จับตาราคาน้ำมัน

*"โมนิก้า" มองราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างบ้าระห่ำกำลังกลายเป็นฟางเส้นเปื่อยที่รอวันขาดสะบั้นลงในเร็วๆ นี้...โดยคุณๆ ท่านๆ คงได้เห็นปัญหาหลายอย่างปะทุขึ้นมาราวกับดอกเห็ดอย่างแน่นอน อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อก็พุ่งขึ้นเกินลิมิตที่จะรับได้ เหล่านี้คือตัวการที่ทำลายบรรยากกาศการลงทุนในตลาดหุ้น

*เมื่อภาวะการลงทุนขมุกขมัวเกินจะประเมินได้ และราคาน้ำมันเตรียมปรับราคาขึ้นอีกระลอก "โมนิก้า" ถึงมองว่า เรื่องดังกล่าวจะกระทบกระเทือนต่อขวัญและกำลังของนักลงทุนเต็มๆ...งานนี้ไม่ว่านักลงทุนจะถือหุ้นดีขนาดไหน ต้องตัดใจขายหุ้นเอาเงินสดมาเก็บไว้ในกระเป๋านะจ๊ะ

*เนื่องจากมองไปข้างหน้า 1-2 เดือน ก็ยังมองไม่เห็นปัจจัยใดจะเข้ามาช่วยทำให้ดัชนีดีดตัวขึ้นอย่างถาวร ขนาดสัปดาห์ที่แล้วดัชนีวิ่งขึ้นไป 9-10 จุด สุดท้ายอ่อนตัวเหลือบวกเพียงแค่ 2-3 จุด ล้วนเป็นภาพที่สะท้อนถึงนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ไม่มีความมั่นใจในการลงทุนเอาเสียเลย...งานนี้ต่อให้รู้จัก "แปลงวิกฤติเป็นโอกาส" ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะจ๊ะ

*ฉะนั้นอย่าได้หวังว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นอย่างถาวร เพราะเท่าที่เห็นเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรสั้นๆ พอได้กำไรประมาณ 3-5% ก็ออกของกันจนเกลี้ยง ซึ่งเป็นฉนวนเหตุที่ทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงอยู่ใต้แนวต้าน 850 จุดอีกครั้ง ทั้งที่สัปดาห์ก่อนทำท่ายืนหยัดเหนือแนวต้านดังกล่าวได้อย่างมั่นคง(ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "ล่มปากอ่าว" ...อิอิอิ

*กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ถึงต้องพุ่งเป้าไปที่ "เข้าเร็ว ออกเร็ว" เพราะเป็นยุทธวิธีลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่สุดในยามนี้...ยิ่งหุ้นบลูชิพส่วนใหญ่ยอมหมอบศิโรราบกันถ้วนหน้า ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปไล่ซื้อหุ้นให้เปลื้องเงินเปลื้องทอง...สู้รอให้หุ้นตกลงมากๆ แล้วค่อยช้อนซื้อจะคุ้มกว่านะค่ะ

*ขนาดหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

เอาเข้าจริงกลับไปต่อไม่ไหวดื้อๆ แบบนี้...มันหมายความว่า นักลงทุนถอดใจไม่อยากไล่ซื้อหุ้น ราคาหุ้นถึงแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ตลอดทั้งวัน...โอกาสที่หุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่า จึงเป็นเรื่องที่ได้แต่หวังลึกๆ เพราะทัศนวิสัยของการลงทุนยังไม่เปิดเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มแบงก์ พอเจอลมปากนายกฯ พล่อยๆ เข้าไปเต็มรัก ถึงกับโดนกระหน่ำเทขายทิ้งไม่เลี้ยงแบบนี้ "โมนิก้า" จึงจำเป็นต้องเอ่ยปากห้ามเล่นหุ้นกลุ่มนี้ชั่วคราว เพราะดูท่าทีแรงเทขายที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ไม่ได้เบาบางลงแต่อย่างใดนะจะบอกให้

*อนาถใจสุดๆ ก็คือ PTTAR ราคาหุ้นรูดทะลุแนวรับ จนมองไม่เห็นโอกาสรีบาวนด์

แถมโดนถล่มอย่างหนักตลอดทั้งสัปดาห์แบบนี้ คนที่มีหุ้นตัวนี้ติดไว้ในพอร์ตต้องทำใจสถานเดียว เพราะภาวะการลงทุนช่วงนี้ไม่เป็นใจเอาเสียเลย ราคาหุ้นมีสิทธิ์อ่อนตัวลงไปทำ

new low งานนี้ เฮียเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ ต้องออกมาชี้แจงด่วน...เนื่องจากแมงลือพูดกันให้แซ่ดว่า ต่อให้ราคาถูก แสนถูกขนาดไหน ก็ไม่น่าเล่นนะจะบอกให้

*สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในยามนี้ ต้องโฟกัสไปยังหุ้นที่มีข่าวนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาเป็นพันธมิตร อาทิ UKEM ซึ่งพรายกระซิบยืนยันการเข้ามาซื้อครั้งนี้ว่า ฝรั่งหัวทองต้องการเข้ามาทำธุรกิจจริงๆ เพราะต้องการเปิดทางให้บริษัทลูกที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันทำ "แบ็คดอร์" พวกนกรู้ถึงไล่ราคาขึ้นมาปิดที่3.02 บาท บวกไป0.42บาท หรือขึ้นไปถึง16.15% อย่างรวดเร็วไงหล่ะค่ะ

*ร้อนแรงไม่เลิกต้องหุ้นกลุ่มเกษตร นำทัพโดย KASET และ LST มีแรงซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน จนราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นทำ new high ตลอดเวลา "โมนิก้า" คิดว่า คนที่จะเข้าเล่นหุ้น 2 ตัวนี้ ต้องกล้าได้กล้าเสีย เพราะราคาหุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไปแล้วนั่นเอง...โอกาสที่หุ้นจะกระชากขึ้นต่อนานๆ เป็นเรื่องที่พูดยากเหลือเกินนะจะบอกให้!!!

*ไหนๆ พูดถึงเรื่องกล้าได้ กล้าเสีย "โมนิก้า" ขอวกกลับมาพูดถึง พิรุณ ชินวัตร ลูกชายของ พายัพ ชินวัตร ที่ริจะเป็นพ่อมดการเงินเสียหน่อย เพราะพฤติกรรมมที่เข้าซื้อหุ้นแต่ละตัวช่างเหนือชั้นจริงๆ "โมนิก้า" ถึงมั่นใจว่า พ่อมดน้อยรายนี้ มีอาจารย์คอยให้คำแนะนำอย่างไม่ต้องสงสัย???

*ล่าสุดสวมบทฮีโร่มั้ยซิน เข้ามากอบกู้วิกฤติการเงินของ TDT ให้กลับมาเฟื่องฟูเหมือนเช่นในอดีตแบบนี้ "โมนิก้า" คิดว่าเรื่องดังกล่าวออกจะเว่อร์ไปสักหน่อย เพราะตัวบริษัทยังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการนั่นเอง...งานนี้ตีความได้อย่างดีว่า ต้องการสร้างสตอรีเพื่อปั่นราคาหุ้น เหมือนกับที่เคยให้พรรคพวกรุมทึ่งหุ้น GEN ประมาณนั้น!!!...ที่สำคัญพ่อหนุ่มรายนี้มีต้นทุนเข้าซื้อหุ้นตัวนี้แค่ 1 บาทนะค่ะ

*มาที่เรื่องนี้กันบ้างมาตรการวางเงินสด 100% ซึ่งเป็นไม้ตายของตลาดหลักทรัพยฯ

เสียหน่อย เพราะสุดสัปดาห์ที่แล้วได้ยินเสียงแมงเม่าร้องครวญครางกันระงม พร้อมกับติเตียนมาตรการดังกล่าวรุนแรงเกินไป...เนื่องจากทันทีที่มีข่าวจะบรรจุเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมวันที่ 14 พ.ค. ขาใหญ่ก็ฉวยโอาสทิ้งหุ้นอุตลุด จนรายย่อยติดหุ้นบนดอยกันเบอะแบบนี้...หนทางเดียวที่ทำได้ คือ ต้องทำใจสถานเดียวเจ้าค่ะ

*ปิดท้าย กันที่หุ้น LIVE กับ IEC ใครที่เจ็บตัวจากหุ้นบลูชิพ หรือ หุ้นตัวเล็ก ก็ให้โยกพอร์ตมาลงที่หุ้นสองตัวนี้นะคะ และจากนี้ไปเดี๊ยนจะไม่พูดบ่อย เอาเป็นว่าเชื่อเดี๊ยน แล้วสิ่งที่อยู่ข้างหน้า จะเป็นตัวบอกแฟนๆ เองว่า สิ่งที่เคยพูดไว้วันนี้เป็นจริงอย่างที่พูดไว้หรือไม่

อนาคตของหุ้นสองตัวนี้กำลังสดใสจ้า

*ขอย้ำกลยุทธ์การลงทุนหุ้น LIVE กับ IEC ว่า ถ้าลงให้ถัวเฉลี่ย ลงให้ซื้อ อย่าขายเด็ดขาด ส่วนใครที่คิดจะเดย์เทรด ก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีเงินถือข้ามวัน เพราะต้องกันไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และข้อสำคัญอย่าซื้อหุ้นแบบเกินตัว และให้ถือยาวๆ รับรองไม่ผิดหวัง

*ป.ล. สัปดาห์นี้ราคาน้ำมันยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญที่มีผลต่อการปรับตัวของดัชนี

นักลงทุนควรจับตามมองเรื่องนี้มากเป็นพิเศษนะจ๊ะ

:lol: