May 3, 2024   12:06:11 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 12/05/2008 @ 12:12:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Sideways
กลยุทธ์การลงทุน
Selective

กรอบ 840-850 pts
แนวโน้ม Trading
ปิดวานนี้ 846.71, -3.46

Todays picks
Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
PSL 26.25 26.0-28.0 27.0 Trading
BANPU 460.00 460-480 540.0 Buy
PTTEP 185.00 182.0-193.0 184.5 Accumulate
DCC 17.60 17.30-17.80 21.0 Trading

Whats News
* BANPU กำไร 1Q51 ที่ 2.07 พันล้านบาท ขยายตัวมากถึง 74% YoY ใกล้เคียงที่ประมาณ
การที่ 2 พันล้านบาท
* UMS กำไร 1Q51 ที่ 138 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 138% YoY แนะนำ ซื้อเก็งกำไร
* อลัน กรีนสแปน ให้ความเห็นว่าวิกฤตสินเชื่อได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะยัง
ค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่ราคาบ้านยังมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง
* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง US$0.64/บาร์เรล
เป็น US$124.33/บาร์เรล แนะนำ ทยอยสะสม สำหรับ PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวางเดินเรือ BDI
ปรับสูงขึ้น 16 จุด เป็น 10237 จุด แนะนำ ซื้อ สำหรับ TTA ส่วนราคาถ่านหินปรับสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง
ติดต่อกันอยู่ที่ US$130/ตัน จากสัปดาห์ก่อนที่ US$127.75/ตัน

Market Roundup and Trend: ระวังการพักฐานต่อเนื่อง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับลดลง 3.46 จุด ปิดตลาดที่ 846.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย
หนาแน่น 20,198 ล้านบาท โดยในช่วงระหว่างวันมีแรงขายเข้ามามาก โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มธนาคาร
และพลังงาน มีผลทำให้ SET ปรับลดลงกว่า 9 จุด แต่ด้วยแรงซื้อท้ายตลาดทำให้ SET ปรับลดลงไม่มาก
นัก อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาเป็นผู้ขายสุทธิอีกครั้ง 382 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบัน
ขายสุทธิ 292 ล้านบาท สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสั้นๆ ยังคงต้องระวังการพักฐานอยู่ดี โดยประเด็นการ
พักฐานของ SET จะมาจาก 1.ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแรง แม้ว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่
ต้องอย่าลืมว่าการเพิ่มขึ้นแรงของราคาน้ำมันจะเป็นแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อในอนาคต รวมไปถึงราคา
สินค้าเกษตรโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่นำไปผลิตเป็นพลังงานทางเลือก 2.การปรับขึ้นของราคาน้ำมันจะเป็น
ปัจจัยกดดันด้านต้นทุนของอุตสาหกรรมอื่นๆ และ 3.ยังต้องระวังการพักฐานของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังปรับสูง
ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.

Investment Strategy: เลือกลงทุนในกลุ่มหลัก
ด้วยสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการผลประกอบการไตรมาสแรก/51 ของบริษัทจดทะเบียน
ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้ทยอยประกาศออกมานั้นประเมินทิศทางในภาพรวมเบื้องต้นได้ว่าจะมีอัตราการเติบโตของผล
ประกอบการทั้งตลาดที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 50 โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มใหญ่เช่นกลุ่มพลังงาน
อย่าง PTT, PTTEP และ BANPU เราคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ต่อเนื่อง ด้วยราคา
น้ำมันที่ยังคงปรับสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง และราคาถ่านหินที่ปรับสูงขึ้น และผลประกอบการของ
กลุ่มที่มีอัตราเติบโตสูงจะเป็นกลุ่มที่รองรับความเสี่ยงทางลงของตลาดและผลักดันตลาดในทางขึ้นได้ (มี
มูลค่าตลาดที่สูงถึง 34% ของมูลค่าตลาดรวม) โดยเราแนะนำ ซื้อ PTTEP, PTT, BANPU และ UMS
ในส่วนกลุ่มธนาคาร หลังจากที่ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงราว 5-9%
ซึ่งยังเป็นจังหวะการเข้าซื้อสะสมต่อเนื่องเช่น SCB, KBANK และ BBL กลุ่มเดินเรือในระยะสั้นด้วยผล
ประกอบการไตรมาสแรกที่ดีและจากการปรับตัวขึ้นของดัชนี BDI อย่างต่อเนื่องนั้นยังสามารถซื้อเก็งกำไร
สั้นๆ ได้ เช่น PSL และ TTA

AUTO: BANPU, PTT, และ PTTEP เด่นทั้งพื้นฐาน และเทคนิค

Upgrade SCIB
Downgrade AP
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH, SSI, MINT

ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552
การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการ
ปรับตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อ
ซึ่งภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลด
หย่อนภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบิน
พาณิชย์ ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive)
ประมาณการ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตรา
เติบโตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว
น้ำมันปาล์ม ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการ
ใช้จ่ายของรัฐฯ ในโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ
เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้
รับประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่น
เหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก
* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลดลง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 0.94% และดัชนี S&P 500 ลดลง 0.67%
โดยได้รับแรงกดดันจากนักลงทุนมีความวิตกอีกครั้งเกี่ยวกับภาคการเงิน หลังบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชัน
แนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) เปิดเผยยอดขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรกที่ 7.81 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.09
ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ AIG สร้างความไม่มั่นใจต่อความหวังที่ว่าวิกฤตการณ์สินเชื่อ
ใกล้จะยุติลงแล้ว โดย AIG ทำการปรับมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีที่เกี่ยวกับหนี้จำนองซับไพรม์ และจะทำการ
เพิ่มทุน 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงบดุลบัญชีของบริษัท ซึ่งสงผลให้หุ้น AIG
ทรุดตัวลงเกือบ 9%
* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย ปิด
เพิ่มขึ้น 2.27 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.84% เป็น 125.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ในระหว่างวัน
ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนและทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 126.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจาก
คำสั่งซื้อของกลุ่มกองทุน และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันกลั่นทั้งในสหรัฐและยุโรป ขณะที่สำนักงานสารสนเทศ
ด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐรายงานว่า ปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นของสหรัฐอยู่ในระดับ
สูงสุดในรอบกว่า 17 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้น
* ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยน ดอลลาร์ร่วงลงจากการที่ตลาดสินเชื่อปรับตัวลง ซึ่ง
ส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งนี้
ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับเยน หลังบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) เปิด
เผยผลขาดทุนรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย สหรัฐขาดดุล
การค้าลดลง 5.7% ในเดือน มี.ค. อยู่ที่ 5.82 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการลดลงของมูลค่าการนำเข้า แต่
รายงานดังกล่าวไม่สามารถหนุนค่าเงินดอลลาร์เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสนใจต่อปัจจัยความเสี่ยงใน
การลงทุน
* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 16 จุด มาอยู่ที่ 10,237 จุด BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก
โดยคาดว่าเกิดจากความต้องการเรือเทกองเพื่อขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาใต้เพื่อส่งออก
เริ่มมีมากขึ้น หลังจากที่กิจกรรมดังกล่าวหยุดชะงักไปชั่วคราว จากการหยุดงานประท้วงของเกษตรกรใน
อาร์เจนตินาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 51 เป็นต้นมา เพื่อต่อต้านการขึ้นภาษีส่งออก โดยที่ข้อมูลการเก็บเกี่ยว
ผลผลิตทางการเกษตรในอาร์เจนติน่าเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ปัจจุบันเก็บเกี่ยวไปแล้ว 67% ของผลผลิตทั้งหมด
(อาร์เจนติน่าเป็นประเทศผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่อันดับสองของโลก) ทั้งนี้ฤดูการเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตร
ในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป นอกจากนั้น ความต้องการ
สินแร่เหล็กและถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีน ยังมีส่วนหนุนให้ BDI มีแนวโน้มสูงขึ้น

News Comment

วิกฤติเหล็ก-น้ำมัน กระทบผู้รับเหมา รัฐเล็งรื้อราคากลาง
วิกฤติราคาน้ำมัน-เหล็ก ส่งผลกระทบผู้รับเหมาดันค่าก่อสร้างพุ่ง ผู้ค้าเหล็กฉวยโอกาสงดเครดิต
รับเฉพาะเงินสด ห้ามจองล่วงหน้า ผู้รับเหมาจ่อทิ้งงานหวั่นทำไปไม่คุ้มค่า กรมทางหลวง-กทพ. เตรียม
ปรับราคากลางประมูลก่อสร้างโครงการใหม่ คมนาคม ไฟเขียวปรับราคารถประจำทาง-ค่าโดยสารดีเดย์
1 มิ.ย. นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)

ความเห็นและคำแนะนำ
ราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 22-23 บาท/กก. เมื่อปลายปี 50 มาเป็น 35 บาท/กก. ใน[/size:fc33737ccf">

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com