บลูชิพมาแล้ว?

*หลังจากอดยากปากแห้งมานาน ในที่สุดแรงซื้อหุ้นกลุ่มบลูชิพก็ไหลทะลักกลับเข้ามามากมาย จนดันดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 848.94 บาท บวกไป 9.66 บาท พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.81 หมื่นล้านบาทยังไม่ได้เป็นการพิสูจน์ว่า การปรับตัวขึ้นรอบนี้เป็นของแท้ และเป็นช่วงเวลาของขาขึ้นอย่างเต็มตัวนะค่ะ

*เนื่องจากตัวแปรหลายอย่างชี้ว่า หุ้นยังไม่ถึงเวลาอย่างถาวร ส่งผลให้การปรับตัวขึ้นเที่ยวนี้เป็นแค่การ "รีบาวด์" โดยมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 850 จุด เป็นด่านทดสอบสำคัญที่สื่อให้นักลงทุนรู้ว่า "ของแท้หรือของเทียม" หลังสัญญาณที่โผล่ให้เห็นในยามนี้ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย

*แม้สัญญาณแท่งเทียนรายวัน และรายสัปดาห์ จะยืนยันการกลับตัวอย่างเป็นทางการ แต่สถานการณ์รอบด้านกลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย "โมนิก้า" จึงต้องการให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณตัดสินใจกันเอาเองว่า สมควรเข้าซื้อหุ้นหรือยัง??...เนื่องจากเดี๊ยนมิอาจตรัสรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต!!

*ผนวกกับนักลงทุนสถาบันมีอาการชักเข้า ชักออก เพราะใช้ตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวกำหนดการซื้อขายหุ้น เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า ไม่มีอะไรแน่นอน...เดี๊ยนถึงต้องงัดลูกไม้เก่าๆ ออกมาเล่าขานอีกรอบ หลังเห็นแมงเม่ากระพือปีกบินเข้ากองไฟโดยไม่รู้ตัวกันเป็นจำนวนมาก

*โดยเฉพาะพวกที่ติดหุ้นพลังงานราคาสูง พอเห็นราคาหุ้นเริ่มขยับออกจากฐาน ก็อยากกระโจนเข้าใส่ "โมนิก้า" มองว่าไม่เป็นมืออาชีพเสียเลย เพราะมืออาชีพจริงๆ เขาต้องนิ่ง และสงบ ไม่กระโตกกระต๊าก อีกทั้งมักเข้าช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่อ่อนตัวลงมาโดยไม่บอกกล่าวใครทั้งสิ้นะจ๊ะ

*ส่วนเรื่องที่เดี๊ยนแปลกใจมากสุดอย่างหนึ่งก็คือ คราใดที่เขียนหุ้นพลังงานมากๆ ก็ไม่มีใครสนใจหรือติดใจเอาความ....ครั้นเขียนถึงหุ้นที่มีสตอรีดีๆ มีพื้นฐานเป็นแบ็คอัพรองรับ แถมมีเงินปันผลจ่ายให้นักลงทุน กลับหาว่าเดี๊ยนมีส่วนได้เสีย???...งานนี้รับรองว่า ไม่มีอย่างแน่นอน และเดี๊ยนยังกล้าเปลื้องทุกอย่างให้ตรวจสอบ เพราะคนอย่างอีฉันโปร่งใสอยู่แล้ว

*อีกทั้งคราใดเห็นหุ้นที่มีความเป็นไปได้ที่จะทำได้ตามแผนธุรกิจ เดี๊ยนมักเชียร์ให้ซื้อสุดลิ่มทิ่มประตู ของเขาดีจริงๆ มันก็ต้องเชียร์กันเป็นธรรมดา ขืนด่ากันบ่อยๆ มันไม่สร้างสรรค์นะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ TTA เห็นราคาหุ้นค่อยๆ ขยับขึ้นวันละนิด วันละหน่อย "โมนิก้า"

ก็ดีใจแทนนักลงทุนรายย่อย เพราะทำให้คนที่ติดหุ้นราคาสูง สามารถออกของได้เร็วขึ้น รวมทั้งแรงซื้อที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมากยังสื่อให้เห็นว่า ราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปหาแนวต้านเก่าครั้งก่อนนะค่ะ

*เช่นเดียวกับเจ้าพ่อมือถือ ADVANC ก่อนหน้านี้อาจไม่มีใครสนใจราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร แต่พอราคาหุ้นเริ่มยืนหยัดรักษาแนวรับแถว 90 บาทได้อย่างแข็งแกร่ง แรงซื้อก็เริ่มไหลมาเทมา จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 96.50 บาท บวกไป 3.50 บาทอย่างง่ายดายแบบนี้...ไม่มีคำว่าฟลุ๊คอย่างแน่ๆ อีกทั้งมีสิทธิ์ที่หุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปถึง 100 บาทอีกด้วยนะเจ้านาย

*วกกลับมาดูหุ้นดีพิมพ์นิยมอย่าง OISHI เสียหน่อย หลังขอแขวน SP ตัวเองเพื่อทำการถ่ายเทหุ้นไปให้กับ บมจ.ไทยเบฟฯ หลังต้องการจัดกระบวนทัพผลิตภัณฑ์ให้เป็นระเบียบมากขึ้น งานนี้แมงลือดันแผล็มข่าวออกมาอีกว่า "อาจไปถึงขั้นถอนหุ้นออกจากตลาดหุ้น" โน้นแหน่ะ "โมนิก้า" ได้ยินมาอย่างไร ก็ว่ากันไปตามนั้นนะค่ะ

*YNP กลายเป็นหุ้นที่น่าจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่รู้ว่าไป กินดีหมี หัวใจสิงห์ ที่ไหนมา ราคาหุ้นถึงได้พุ่งปรี๊ดเป็นปรอทแตก ทั้งที่วานนี้มีการลงมตินำมาตรการเชือดหุ้นปั่นมาใช้ แต่ราคาหุ้นยังเดินหน้าบวกไปได้อีก 1.15 บาท หรือขึ้นไปถึง 18% ก่อนจะมาปิดที่

7.50 บาทได้อย่างน่าทึ้ง "โมนิก้า" จึงชักสงสัยว่า ราคาหุ้นจะวิ่งไปถึง 10 บาทตามที่พรายกระซิบว่ามากระมั่ง!!!

*ก่อนจะหมดพื้นฐานสาระแน เดี๊ยนขอพูดถึงหุ้นกางเกงลิง SABINA เสียหน่อย เดี๋ยวจะไม่อินเทรนด์เหมือนกับคนอื่นๆ เพราะได้ข่าวมาขายหุ้นค่อนข้างแพง และมีจำนวนหุ้นฟรีโฟลตค่อนข้างน้อย เกจิอาจารย์หลายสำนักก็เลยเชื่อกันว่าจะยืนเหนือราคาจอง 32 บาทได้สำเร็จ...ส่วนจะเป็นจริงแค่ไหน ต้องติดตามดูกันเอาเองนะค่ะ

*นอกจากนี้ในวันเดียวกันจะมีการเปิดจองหุ้น IPO บมจ.สยามแก๊สฯ SGP จำนวน 260 ล้านหุ้น "โมนิก้า" ก็ได้แต่หวังว่า อย่าซ้ำรอยเหมือนกับในรายของ บมจ.ปิคนิค ที่ทำให้รนักลงทุนรายย่อยขาดทุนยับเยิน หลังโครงสร้างธุรกิจไม่ได้ต่างกันเลย...งานนี้ถึงเป็นการวัดใจกลุ่มผู้บริหารว่าจริงใจต่อนักลงทุนรายย่อยแค่ไหน หลังที่ปรึกษาทางการเงินออกมายืนยันว่า "ไม่มีประวัติซ้ำรอย" เจ้าค่ะ

*ตบท้ายกันที่มาตรการ Trunover List ที่ กลต. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้นำมาใช้ในครั้งนี้ น่าจะช่วยสกัดกั้นการเล่นเก็งกำไรของนักลงทุนรายใหญ่(นอกรีต) ได้ดีเลยทีเดียว แต่หากสกัดไม่อยู่ "โมนิก้า" ก็คงต้องปล่อยไปแล้วแต่เวร แต่กรรม เจ้าค่ะ

:lol: