ดัชนีหุ้นวันที่ 13 พ.ค. 51 ปิดที่ 839.28 จุด ลดลง 2.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,278.37 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 663.84 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิดที่ 183 บาท ลดลง 6 บาท, PTT ปิดที่ 340 บาท ลดลง 6 บาท, BANPU ปิดที่ 440 บาท ลดลง 8 บาท, KBANK ปิดที่ 87.50 บาท บวก 1.50 บาท และ PTTAR ปิดที่ 31.50 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 769.06 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคินระบุว่า ตลาดผันผวนปรับตัวลงในช่วงท้ายตลาด หลังเกือบตลอดทั้งวันแกว่งตัวในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังปรับตัวขึ้นแรงตามราคาน้ำมัน ขณะที่ข่าวภัยพิบัติทางธรรมชาติในเอเชีย ทั้งจีนและพม่า ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพรวมการลงทุนในเอเชีย ทำให้มีแรงขายลดความเสี่ยงออกมา

ขณะที่มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อ เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้นการลงทุน ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง อาจเป็นผลให้ต่างชาติลดการถือครองหุ้น ทำให้เกิดแรงขายหุ้นตัวใหญ่ออกมา

ทั้งนี้ แนะให้นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคืออัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับอัตราดอกเบี้ยและภาพรวมการลงทุนทั่วโลก รวมถึงกรณีบอร์ด ก.ล.ต. จะมีการพิจารณามาตรการสกัดความร้อนแรงของหุ้นเก็งกำไรที่ติด Turnover list ซึ่งมีผลต่อความคึกคักของตลาด

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ถือเงินสด 75% ของพอร์ตลงทุน ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 832 จุด ส่วนแนวต้าน 847 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย มองทิศทางตลาดด้านเทคนิค คาดว่าจะมีการอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับที่ 830 จุด ก่อนจะดีดตัวขึ้นได้ โดยให้แนวต้านไว้ที่ 847 จุด ทั้งนี้ ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย

ส่วนการพิจารณามาตรการสกัดหุ้นร้อนของตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต. นั้น อาจส่งผลกระทบให้นักลงทุนที่ชอบเล่นเก็งกำไรหุ้นเล็กชะลอการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ออกมาดี

บล.เคจีไอมองหุ้นกลุ่มแบงก์และอสังหาริมทรัพย์ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ ส่วนพลังงานต้องรอดูราคาน้ำมัน.


อินเด็กซ์ 51


:lol: