April 29, 2024   12:09:27 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > Weeky Comment
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 28/04/2008 @ 08:55:38
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.โกลเบล็ก


WEEKLY COMMENTS : ตลาดปรับตัวตามความเสี่ยง และปรับตัวทางเทคนิค
* ความเสี่ยงการเมืองขยายวงกว้างขึ้น รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อตนเอง
* ผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้
* แนวรับ 826, 817 และ 811 แนวต้าน 840, 848 และ 853

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา 21-25 เมษายน 2551
สรุปภาวะการลงทุนสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดที่ 832.19 ลดลง 13.21 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่
อยู่ระดับปิดที่ 845.40 โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 22,630 ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่
ระดับ 23,528 ล้านบาท สถาบันขายสุทธิ 1,312 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 1,199 ล้านบาท ราย
ย่อยซื้อสุทธิ 2,511 ล้านบาท
ภาพรวมการแกว่งตัว : วันจันทร์ดัชนีปรับตัวลงสวนตลาดต่างประเทศมีแรงขายทำกำไรกลุ่ม
ธนาคารหลังประกาศผลประกอบการมีซื้อเล็กน้อยกลุ่มพลังงานส่วนใหญ่ยังเน้นซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กต่อเนื่อง วันอังคารดัชนีปรับขึ้นจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงานหลังมีแรงขายทำกำไรเกิดขึ้นทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาปิดในแดนบวก วันพุธดัชนีช่วงเช้าแกว่งตัวขึ้นลงสลับกันในแดนลบมีแรงซื้อเล็กน้อยกลุ่มพลังงาน และยังเน้น
เก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กต่อเนื่อง เริ่มมีแรงขายออกมามากในช่วงบ่ายทำให้ดัชนีปรับลงแรงอยู่ในแดนลบจนปิด
ตลาด วันพฤหัสบดีดัชนีปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กต่อเนื่องแต่หลังจากดัชนี
ปรับขึ้นในช่วงเช้าตลาดก็มีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องจนปิดตลาดดัชนีลงมาลบเล็กน้อย วันศุกร์ดัชนีปรับตัวขึ้นช่วงสั้นก่อนมีแรงขายทำกำไรทำให้ปิดตลาดดัชนีลงมาลบเล็กน้อยปริมาณการซื้อขายเริ่มเบาบางลงยัง
เน้นหุ้นขนาดเล็กเป็นหลักในการซื้อเก็งกำไร
ปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดได้แก่ : ราคาน้ำมันขึ้นมาทำจุดสูงใหม่เป็นประวัติการณ์ ,ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับขึ้นแรง,หุ้นกลุ่มการเงินทยอยประกาศผลประกอบการ Q1/51,ก.การคลังเสนอที่ประชุมครม.เพิ่มมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์, ESSO เปิดจองหุ้นวันแรก21 เมษา,กลุ่มพันธมิตรฯเริ่มการ
เคลื่อนไหวใหญ่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.

ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามและมีผลต่อการลงทุนในสัปดาห์ 28-2 พฤษภาคม 2551
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ 28 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2551 ทางฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็กฯ ประเมินภาวะตลาดมีแนวโน้มปรับตัวระยะสั้น จากภาวการณ์เมืองภายในประเทศที่ร้อนแรงขึ้น เมื่อวิปรัฐบาลได้ข้อสรุปชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้คงไว้เฉพาะหมวด 1 บทเฉพาะกาล หมวด 2 พระมหากษัตริย์ไว้เท่านั้น ส่วนที่เหลือให้นำเอาฉบับ 2540 มาแทนที่ทั้งหมด การแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญดังกล่าวจะทำให้สังคมเห็นว่าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง ชมรม ส.ส.ร. 50 ออกมาเรียกร้องให้ยุดการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อน เพราะมีเจตนาที่จะแก้ไขมาตรา 237 และ 309 เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งและการพิจารณายุบ
พรรคการเมืองบางพรรค พร้อมกันนี้พันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตยและเครือข่ายทุกองค์กร ประกาศเดินหน้าคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญเต็มรูปแบบ ส่วนปัจจัยต่างประเทศทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆที่ปรับขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มาตรการทางการเงินผ่อนคลายทำได้จำกัด หลายประเทศหันมาใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง อย่างกรณีของไทยรัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆดังที่เป็นข่าว การลดภาษีเพื่อบรรเทาภาวะเงินเฟ้อและกระตุ้นการใช้จ่ายภาคเอกชน แต่สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือการที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายคาดว่ามติการประชุมของ
FOMCที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 เมษายนนี้จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก และใกล้จะถึงจุดต่ำสุด ดังนั้นจึงมี
โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มจะมีเสถียรภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย ในขณะที่
การประกาศผลประกอบการ Q1 2551 ที่กำลังจะประกาศออกมานั้นเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นของSET

ปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้
1. ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯร่วงลงต่ำสุดในรอบ 15 ปีและตลาดคาดว่าเงินเฟ้อจะทำให้ผู้บริโภค
ลดการใช้จ่ายลง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ทยอยประกาศออกมายังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยอดขายบ้านมือสองได้ร่วงลงอีก 2%ในเดือนมี.ค. สะท้อนถึงผลกระทบยังอยู่ แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในภาคแรงงานหลังตัวเลขการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 33,000 ราย อย่างไรก็ตาม
ยังคงต้องติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศออกมาเพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป ( 2 พ.ค.51 สหรัฐฯประกาศตัวเลขการจ้างงานในเดือน เม.ย.51 )

2.ราคาน้ำมัน
ยังคงขึ้นมาทำจุดสูงใหม่ตลอดกาลได้ต่อเนื่อง เหตุหลักคือกองทุนเก็งกำไรหนีการลงทุนที่อยู่ในรูป
เงินดอลลาร์เข้าตลาดน้ำมัน โดยมีตัวเสริมคือผลจากปัญหาด้านอุปทานที่เป็นตัวหนุนราคาน้ำมัน อาทิสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงสหรัฐที่ยังลดลง ปัญหาการประท้วงของคนงานที่โรงกลั่นน้ำมันสก๊อตแลนด์, กลุ่มกบฏไนจีเรียได้โจมตีท่อส่งน้ำมัน และการประท้วงหยุดงานในประเทศฝรั่งเศส ขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงมีแนวโน้มที่จะยัง
ไม่เพิ่มโควต้าการผลิต จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ราคาน้ำมันยังไม่มีแนวโน้มปรับลดลงและยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่มีแนวโน้มลดลงจากการที่สหรัฐเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยก็ตาม

3.แรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ
เริ่มกลับมาขายสุทธิในสัปดาห์ก่อนหน้าหลังจากเกิดความเสี่ยงด้านการเมืองจากเรื่องการยุบ
พรรคและการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีกระแสต่อต้านเกิดขึ้นอาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มเกิดความกังวลอย่างไรก็ตามจากการประกาศผลประกอบกลุ่มธนาคารที่แสดงผลกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดและรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆมากระตุ้นการลงทุนและการบริโภคอย่างต่อเนื่องจะเป็นตัวดึงดูดการลงทุนของต่างชาติให้
เข้ามาลงทุนต่อเนื่องกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้แนวโน้มการลงทุนจากต่างชาติยังคงอยู่แรงขายที่เกิดขึ้นคาดว่าจะเป็นการพักตัวช่วงสั้นก่อนเข้ามาลงทุนรอบใหม่

4.สถานการณ์ด้านการเมือง
กลุ่มพันธมิตรฯเริ่มการเคลื่อนไหวใหญ่เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 51 ที่ผ่านมาเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญของรัฐบาล ขณะที่เอแบคโพลล์ ชี้ผลสำรวจ ประชาชนกว่าร้อยละ 60 มองว่าความพยายามเร่ง
แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือนักการเมือง และเกือบร้อยละ 80 เชื่อ
ความวุ่นวายจะตามมาแน่ หากรัฐบาลดึงดันจะแก้ไข จากที่ช่วงก่อนหน้าผลสำรวจออกมาว่าประชาชนเห็น
ด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเสี่ยงทางด้านการเมืองที่มาจากการเคลื่อนไหวต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะสร้างกระแสมวลชนและเกิดความวุ่นวายตามมามีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น

5. 29-30 เม.ย.51 FED ประชุมคณะกรรมการเพื่อกำหนดนโยบายการเงินและดอกเบี้ย
คาดว่า FED จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกจากระดับปัจจุบันที่ 2.25% หลังประธาน FED ออกมากล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อาจจะพื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้อย่างแน่ชัดว่าภาวะเลวร้ายที่สุดของวิกฤติสินเชื่อจะเริ่มคลี่คลาย
ขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่า FED จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก แต่อาจจะลดลงเพียง 0.25%เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านเงินเฟ้อที่เริ่มสูงขึ้น

6. IMF และ GIC คาดการณ์เศรษฐกิจโลกมีภาวะถดถอย
กองทุนรัฐบาลประเทศสิงคโปร์( GIC) ซึ่งเป็นกองทุนยองรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกมีความเห็นว่าจะเกิดภาวะถดถอยและวิกฤติการเงินทั่วโลกที่มีความรุนแรงมากกว่าและยาวนานกว่าภาวะถดถอยครั้งใดๆในรอบ 30 ปี เช่นเดียวกับ IMF ก็ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2551 นี้ลงเช่นเดียวกันจากก่อนหน้านี้ขยายตัวที่ 4.1% เป็น 3.7% และมีโอกาสถึง 25% ที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และอาจจะขยายตัวต่ำกว่า 3% ในปีนี้และปีหน้า

แนวโน้มการเคลื่อนไหวระดับสัปดาห์
ด้านการวิเคราะห์เทคนิค ดัชนีเริ่มเปลี่ยนแนวการแกว่งตัวของแท่งเทียนเป็นลงหลังจากไม่ผ่านยืนแนวต้าน 850 ทำให้เกิดเป็นแนวต้าน DOUBLE TOP โดยเฉพาะการลงมาปิด GAP แนวรับที่ 835 และเส้น SMA 5 วัน ที่เริ่มปรับค่าความชันลงเข้าใกล้เส้น SMA 10 วัน มีโอกาสที่จะตัดกันลงมาเป็นสัญญาณ DEAD CROSS ส่งผลให้เส้น SMA แนวโน้มกลับมาเป็นแนวต้านขาลงกดดันดัชนี ขณะที่ค่าสัญญาณ
ทางเทคนิค RSI,MACD เริ่มปรับลงตามกันเป็นสัญญาณลบเสริม ดังนั้นจากภาพที่เกิดขึ้นส่งผลให้การแกว่งตัวที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ดัชนีจะพักตัวลงต่อตามรูปแบบลงตัว M

กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นควรรอช่วงปรับตัวแนวรับ เน้นการเล่นรอบสั้นๆ เท่านั้น สัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 826, 817และ 811 แนวต้าน 40, 848 และ 853

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.
ราคาน้ำมันขึ้นมาทำจุดสูงใหม่ ค่าสัญญาณทางเทคนิคแสดงการขึ้นรอบใหม่ จากสัญญาณบวกที่สอดคล้องทำให้ราคามีแนวโน้มขึ้นต่อตามการแกว่งตัวอยู่ในแนวโน้มขึ้น

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 28/04/2008 @ 08:58:20 :
บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
* ภาวะตลาดทุน

* ตลาดหุ้นไทย "ดัชนีปิดร่วงลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา"
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 832.19 จุด ขยับลง 1.56%จาก 845.40 จุดในสัปดาห์
ก่อน แต่ร่วงลง 3.0% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 60.3% จาก 70,585.54 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 113,151.70 ล้านบาท แต่คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดจาก 23,528.51 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 22,630.34 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI
ปิดที่ 289.98 จุด ขยับขึ้น 0.5% จาก 289.45 จุดในสัปดาห์ก่อน และ 6.5% จากสิ้นปีก่อน
โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 1,314.46 และ 1,199.45 ล้านบาท ขณะ
ที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิที่ 2,513.94ล้านบาท ตามลำดับ ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้น หลังจากเปิดตลาด
ในวันจันทร์เช่นเดียวกับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งได้แรงหนุนจากรายงานผลกำไรที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงตลอดวันจากแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มธนาคาร
หลังจากที่ธนาคารหลายแห่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/51 ออกมาแล้ว รวมถึงแรงขายหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ ทั้งในกลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้าง ดัชนีขยับลงในช่วงเช้าวันอังคารเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐฯ ที่กลับมาอีกครั้ง แต่ดัชนีฟื้นตัวได้อย่างแข็ง
แกร่งช่วงบ่ายและปิดตลาดในแดนบวกจากแรงซื้อที่หนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงาน ก่อนการรายงานผลประกอบ
การไตรมาส 1/51 และจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ดัชนี
แกว่งตัวลดลงตลอดวันในวันพุธ โดยร่วงลงอย่างมากในช่วงบ่ายจากแรงขายที่หนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งใน
กลุ่มพลังงาน ธนาคาร วัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศก่อนการชุมนุมเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ ทั้งนี้ ดัชนียังคงปิดร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ โดยตลาดหุ้นเคลื่อนตัวในกรอบแคบในวันศุกร์ ประกอบกับยังคงไม่มีปัจจัย
ใหม่ๆ ช่วยหนุนการซื้อขายและนักลงทุนจับตามองการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในช่วงเย็น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4 วันติดต่อกัน
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า (28 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2551) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า นักลงทุนคงจะจับตามองการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯในวันที่
29-30 เมษายน ขณะที่มองว่าดัชนีน่าจะยังได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นที่คาดการณ์แนวโน้มผลกำไรที่แข็ง
แกร่ง ส่วนปัจจัยอื่นๆภายในประเทศ ได้แก่ มาตรการของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคาร การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือน มีนาคม โดยธนาคารแห่ง
ประเทศไทยในวันพุธ และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพฤหัสบดี ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆในสัปดาห์หน้า
ได้แก่ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯหลายตัว เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย
Conference Board ในวันอังคาร ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/51 เบื้องต้นในวันพุธ ดัชนี ISM ภาคการผลิต
และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน เมษายน ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไทยจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันแรงงาน ทางบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยคาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 826 และ 800 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 850 และ 864 จุด ตามลำดับ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ "ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน"
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2551 ดัชนี DJIA ปิดที่ 12,848.95 จุด ลดลง 0.003% เมื่อ
เทียบกับ 12,849.36 จุดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน แต่ลดลง 3.14% จากสิ้นปีก่อน ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่
2,428.92 จุด พุ่งขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับ 2,402.97 จุดปลายสัปดาห์ก่อน แต่ลดลง 8.42% จากสิ้นปี
ก่อนหน้า ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วงลงในวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากการรายงานผลกำไรที่ลดลงเกินคาดของแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ซึ่งกดดันให้หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงและลดแรงบวกจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันในตลาดโลกทำสถิติสูง
สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ทั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเข้าใกล้ 120 ดอลลาร์ฯต่อ
บาร์เรล ได้เริ่มทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาคเอกชนในวันอังคาร ซึ่งถ่วงให้หุ้นในกลุ่มสายการบินและกลุ่มค้าปลีกร่วงลง ประกอบกับ มีเปิดเผยแนวโน้มผลกำไรที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น เท็กซัส อินสตรูเมนท์ อิงค์ และดูปอง โค อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้น
สหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นในวันพุธและวันพฤหัสบดี โดยการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีกว่าความคาดหมาย
ของตลาดจากบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีในวันพุธ เช่น บรอดคอม คอร์ป ได้ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการ
ปรับลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค แม้หุ้นกลุ่มการเงินยังคงได้รับผลกระทบจากรายงานผลขาดทุนที่สูงเกินคาด
ของบริษัทแอมแบค ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ แต่หุ้นการเงินฟื้นตัวขึ้นได้ในวันพฤหัสบดีจากแรงซื้อกลับ ท่าม
กลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าบริษัทในกลุ่มการเงินเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นและวิกฤตในตลาดสินเชื่อน่าจะ
ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด หลังข่าวที่ว่าเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค ยังคงระดับการจ่ายเงินปันผลไว้เท่าเดิม และ
เครดิต สวิส ทำการปรับลดการลงทุนที่มีความเสี่ยงลง ขณะที่รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งไม่รวมเครื่อง
บินที่เพิ่มขึ้นในเดือน มีนาคมสะท้อนถึงแนวโน้มความต้องการสินค้าของต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น "ดัชนี NIKKEI ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน"
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2551 ดัชนี NIKKEI ปิดที่ 13,863.47 จุด เพิ่มขึ้น 2.87% จาก
ปิดตลาดที่ 13,476.45 จุด เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง 9.44% จากสิ้นปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯได้ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มส่งออก เช่น ฮอนด้า มอร์เตอร์ และกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์อื่นๆปรับขึ้น นอกจากนั้น ความเชื่อว่าปัญหาในตลาดการเงินของสหรัฐฯน่าจะใกล้สิ้นสุดลงแล้วได้ช่วยหนุนราคาหุ้นในกลุ่มการเงิน เช่น หุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล
กรุ๊ป แต่ดัชนี NIKKEI ร่วงลงในวันอังคารจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นอีกครั้งและตลาดหุ้นปิดทะยานขึ้นแล้วถึง 5 วันติดต่อกัน ประกอบกับนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย

ก่อนการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในสัปดาห์นี้ ส่วนในวันพุธนั้น ดัชนีได้รับแรงบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เช่น หุ้นนิสสัน เคมีคัล อินดัสตรีส์ และคูโบต้า คอร์ปได้ปัจจัยบวกจากราคาอาหารทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้น แต่รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของเจเอฟอี โฮลดิงส์
อิงค์ถ่วงหุ้นในกลุ่มเหล็กกล้าลงในวันพฤหัสบดี ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงได้ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน ก่อนที่ดัชนีจะทะยานขึ้นได้อีกครั้งในวันศุกร์ สู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยพุ่งขึ้น 322.60 จุดไปปิดที่ 13,863.47 จุด นำโดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มส่งออกจากเงินเยนที่อ่อนตัว
ลง ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินของญี่ปุ่นปิดเพิ่มขึ้นตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐฯ

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com