี ITD เป้นผู้ถือหุ้น หากผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำผิดอาจจะต้องชดใช้ราคา
ทรัพย์สินให้รัฐฯเป็นจำนวนเงิน 6.9 พันล้านบาท
* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง US$1.58 หรือ -1.26%
ปิดที่ US$124.22/บาร์เรล แนะนำทยอยสะสม PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวางเดินเรือ BDI ปรับขึ้น
อีก 295 จุด เป็น 10649 จุด แนะนำ ซื้อ TTA

Market Roundup and Trend: ปัจจัยพื้นฐานเริ่มรีบาวด์
Investment Strategy: ซื้อเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ที่ดิน เดินเรือและอิเล็คทรอนิกส์
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับพอร์ตระยะกลางเน้นหุ้นกลุ่มใหญ่คือพลังงาน ธนาคาร แนะนำจังหวะอ่อนตัวควร
เข้าซื้อต่อเนื่อง เช่น PTT, PTTEP, BANPU, SCB, KBANK และ BBL ในขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
เดินเรือ สื่อสาร รวมถึงกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์เรามองว่าน่าจะถึงจุดต่ำสุดสำหรับการรับรู้ผลประกอบการไตร
มาสแรกแล้ว ระยะสั้นอาจซื้อเก็งกำไรได้เช่น QH, PS, LH เดินเรือเช่น TTA (BDI ขึ้นต่อเนื่อง) กลุ่ม
อิเล็คทรอนิกส์เช่น HANA, DELTA กลุ่มสื่อสารเช่น ADVANC และ DTAC ด้านกลุ่มเหล็กเริ่มมีความเสี่ยง
ด้านราคาที่ได้ปรับสูงตามราคาเหล็กและผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมาดี ในนี้หากปรับตัวขึ้นควรทยอย
ขายทำกำไรออกไปในบางตัวเช่น TSTH แต่ยังแนะนำซื้อเก็งกำไร TMT, SSI (AYS จะมีการปรับมูลค่า
พื้นฐานเพิ่มขึ้น) แนะนำหลีกเลี่ยงในกลุ่มรับเหมาเนื่องจากยังมีผลประกอบการขาดทุน 1Q51 และมีความ
เสี่ยงจากการรับงานใหม่ด้วยต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น

AUTO: BGH, MINT, SSI, GLOW มี Price momentum แข็งแรงขึ้น

Upgrade ADVANC
Downgrade EGCO
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH, SSI, MINT

ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552
การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการ
ปรับตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อ
ซึ่งภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลด
หย่อนภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบิน
พาณิชย์ ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive)
ประมาณการ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตรา
เติบโตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว
น้ำมันปาล์ม ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการ
ใช้จ่ายของรัฐฯ ในโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ
เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้
รับประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่น
เหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก
* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้น ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.52% และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น
0.40% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI โดยรวม เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่ง
ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1%
ซึ่งต่ำกว่าความคาดหมายเช่นกัน ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับตัวขึ้นต่ำกว่าคาดของดัชนีราคาผู้บริโภค
(CPI) ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) ยังคงมีเวลาที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อไป
* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย ปิดลดลง 1.58
ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.26% เป็น 124.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวล
ที่ว่า อุปสงค์จะลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง และจากข้าวที่ว่าอิหร่านประกาศว่าไม่มีแผนที่จะ
ปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ ขณะเดียวกันสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐ
รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
ซึ่งสูงเกินกว่าที่คาดไว้
* ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน โดยได้รับแรงหนุน
จากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในเดือน เม.ย. ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้น และเพิ่ม
ความต้องการเสี่ยงของนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สิ้นสุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว และมุมมองดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลง
* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 295 จุด มาอยู่ที่ 10,649 จุด BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ
เนื่องอีกในสัปดาห์นี้ ใกล้ถึงระดับสูงสุดตลอดกาลซึ่งทำไว้เมื่อเดือน พ.ย. 50 ที่ระดับ 11,039 จุด คาด
ว่าเกิดจากความต้องการเรือเพื่อขนส่งสินแร่เหล็กที่ท่าเรือของบราซิลเพิ่มขึ้นมาก โดยขนส่งไปยังประเทศ
จีนซึ่งยังมีความต้องการสินแร่เหล็กอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมาจากความต้องการเรือเพื่อขนส่งถ่าน
หิน และขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ฤดูการเก็บเกี่ยว
สินค้าเกษตรในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป ทางด้าน
อุปทานคาดว่าเรือเทกองต่อใหม่อาจเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาด

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:4bfc4b6959">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com