May 3, 2024   6:36:53 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 15/05/2008 @ 11:37:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Technical Buy
กลยุทธ์การลงทุน
Buy Big-Caps

กรอบ 845-855 pts
แนวโน้ม Trading
ปิดวานนี้ 848.94, +9.66

Todays picks
Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
TCAP 16.80 16.80-17.60 21 Trading
BIGC 51.00 51.0-53.0 58.0 Buy
LH 9.00 9.0-9.3 10.2 Buy
BGH 39.00 39.0-41.0 42.0 Buy

Whats News

* ราคาอาหารโลกปรับตัวขึ้น 57% และประเทศไทยปรับขึ้นเฉลี่ย 30% ตามต้นทุนทางเศรษฐกิจ
น้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน ประมาณว่าค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อครัวเรือน
คิดเป็น 50.8% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด

* คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐฯ ได้ส่งสำนวนไป
ยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาในอีก 1 สัปดาห์ กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000
ผู้ที่เข้าข่ายจะถูกยื่นฟ้องคือ กลุ่มนักการเมือง กรรมการและพนักงาน บทม. AOT และกลุ่มกิจการร่วมค้า
ITO Joint Venture ซึ่งมี ITD เป้นผู้ถือหุ้น หากผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำผิดอาจจะต้องชดใช้ราคา
ทรัพย์สินให้รัฐฯเป็นจำนวนเงิน 6.9 พันล้านบาท

* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง US$1.58 หรือ -1.26%
ปิดที่ US$124.22/บาร์เรล แนะนำทยอยสะสม PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวางเดินเรือ BDI ปรับขึ้น
อีก 295 จุด เป็น 10649 จุด แนะนำ ซื้อ TTA

Market Roundup and Trend: ปัจจัยพื้นฐานเริ่มรีบาวด์

วานนี้ SET ปิดบวกแรง 1.15% โดยเป็นการปรับตัวขึ้นในแทบทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มสื่อสาร
+2.5% จากปัจจัยผลประกอบการไตรมาสแรกที่มีอัตราเติบโตสูงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะ ADVANC ประกาศ
กำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 29% ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน +1.7% และธนาคาร +0.34 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย
18,125 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิ 326 ล้านบาท ในวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการ
นำส่งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนซึ่งเราเชื่อว่าตลาดจะยังอยู่ในช่วงการรับรู้ถึงปัจจัยนี้ต่อไปอย่าง
น้อยถึงพรุ่งนี้ ในขณะที่ด้านค่าเงินบาท สกุลเงินหลัก และสกุลในภูมิภาคยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับ
ดอลล่าร์สหรัฐฯนั้นมองว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยคือ 1) การดีดกลับในเชิงปัจจัยพื้นฐานในระยะสั้นของสหรัฐฯ
เองเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจ เช่นตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯไม่รวมยานยนต์เติบโต 0.5% เริ่มมีทิศทางที่
ถดถอยน้อยลง และตัวเลข CPI เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาด
ดาวน์โจนส์และตลาดหุ้นในยุโรปปิดบวกเมื่อคืน และ 2) การเคลื่อนย้ายทุนสู่สินทรัพย์ที่เป็นสกุลสหรัฐฯ
สะท้อนความเป็นไปได้สูงถึงการหยุดปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งต่อไปหรืออาจจะไม่ปรับลดอีกในปีนี้
การดีดกลับของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากปรับฐานทางราคา 2 วันติดต่อกัน คาดว่าวันนี้แนวโน้ม SET เกิด
สัญญาน Buy Signal ทางเทคนิคและคาดว่าแรงซื้อในกลุ่มใหญ่จะยังคงอยู่ โดยได้รับแรงเกื้อหนุนจากผล
ประกอบการ PTT ซึ่งรายงานกำไรสุทธิ 26,133 ล้านบาท เติบโต 15.8% YoY และรายได้เติบโตสูงถึง
65%

Investment Strategy: ซื้อเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ที่ดิน เดินเรือและอิเล็คทรอนิกส์

กลยุทธ์การลงทุนสำหรับพอร์ตระยะกลางเน้นหุ้นกลุ่มใหญ่คือพลังงาน ธนาคาร แนะนำจังหวะ
อ่อนตัวควรเข้าซื้อต่อเนื่อง เช่น PTT, PTTEP, BANPU, SCB, KBANK และ BBL ในขณะที่กลุ่มอสังหา
ริมทรัพย์ เดินเรือ สื่อสาร รวมถึงกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์เรามองว่าน่าจะถึงจุดต่ำสุดสำหรับการรับรู้ผลประกอบ
การไตรมาสแรกแล้ว ระยะสั้นอาจซื้อเก็งกำไรได้ เช่น QH, PS, LH เดินเรือ เช่น TTA (BDI ขึ้น
ต่อเนื่อง) กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์เช่น HANA, DELTA กลุ่มสื่อสารเช่น ADVANC และ DTAC ด้านกลุ่มเหล็ก
เริ่มมีความเสี่ยงด้านราคาที่ได้ปรับสูงตามราคาเหล็กและผลประกอบการไตรมาสแรกที่ออกมาดี ในนี้หาก
ปรับตัวขึ้นควรทยอยขายทำกำไรออกไปในบางตัว เช่น TSTH แต่ยังแนะนำซื้อเก็งกำไร TMT, SSI (AYS
จะมีการปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้น) แนะนำหลีกเลี่ยงในกลุ่มรับเหมาเนื่องจากยังมีผลประกอบการขาดทุน
1Q51 และมีความเสี่ยงจากการรับงานใหม่ด้วยต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น

AUTO: BGH, MINT, SSI, GLOW มี Price momentum แข็งแรงขึ้น

Upgrade SCIB
Downgrade LH
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH, SSI, MINT


ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552

การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการปรับ
ตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อซึ่ง
ภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลดหย่อน
ภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบินพาณิชย์
ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive) ประมาณ
การ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตราเติบโตที่
ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว น้ำมันปาล์ม
ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการใช้จ่ายของรัฐฯ
ใโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ เช่น อุตสาหกรรม
ท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้รับประโยชน์ต่อการ
เติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่นเหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจ
ท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก

* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้น ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.52% และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น
0.40% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI โดยรวม เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่ง
ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1%
ซึ่งต่ำกว่าความคาดหมายเช่นกัน ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับตัวขึ้นต่ำกว่าคาดของดัชนีราคาผู้บริโภค
(CPI) ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และจะทำให้ธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) ยังคงมีเวลาที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อไป

* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย ปิดลดลง 1.58
ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.26% เป็น 124.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่
ว่า อุปสงค์จะลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง และจากข้าวที่ว่าอิหร่านประกาศว่าไม่มีแผนที่จะปรับ
ลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ ขณะเดียวกันสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน(EIA) ของสหรัฐ รายงาน
ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงเกิน
กว่าที่คาดไว้

* ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน โดยได้รับแรงหนุน
จากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในเดือน เม.ย. ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้น และเพิ่ม
ความต้องการเสี่ยงของนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สิ้นสุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว และมุมมองดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลง

* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 295 จุด มาอยู่ที่ 10,649 จุด BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ต่อเนื่องอีกในสัปดาห์นี้ ใกล้ถึงระดับสูงสุดตลอดกาลซึ่งทำไว้เมื่อเดือน พ.ย. 50 ที่ระดับ 11,039 จุด
คาดว่าเกิดจากความต้องการเรือเพื่อขนส่งสินแร่เหล็กที่ท่าเรือของบราซิลเพิ่มขึ้นมาก โดยขนส่งไปยัง
ประเทศจีนซึ่งยังมีความต้องการสินแร่เหล็กอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมาจากความต้องการเรือเพื่อ
ขนส่งถ่านหิน และขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ฤดูการ
เก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป
ทางด้านอุปทานคาดว่าเรือเทกองต่อใหม่อาจเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาด

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:d1f8da4edc">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com