April 29, 2024   9:05:07 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิเคราะห์หุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 25/04/2008 @ 08:38:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มดี...แต่ตอนนี้แพง

25 เมษายน พ.ศ. 2551 00:00:00
กระแสการเล่นหุ้นเล็กในกลุ่มเกษตรและอาหารเครื่องดื่ม ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และหนาแน่นจากเหตุของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลก ซึ่งหวั่นเกรงกันว่าโลกจะประสบกับการขาดแคลนอาหารรอบใหญ่ในปีนี้ถึงปีหน้า

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : จากการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของประชากร ภัยแล้ง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของจีนและอินเดีย จากการที่ประชาชนเริ่มอยู่ดีกินดีเพิ่มขึ้น (การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค) กระแสการตื่นตัวของราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด เริ่มส่งผลอย่างรุนแรงไปยังการเล่นสินค้าเกษตรล่วงหน้าในตลาดชิคาโกของบรรดานักเก็งกำไร ที่ไม่ต่างจากการเข้าเก็งกำไรในตลาดน้ำมันก่อนหน้านี้ โดยปริมาณการเข้าซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าบางรายการอย่างข้าว มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ คือปริมาณสัญญาการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 219% สัญญาทั้งปี 2550 มีเพียง 25,572 สัญญา เริ่มเฉพาะต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 81,619 สัญญา) ส่วนข้าวสาลีเพิ่มขึ้นถึง 137%

๐ แรงซื้อทั้งที่เป็นความต้องการที่แท้จริง และแรงซื้อเก็งกำไรในสินค้าเหล่านี้ ถือเป็นผลดีต่อผู้ผลิตในประเทศไทยอย่างน้อยต่อไปถึงปีหน้า เพราะดูแล้ว แหล่งผลิตสำคัญๆ ในเอเชียอย่างอินเดีย จีน เวียดนาม กำลังออกนโยบายลดการส่งออกข้าว เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนในประเทศ ประกอบกับปีนี้ภัยแล้งน่าจะไม่ยิ่งหย่อนกว่าปีที่ผ่านๆ มา ตรงนี้จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร และอื่นๆ ปรับตัวขึ้น ภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้น ผู้ผลิตคือชาวนาจะได้ประโยชน์ แต่ที่น่าจะได้ประโยชน์กว่านั้น น่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป ทั้งจากข้าว น้ำมันปาล์ม อ้อย และข้าวโพด เนื่องจากสามารถผลักภาระของต้นทุนวัตถุดิบไปยังผู้บริโภค จากผลของภาวะเงินเฟ้อนั่นเอง

๐ รูปด้านซ้ายเราแสดงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ CRB กับดัชนีกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จะตอบสนองกับการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโลกได้ดีกว่ากลุ่มสินค้าเกษตร และเมื่อจับเอาเงินเฟ้อมาเปรียบเทียบกับดัชนีกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม พบว่าในช่วงตั้งแต่ปี 2546 ถึง 2551 อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อดัชนีกลุ่มอาหารเครื่องดื่มถึง 0.41 (ค่าสหสัมพันธ์) ตรงนี้แสดงว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ผลิตในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ปรับราคาสินค้า ซึ่งเริ่มเห็นได้ชัดในช่วงปลายปี 2550 ผลจากแนวโน้มที่ราคาสินค้าของผู้ผลิตในกลุ่มนี้จะได้ปรับราคาสินค้าขึ้นไปอีก จนที่สุดจะทำให้ผลดำเนินงานดีขึ้นตามลำดับ ทำให้เกิดแรงซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามามากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในตลาดหุ้นไทย ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มต่างปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่ต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันแล้วแต่ว่าหุ้นนั้นๆ จะเกี่ยวโยงกับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกมากหรือน้อย ซึ่งแน่นอนที่สุดตอนนี้ทุกคนมุ่งไปที่แหล่งคาร์โบไฮเดรต และพืชทดแทนน้ำมัน

๐ ระดับราคาหุ้นผู้ผลิตน้ำมันพืชของไทยตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบันทุกตัว Outperform กว่า SET นำโดย LST TVO CPI UPOIC และ UVAN โดยระดับราคาปรับตัวขึ้นตั้งแต่ 20 ถึง 100% เหตุที่มองว่าระดับราคาหุ้นในกลุ่มนี้เริ่มจะแพง เนื่องจากมองว่าอัตราการทำกำไรของบริษัทเหล่านี้จะตามไม่ทัน และบางตัวโดยพื้นฐานแล้ว ยังถือว่าไม่ชัดเจนที่พอจะมีพื้นฐาน และมีนักวิเคราะห์เข้าไปวิเคราะห์ก็จะมีแต่ TVO และ KSL โดยพื้นฐาน แล้วในปีนี้คาดว่า TVO จะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 1,505 ล้านบาท EPS ที่ 2.41 บาท ราคาหุ้นปัจจุบัน 21.5 บาท บริษัทจะเทรดกันที่ค่า P/E ปี 2551 ที่ 8.9 เท่าเทียบกับค่า P/E ของผู้ผลิตน้ำมันปาล์มในมาเลเซียที่ 9.4 เท่า ดังนั้นโอกาสที่ระดับราคาจะขึ้นไปอีกเทียบเท่าค่า P/E ในมาเลเซีย จะอยู่ที่ 22.7 บาท ถือว่าเหลือ Gap น้อยมาก และแนะนำเล่นเก็งกำไร ส่วนตัวอื่นๆ ให้ระวังแรงขายทำกำไร

๐ ความเด่นของหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มหรือแม้แต่กลุ่มเกษตร แม้จะยังมีปัจจัยหนุนอยู่แต่เมื่อกลับมาดูระดับราคาหุ้นเทียบกับความสามารถในการทำกำไรในหุ้นหลายๆ ตัว จะพบว่าเริ่มแพง คือความสามารถในการทำกำไรเริ่มตามไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปแล้ว ดังจะเห็นได้จากค่า P/E ของหุ้นในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในขณะนี้ เทรดกันที่ค่า P/E สูงที่สุดเท่าที่ปรากฏมา (จากรูปล่างขวา) ตรงนี้ย้ำว่าให้ระวังแรงขายทำกำไรออกมา และเลือกตัวเล่นอย่าง KSL เนื่องจากจะมีรายได้จากการสร้างโรงน้ำตาลแห่งใหม่ การเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล และโรงผลิตไฟฟ้า คาดว่าในปี 2551 บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 1,087 ล้านบาท EPS ที่ 0.7 บาท โดยมีราคาเป้าหมายที่ 16 บาทเพิ่มจากเดิมที่ 14.5 บาท

ที่มา:บล.ซิกโก้

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 25/04/2008 @ 08:39:23 :
SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น-ราคาน้ำมันดิบร่วงลง

รอยเตอร์


*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน จากความ

เชื่อมั่นมากขึ้นว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดอาจสิ้นสุดลงแล้วสำหรับภาคธนาคาร และหลัง

จากข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและการผลิต บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดวานนี้ ดิ่งลง 2.24

ดอลลาร์ ปิดที่ 116.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากระดับ

ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับยูโรในสัปดาห์นี้

*วันนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดสัมมนารายการยามเฝ้าแผ่นดิน

ภาคพิเศษที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

*ป.ป.ช.มีความเห็นว่า "วิรุฬ เตชะไพบูลย์" รมช.พาณิชย์ อาจเข้าข่ายมีการกระทำ

ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 กรณีไม่ได้แจ้งการถือครองหุ้นเกิน 5% ต่อ

ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับแต่วันเข้ารับตำแหน่ง

*วิปพรรคร่วมรัฐบาล ส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 50 ให้ 6 พรรคร่วมรัฐบาล

เพื่อพิจารณารายละเอียด โดยเชื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ แต่ต้องรอ

ผลประชุมร่วมระดับหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ก่อนยื่นญัตติสู่สภาผู้แทนฯปลายเม.ย.

*กกต.เสนอสำนวนต่ออัยการสูงสุด พร้อมหลักฐานแล้ว เพื่อให้ส่งเรื่องไปศาลรัฐ

ธรรมนูญ พิจารณากรณีพรรคชาติไทย-พรรคมัชฌิมาธิปไตย เข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่

*ปลัดกระทรวงการคลัง คาดนำแผนมาตรการบรรเทาผลกระทบ ราคาน้ำมันแพงเพื่อ

ช่วยเหลือผู้ประกอบการเข้าสู่ที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า แม้ล่าสุดการหารือระดับ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง-พลังงาน ยังไม่สรุปรายละเอียดของมาตรการที่ชัดเจน

*"สุเมธ อุปนิสากร"หนึ่งในคณะกรรมการกกต.ระบุไม่มีธงเรื่องผลสอบของคณะอนุกรรม

การสอบสวน กรณีข้อกล่าวหาพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย แต่

จะดูจากข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เป็นหลัก

*หนังสือพิมพ์เผย สมาคมก่อสร้างไทย เสนอรัฐแก้ปัญหาต้นทุนก่อสร้างเพิ่มขึ้น 20%

พร้อมดันตั้งสถาบันก่อสร้างดูแลภาคเอกชน เสนอรัฐปรับสูตรคำนวนค่า K เพื่อสะท้อน

ต้นทุนแท้จริง ยืดเวลาก่อสร้างและปรับราคากลางก่อสร้าง

*หนังสือพิมพ์เผย คลัง-พลังงาน เตรียมดึงเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 9 พันลบ.มา

ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้ NGV ซึ่งเป็นมาตรการ

ระยะสั้น ขณะที่ระบุจะไม่ใช้มาตรการด้านภาษีลดภาวะราคาน้ำมันแพง

*หนังสือพิมพ์เผย พาณิชย์ยอมรับผู้บริโภค-ร้านอาหาร กักตุนข้าวเพราะกลัวราคาแพง

ส่งผลข้าวขาดตลาด ด้านผู้ผลิตข้าวถุงจะปรับขึ้นราคาข้าวที่ขายในห้าง 1 พ.ค.นี้

ส่วนสมาคมโรงสี-สมาคมข้าวถุงยืนยันปริมาณข้าวถุง จะมีเพียงพอกับความต้องการ

*หนังสือพิมพ์เผย รมว.พาณิชย์ล้มแนวคิดตั้งไทย-อินเดีย-เวียดนาม รวมกลุ่มผู้ส่ง

ออกข้าวโลก ระบุไทยได้เปรียบผู้ส่งออกข้าวรายอื่น เชื่อไทยและกลุ่มประเทศ

อาหรับจะมีการเจรจาเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น เพราะไทยต้องการ

ใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาก ขณะที่ประเทศอาหรับก็ต้องการสินค้าอาหาร

*หนังสือพิมพ์เผย กลุ่มธนาคารเจพีมอร์แกน(ประเทศไทย) จัดโรดโชว์ 28 เม.ย.

เชิญผู้จัดการกองทุนต่างชาติทั่วโลก 43 กองทุน เข้ารับฟังข้อมูลเศรษฐกิจและ

นโยบายของรัฐบาลไทย เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในไทย

*หนังสือพิมพ์เผย พาณิชย์ระบุ ขณะนี้ไทยลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-

ญี่ปุ่นแล้ว เตรียมเสนอสภาอนุมัติเร็วๆนี้ คาดมีผลใช้บังคับต้นปีหน้า ซึ่งหลังจาก

นั้นจะทำให้อาเซียนเป็นแหล่งผลิตสินค้าเทคโนโลยีในอนาคต

*หนังสือพิมพ์เผย รมว.คมนาคม กระตุ้นสภาพัฒน์เร่งก่อสร้างรถไฟฟ้า เชื่อผลักดัน

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน-สีเขียว สร้างได้ต้นปี 52

*หนังสือพิมพ์เผย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นทั้งปี

11% จากปีก่อน มาที่เฉลี่ย 30.20 บาท/ดอลลาร์ เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐ

ที่ยังไม่ฟื้นตัวและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่อไป

*หนังสือพิมพ์เผย ผู้ผลิตเสื้อผ้าระบุฐานผลิตภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของจีนเริ่มกลับ

มาที่ไทย หลังค่าแรงจีนพุ่ง 23% และรัฐบาลจีนเลิกอุ้มภาคอุตสาหกรรมในประเทศ

--จบ--

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 25/04/2008 @ 08:57:58 :
บล. โกลเบล็ก

Distributor - Bisnews AFE

SET 834.31 -3.35 -0.40%
H / L : Day 843.59 / 834.31
H / L : Week 853.50 / 834.31
H / L : Year 860.69 / 728.58

ปรับตัวลงต่ำกว่า GAP ที่ 835 มีโอกาสพักตัวลงต่อ

ระยะสั้น ดัชนีมี REBOUND เกิดขึ้นหลังลงมาทดสอบเส้น SMA 10 วัน แต่การ REBOUND ไม่
ผ่านแนวต้านเส้น SMA 5 วัน ก่อนปรับลงมาต่ำกว่า GAP แนวรับที่ 835 ทำให้มีแนวโน้มพักตัวลงต่อ
ระยะสั้น ดัชนีมี REBOUND ระสั้นเกิดขึ้นที่แนวรับเส้น SMA 10 วัน แต่ไม่ผ่านยืนแนวต้านเส้น
SMA 5 วัน ที่เริ่มปรับค่าความชันลง ก่อนดัชนีปรับลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น SMA 10 วันและ GAP แนวรับ
ที่ 835 อีกครั้งในระหว่างวันเป็นสัญญาณลบ การเกิดแท่งเทียนสีดำต่อจากแท่งเทียน BEARISH ENGULFING
และทำจุดสูงต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้ามากเป็นสัญญาณลบต่อการเรียงตัวแท่งเทียนให้เปลี่ยนมาเข้าสู่แนวโน้ม
ลงตามรูปแบบตัว M มากขึ้น และจะดึงเส้น SMA 5 วันให้ปรับลงตามเป็นแนวต้านกดดันดัชนีหักล้างการเป็น
แนวรับขาขึ้นก่อนหน้า ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI , MACDเริ่มปรับลงตามกันเป็นสัญญาณลบเสริม ดังนั้นจากภาพที่
เกิดขึ้นทำให้ดัชนีมีแนวโน้มพักตัวลงต่อ กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรควรชะลอไว้ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณ
พักตัวลงต่อ
ระยะกลาง ดัชนีเริ่มมีความเสี่ยงพักตัวมากขึ้นหลังจากไม่ผ่านยืน 850 ทำให้มีแนวโน้มเกิดแนว
ต้าน DOUBLE TOP ตามมา ค่าสัญญาณ RSI,MACD ปรับลงเป็นสัญญาณลบ กลยุทธ์ ถือปรับตัวขึ้นขายบางส่วน
แนวรับ : 829 / 826
แนวต้าน : 838 / 841

ENERG 20418.07 แนวต้าน TREND LINE
ความเห็น: ดัชนีไม่ผ่านยืนเส้น TREND LINE ที่ 20978 แท่งเทียนเริ่มสร้างจุดสูงต่ำลงและ
ยังแกว่งตัวอยู่ที่เส้น BB TOP เป็นสัญญาณเตือนการปรับตัวเพื่อลดความร้อนแรงระยะสั้น ยกเว้นผ่านยืน
แนวต้าน 20978 ได้อีกครั้งเพื่อต่อยอดการขึ้นต่อตามกรอบขาขึ้นหลัก
กลยุทธ์ ซื้อเมื่อผ่านยืน 20978 ได้เท่านั้น
แนวรับ 20165 / 20000
แนวต้าน 20574 / 20978

AUTO 311.75 แท่งเทียน
ความเห็น: ดัชนีต่อยอดขึ้นต่อด้วยแท่งเทียนสีขาวแท่งยาวผ่านยืนแนวต้าน NECKLINE รูปแบบ
DOUBLE BOTTOM พร้อม VOLUME และค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับขึ้น เป็นสัญญาณบวกการขึ้นต่อตามรูปแบบ
กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรตามรูปแบบ
แนวรับ 309 / 304
แนวต้าน 313 / 316

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 25/04/2008 @ 09:06:05 :
SET:คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐ,วอลุ่มชะลอรอผลประชุมเฟด

กรุงเทพ--25 เม.ย.--รอยเตอร์


*นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ดีดตัวขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่มอง

การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในเย็นวันนี้ ไม่น่า

จะกดดันต่อตลาดมากนัก

*แต่นักวิเคราะห์คาด มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อาจจะชะลอลงบ้าง หลังนักลงทุน

บางส่วนยังรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะมีขึ้นสัปดาห์หน้า

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน จากความ

เชื่อมั่นมากขึ้นว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดอาจสิ้นสุดลงแล้วสำหรับภาคธนาคาร และหลัง

จากข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและการผลิต บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดวานนี้ ดิ่งลง 2.24

ดอลลาร์ ปิดที่ 116.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากระดับ

ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับยูโรในสัปดาห์นี้

*วันพฤหัสบดีต่างชาติขายสุทธิ 384.63 ลบ.จากวันพุธขายสุทธิ 989.03 ลบ.

*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 31.64/68 จากเมื่อวันพฤหัสบดีอยู่ที่ 31.54/60

*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 830 และแนวต้านที่ 840


"ปัจจัยข้างนอกค่อนข้างดี บรรยากาศดี มุมมองเศรษฐกิจของสหรัฐดีขึ้น จาก

ตัวเลขเศรษฐกิจและหุ้นในกลุ่มการเงิน ซึ่งเป็น sentiment ทางบวก...วันนี้คงขึ้นได้

ในประเทศเรื่องการชุมนุมคงไม่กดดันอะไรมากนัก" นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการ

ผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าว

วันนี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายองค์กรแนวร่วม

ทั่วประเทศ จะจัดสัมมนา รายการ"ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ"เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐ

ธรรมนูญปี 50

นายสุกิจ เห็นว่านักลงทุนยังต้องติดตามพัฒนาการ การรวมตัวของกลุ่มต่อต้าน

การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก แต่ก็อาจจะ

กลายเป็นปัจจัยสำคัญ และทำให้ปัจจัยทางการเมืองมีน้ำหนักต่อตลาดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในด้านมูลค่าการซื้อขายในวันนี้อาจจะไม่คึกคักมากนัก หลังนัก

ลงทุนยังคงรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ที่มีขึ้นในวันที่ 29-30 เม.ย.นี้

ขณะที่ตลาดคาดว่า หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ก็คงจะไม่มากนัก


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันพฤหัสบดี ปิดลบ 3.35 จุด หรือ 0.4% มาที่

834.31 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 21,812.68 ล้านบาท

*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เมื่อวันพฤหัสบดี ปิดบวก 85.73 จุด หรือ

0.67% มาที่ 12,848.95 และดัชนีแนสแดค ปิดบวก 23.71 จุด หรือ

0.99% มาที่ 2,428.92

*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่บวก โดยญี่ปุ่น บวก 2.0% ,ไต้หวัน

บวก 0.74% ,เกาหลีใต้ บวก 1.33%,สิงคโปร์ บวก 0.57% และ

ฮ่องกง บวก 0.49%


จับตาหุ้น

*ACL คาดกำไรสุทธิ Q2/51 มากกว่า 119 ลบ.ใน Q1,สินเชื่อโต

*TRUE เผยลงทุนรายการเรียลลิตี้"AF5"ปีนี้ 100 ลบ.,คาดการโหวตดีกว่าปีก่อน

*MCOT หลังผู้บริหารเผยต่างชาติพร้อมเข้าลงทุนหุ้น หลังไปโรดโชว์

*TTA คาดกำไร-รายได้ Q2/51 ดีกว่าปีก่อน,ค่าระวางปี 52-53 ลดลง

*TPIPL คาด Q1/51 รายได้ขายมีราว 6.8 พันลบ.,กำไรสุทธิดีขึ้น

*VNT วานนี้ร่วงแรง แม้พลิกมีกำไรสุทธิใน Q1/51

*TT&T เผยยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลาย,ศาลฯนัดไต่สวน 2 มิ.ย.นี้

*IEC หนังสือพิมพ์เผย Q1/51 มูลค่าพอร์ตลงทุนในหุ้นเพิ่มเป็น 1 พันลบ.

จากสิ้นปีก่อนที่ 302 ลบ.ชี้ให้ความสนใจหุ้นเล็กเพราะได้กำไร

*AMATA หนังสือพิมพ์เผยวันนี้เซ็นสัญญาขายที่ดินให้กลุ่มมิตซูบิชิกว่า 90 ไร่

มูลค่ากว่า 300 ลบ.

*BIGC หนังสือพิมพ์เผยมีข่าวลือการเข้าซื้อ"คาร์ฟูร์"ในไทย,ผู้บริหารระบุ

ยังไม่ทราบเรื่อง

*GEN หนังสือพิมพ์เผยจะทำแผนธุรกิจใหม่ใน Q3,ปีนี้คาดรายได้โตมาที่ 1.1-

1.2 พันลบ.

*GSTEEL หนังสือพิมพ์เผยมีแผนรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ตปท. $170 ล้าน เป็นเงินบาท

--จบ--

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 25/04/2008 @ 09:18:14 :
บล.ฟาร์อีสท์


สภาพตลาดวันวาน
ดัชนีปรับตัวในกรอบ 834.31-843.59 จุด ระหว่างวันสูงสุด + 5.93 และลงมาปิดที่จุดต่ำของวันที่ 834.31 -3.35จุด และยังมีมูลค่าการซื้อขายที่ 2.18 หมื่นล้านบาท มีการปรับตัวลงของหุ้นพลังงานและหุ้นธนาคาร การซื้อขายในหุ้นขนาดเล็กเกิดขึ้นตลอดการซื้อขาย ขนาดของมูลค่าการซื้อขายมากทีเดียว โดยเฉพาะมีการเก็งกำไรกับหุ้นขนาดเล็ก อย่างเช่น IEC / THL / LIVE/ APURE / YNP / NEP / GENCO และ MLINK หุ้นเหล่านี้ติด Most Active 20 อันดับด้วย

คาดการณ์สภาพตลาดวันนี้
พิจารณาจากโครงสร้างดัชนีที่สามารถขึ้นมาแตะที่ 850 จุดใหม่ได้อีกครั้ง และปรับตัวลงแสดงเป็น Bearish Price Pattern ดังนั้นความผันผวนในระยะใกล้ๆนี้ยังมีอยู่พอสมควร แต่ระยะกลางก็ยังเป็นแนวโน้มที่ดีอยู่ การปรับตัวลงมาก็น่าจะเป็นจังหวะเข้าซื้อเพิ่มได้พอสมควรในหุ้นกลุ่มหลักๆ การเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กน่าจะยังมีอีกสักระยะ วันนี้น่าจะหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นใหญ่บ้าง ช่วงที่มีการปรับตัวลงมาบางส่วน เนื่องจากกำลังเข้าสู่แนวรับด้านเวลาระยะสั้นปลายสัปดาห์นี้และต้นสัปดาห์หน้า
กลยุทธ์ : ซื้อเก็งกำไร // ซื้อเพิ่ม และ Let Profit Run
Support 828-833 // 820 จุด
Resistance 850-855 // 870 จุด


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 25/04/2008 @ 09:31:09 :
แนวโน้มตลาดรายวัน...Market on The Moves... : บล.แอ๊ดคินซัน



25 เม.ย.--บล.แอ๊ดคินซัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ " ฝรั่งยังขายไม่หยุด "
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 834.31 จุด ลดลง 3.35 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 2.18 หมื่นลบ. ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศเป็น net sell 384 ลบ. ดัชนีฯไต่ขึ้นเมื่อเปิดตลาดได้ไม่นาน ก็ปรับตัวลดลง จากการขายทำกำไร เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆเข้ามาในตลาด และมีผู้ที่มีความประสงค์จะขายมากกว่าฝั่งของผู้ซื้อ

ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดฯ วันนี้
* ตลาดต่างประเทศ - นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มการเงินหลังมีหลายรายประกาศผลประกอบ
การผ่านพ้นไป และเชื่อกันว่าตลาดได้ผ่านจุดต่ำสุดขึ้นมาแล้ว และตัวเลขการว่างงานที่ออกมาดีขึ้น หนุนให้ดัชนี Dow Jones ปรับตัวสูงขึ้น 85 จุด ดูจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นแห่งอื่นๆในวันนี้
* ค่าดอลล่าร์ & พันธบัตร - ค่าดอลล่าร์ล่าสุด (104.33 yen/$ ; 1.5689 $/euro)
ดอลล่าร์สูงขึ้น Yield พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังพุ่งขึ้นต่อ เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นด้วย
* MSCI - ดัชนี MSCI Emerging Market Index ลดลง 0.4% ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นหลักของเอเชีย ยังเป็น net sell เป็นส่วนใหญ่
* การเมือง - การประกาศชัดเจนของนายกฯ ที่ว่าอาจมีการยุบสภาฯ หลังการเลือกตั้ง อาจ
สร้างประเด็นใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคม แม้คนจะทราบกันอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งครั้งถัดไป พรรคพลังประชาชนก็ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
* ราคาน้ำมัน - ราคาน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ปิดที่ 116.06 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง $2.24 เหรียญ เงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้นมีส่วนสำคัญต่อราคาน้ำมันในวันนี้ ขณะที่ปัญหา supply น้ำมัน
ยังไม่คลี่คลายขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ร่วงลง จะมีผลตลาดตลาดหุ้นไทยในทางลบ เนื่องจากราคาหุ้นน้ำมันจะปรับตัวลดลง

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ " น่าจะปิดลบ "
เนื่องจากนักลงทุนยังตั้งหน้าตั้งตาขายทำกำไรหุ้นใหญ่ ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯไม่สามารถที่จะไต่ระดับขึ้นได้ แม้ราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาจะปรับตัวขึ้นก็ตาม ในวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ เราคาดว่า ดัชนีฯอาจปิดได้ไม่สวยนัก คือมีโอกาสที่จะอยู่ในแดนลบค่อนข้างสูง คาดกรอบการเคลื่อนไหว 825-840 จุด

กลยุทธ์การลงทุน " ขายให้มากเข้าไว้ "
เราปิดท้ายของสัปดาห์ด้วยการถือเงินสดไว้ให้มาก เพื่อที่มีเงินเหลือซื้อหุ้นเมื่อถึงราคาจุดต่ำสุดและมีข่าวใหม่ๆเข้ามา...... ส่วนการเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก ควรตัดขายทำกำไรออกบ้าง และถือไว้เพียงบางส่วน เพื่อที่จะไม่เสี่ยงต่อการขายทำกำไรอย่างรุนแรงเมื่อราคาหุ้นตัวนั้นๆ ขึ้นไปถึงระดับสูงสุด


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 25/04/2008 @ 09:39:14 :
บล.ยูไนเต็ด จก.(มหาชน)

Highlight :
แนวโน้มตลาดหุ้น: วันนี้ เราคาดว่า SET มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น
85 จุด เนื่องจากมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าบริษัทด้านการเงินเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และวิกฤติสินเชื่อใกล้ที่จะสิ้น
สุดลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงคาดว่าจะคลายความวิตกเรื่องเงินเฟ้อลงและคาดว่าเฟดจะปรับ
ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมในสัปดาห์หน้า แต่ปัญหาความขัดแย้งทางการมืองที่ร้อนขึ้นเป็นลำดับ
จากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยุบพรรคการเมือง คาดว่าจะเป็นแรงกดดัน SET ต่อไป เรา
คาดว่า SET วันนี้จะแกว่งตัวที่ระดับ 835-840 จุด
หุ้นเด่นวันนี้: TTA, TVO, UVAN, BGH, NSM, KCE, NNCL, SNC

เหตุการณ์และการขึ้นป้าย :
- วันพรุ่งนี้: AHC XD @ 1.00 บาท, FORTH XD @ 0.14 บาท, PLE XD @ 0.21 บาท,
SORKON XD @ 0.50 บาท, SSEC XD @ 0.03 บาท, STHAI XR 4C : 1C @ 1.70 บาท กำหนด
การจองซื้อ 27-30 พ.ค.51
- วันพรุ่งนี้: BLAND-W2 XW 2.58C : 1W @ 0.00 บาท, BLS XD @ 1.00 บาท,
CENTEL XD @ 0.13 บาท, NIPPON XD @ 2.00 บาท, ROCK XD @ 0.50 บาท, SAUCE XD @
8.72 บาท, US XD @ 0.07 บาท

สรุปการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหาร :
- ผู้บริหารซื้อ : PRANDA, RAM, SAMART, STEC, TURE
- ผู้บริหารขาย : ASIMAR, BLISS, MCOT, PTTEP

ปัจจัยที่ต้องจับตา :
- 29-30 เม.ย.51: เฟดประชุมกำหนดทิศทางดอกเบี้ย
- 2 พ.ค.51: สหรัฐเริ่มคืนภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ
- 14 พ.ค.51: ศาลนัดฟังคำสั่ง คดีหวยบนดิน
- 19 พ.ค.51: สภาฯ พิจารณาแก้ไข รธน.วาระแรก
- 21 พ.ค.51: กนง.ประชุมกำหนดทิศทางดอกเบี้ย

Market Summary :
* "เมื่อวาน SET ปิดลบ 3.35 จุด" ปิดตลาดวันที่ 24 เม.ย.51 SET ปรับตัวลดลง 3.35
จุด ปิดที่ 834.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 21,813 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 385 ล้านบาท
* "ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 85 จุด " ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 85.73 จุดหรือ 0.67% ปิดที่ 12,848 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลัง เมอร์ริล ลินช์ ฯ คงระดับเงินปันผลไม่
เปลี่ยนแปลง และเครดิต สวิส ปรับลดการลงทุนที่มีความเสี่ยง ซึ่งนักลงทุนบางรายมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งชี้
ว่า บริษัทด้านการเงินกำลังเริ่มมีเสถียรภาพ และวิกฤติสินเชื่อใกล้ที่จะสิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ตัวเลขการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงเกินคาด 33,000 รายสู่ 342,000 ราย
และความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มภาคธนาคาร หลัง บริษัท ทราเวลเลอร์ คอส อิงค์ หนึ่งในบริษัทประกัน
สินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มประกันขึ้นด้วย
* "ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดิ่งลง 2.24 ดอลลาร์" ราคาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ส่งมอบ
เดือน มิ.ย. ปรับตัวลดลง 2.24 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 116.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยถูกกดดัน
จากการดีดตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับยูโร แต่ปัญหาอุปทานเช่นความวิตกว่าจะเกิดปัญหากับการผลิตน้ำมันดิบ Forties เนื่องจากแผนการประท้วงที่โรงกลั่นแกรนจ์เมาธ์ ซึ่งมีกำลังผลิต 200,000 บาร์เรลต่อวันในสก็อตแลนด์ ทำให้ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของวัน
* "วอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25%" วอลล์สตรีท เจอร์นัล ราย
งานว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2% ในการประชุมในสัปดาห์หน้า แต่หลังจาก
นั้นเฟดก็พร้อมที่จะหยุดพักจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
....แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าเฟดคิดว่าเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว และ
เป็นที่แน่นอนว่าเฟดจะส่งสัญญาณแสดงความกังวลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป และแสดงความเต็ม
ใจที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ถ้าหากแนวโน้มย่ำแย่ลง

Economics & Politics:
* "ก.คลังจะนำแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการ กรณีน้ำมันแพงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า ปลัด
ก.คลัง คาดว่าจะนำแผนมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันแพงเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเข้าสู่ที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า แม้ล่าสุดการหารือระดับเจ้าหน้าที่ ก.คลังและพลังงานยังไม่สรุปรายละเอียดของ
มาตรการที่ชัดเจน
* "วิปพรรคร่วมรัฐบาลส่งร่างแก้ไข รธน.ปี 50 ให้พรรคร่วมรัฐบาลแล้ว" วิปพรรคร่วม
รัฐบาลส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 50 ให้กับ 6 พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อพิจารณาในรายละเอียด โดย
เชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญแต่ต้องรอผลการประชุมร่วมระดับหัวหน้าพรรคอีกครั้งก่อนยื่น
ญัตติเข้าสู่สภาฯในปลายเดือนเม.ย.นี้
* "กกต.ส่งสำนวนยุบพรรคชาติไทยและมฌ.ให้ อัยการแล้ว" กกต.เสนอสำนวนต่ออัยการสูง
สุดพร้อมด้วยหลักฐานแล้วเมื่อวานนี้ เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณากรณีพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาฯเข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่ ทั้งนี้ อัยการจะใช้เวลาพิจารณาว่าจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐ
ธรรมนูญหรือไม่ภายใน 30 วัน หลังได้รับสำนวนแล้ว
* "กกต.ไม่มีธงเรื่องข้อกล่าวหา พปช.เป็นนอมินี ทรท." กกต.ระบุไม่มีธงเรื่องผลสอบของ
คณะอนุกรรมการสอบสวน กรณีข้อกล่าวหา พปช.เป็นนอมินี ทรท. แต่จะดูจากข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เป็น
หลักและขณะนี้รอให้คณะอนุกรรมการฯเสนอมายัง กกต.ก่อน
* "การคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ครบทั้ง 9 คนแล้ว" ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาล
ปกครองสูงสุด คัดเลือกผู้พิพากษา 2 คนเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนุญแล้ว โดยเลือกนาย
อุดมศักดิ์ นิติมนตรี และนายจรูญ อินทจาร ทำให้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครบ 9 คนแล้ว

Investment Theme:
"คาดว่า SETวันนี้ มีแนวดีขึ้นตามการดีดตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์และกระแสการลดดอกเบี้ยของเฟด"
......เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอีก 3 จุด จากกระแสข่าวว่านายกฯจะยุบสภาหลังการ
แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ (แต่ล่าสุดนายกฯได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว) และความเห็นที่แตกแยกของ
พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อแผ่นดินต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
.....สำหรับวันนี้ เราคาดว่า SET มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น 85 จุด เนื่องจากมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าบริษัทด้านการเงินเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และวิกฤติสินเชื่อใกล้ที่จะสิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงคาดว่าจะคลายความวิตกเรื่องเงินเฟ้อลงและคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมในสัปดาห์หน้า แต่ปัญหาความขัดแย้งทางการมืองที่ร้อนขึ้นเป็นลำดับจาก
ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยุบพรรคการเมือง คาดว่าจะเป็นแรงกดดัน SET ต่อไป เราคาดว่า
SET วันนี้จะแกว่งตัวที่ระดับ 835-840 จุด
......สำหรับมุมมองต่อ SET ในระยะกลาง เราประเมินว่าปัญหาทางการเมืองในประเด็น
การยุบพรรคการเมือง (ล่าสุด กกต.ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว) และการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่สภาปลายเดือนนี้ จะสร้างกระแสความขัดแย้งและสร้างความวิตกให้กับนักลงทุนมากขึ้น ดัง
นั้น SET ในช่วงนี้คาดว่าจะยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกด้านข้างในกรอบ 825-850 จุด
ไปอีกสักระยะ
......ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน,
เหล็ก และเกษตร จากแนวโน้มราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น และรอซื้อเมื่ออ่อนตัวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธนาคาร เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว

มุมมองทางด้านเทคนิค (Technical View)
....การที่ SET ไม่สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือ 839 จุด อีกครั้งหนึ่งวานนี้ ทำให้โมเมนตัม
ระยะสั้นดูไม่ดี และทำให้โมเมนตัมระยะกลางมีความเสี่ยงมากขึ้นด้วยเพราะเมื่อวานนี้ SET ได้ลงมาปิดต่ำ
กว่า 835 จุดแล้ว
กลยุทธ์: นักลงทุนระยะสั้นควรถอยออกมาก่อน เนื่องจาก SET ไม่สามารถแก้ไขความเสียหายทางเทคนิคที่เกิดขึ้นแล้วกับโมเมนตัมระยะสั้น สำหรับนักลงทุนระยะกลางนั้น อาจจะทำใจดีสู้เสือ ดูเหตุการณ์ต่อไปอีกสักวันหนึ่ง จนกว่าจะเห็นชัดๆ ว่า SET ไม่สามารถประคองตัวยืนเหนือ 830 จุดได้ในวันนี้

กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุน:
กลุ่มพลังงาน(Overweight): ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวสูง และคาดว่าจะยังได้รับแรงหนุนจากปัญหาด้านอุปทาน
กลุ่มอาหาร และกลุ่มเกษตร(Overweight): ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (Neutral): ได้รับผลบวกจากดอกเบี้ยขาลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะฟื้นกลับมา
กลุ่มธนาคาร(Neutral): คาดการลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น รวม
ทั้งการเร่งรัดโครงการเมกะโปรเจค

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 25/04/2008 @ 09:41:59 :
บล.กิมเอ็ง

แนวโน้มตลาดวันนี้
มุมมองตลาด: แม้ว่าตลาดจะมีความเสี่ยงจากแรงขายจากนักลงทุนสถาบันก็ตามแต่เรายังคาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวขึ้นของหุ้นสถาบันการเงิน
แนวคิดหลักต่อตลาด: หุ้นพลังงานขนาดใหญ่ถูกขายออกจากการที่ราคาน้ำมันดิบตกลง เราจึงคาดว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่มิใช่พลังงาน เช่น กลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินจะกลับขึ้นมาโดดเด่นขึ้นในวันนี้ พัฒนาการสำคัญประการต่างๆ:
* หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นการเงินขนาดใหญ่ หลังจากเมอร์ริลลินซ์ได้ประกาศคงอัตราการ
ปันผลจากการที่มีกำไรสูงกว่าตลาดคาด
* แม้ดอลล่าร์จะแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยน (7.1% ตั้งแต่ 17 มีนาคม เป็น 104.35
เยน/ดอลลาร์ เมื่อคืนนี้) แต่ค่าเงินบาทกลับอ่อนลงเพียง 0.9% ในช่วงเวลาเดียวกันเป็น 31.6 บาท
/ดอลลาร์ เราเห็นว่า เสถียรภาพของค่าเงินบาท จะจำกัดแรงขายหุ้นจากต่างประเทศ
* ราคาน้ำมันดิบ ลดลง 1.9% เหลือ US$116.06 ต่อบาร์เรลเนื่องจากเงินดอลล่าร์แข็งค่าส่ง
ผลลบต่ออุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ ในจำนวนหุ้นพลังงานแล้วเรามองว่าหุ้น PTTEP (หลังจากราคาหุ้นลงเมื่อ
วาน) มีโอกาสฟื้นตัวได้ดีที่สุดเพราะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากแหล่งอาทิตย์ซึ่งจะสนับสนุนศักยภาพกำไรได้ดี
* คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีต่อโอกาสการยุบสภา ว่าอาจเกิดหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หรือ หากศาลมีวินิจฉัยยุบสามพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ซึ่งเราเชื่อว่าการยุบสภาจะน่าจะเกิดขึ้นในปีนี้

แนวการเทรดหุ้น
* หุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง เราแนะนำ KBANK TCAP BBL BAY และ BAY-W1
* หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงทั้งกลุ่มวานนี้ เนื่องจากบริษัทปูนซีเมนต์ในประเทศปรับราคาขายปลีกเพิ่มอีก 10% เราแนะนำทยอยสะสมหุ้น LPN PS MJD และ AP เมื่ออ่อนตัวลงมา (เราเชื่อว่าตลาดได้รวมเอาความเสี่ยงจากเงินเฟ้อไว้ในการคาดการณ์แล้ว)
* TTA จะได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 3.6% เป็น 9,182 จุด

กลยุทธ์หุ้น

* ซื้อ KBANK BAY และBAY-W1 ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในวันนี้
การขายทำกำไรหลังจากที่งบไตรมาส 1/51 ประกาศออกมานั้น เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะเข้าเก็งกำไรหุ้น KBANK และ BAY จากการเติบโตของปริมาณสินเชื่อและส่วนต่างดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้น

สัดส่วนการลงทุน
เราคงสัดส่วนการถือครองเงินสดเป็นระดับ 40%

สัดส่วน หุ้นหลัก
เงินสด 40%
หุ้นขนาดใหญ่ 22% PTT, BBL, PTTEP, และ KBANK
หุ้นไวต่อดัชนี 17% TTA, BAY, BANPU, และ TCAP
หุ้นมีประเด็น 16% CPF, BLS, PHATRA, HMPRO และ LPN
หุ้นขนาดเล็ก 5% UMS, KH, MJD, SSI และ SPALI

หุ้นน่าจับตา
BEC ถือเป็นหุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภคที่น่าซื้อลงทุน เนื่องจากมีโครงการต้นทุนที่คง ขณะที่บริษัทได้
ปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาหลักๆถึง 2 ครั้งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งฐานผู้ชมก็แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งสำหรับละครหลังข่าวที่ได้รับความนิยมมากอย่าง สวรรค์เบี่ยง เราคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นของ
บริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% ในปีนี้

บทวิเคราะห์วันนี้
> RCL <24.30 บาท : เปลี่ยนตัวเล่น> กำไรปกติไตรมาสแรกย่ำแย่จากต้นทุนน้ำมันพุ่งสูง
> SAMART <7.50 บาท : ทยอยสะสม> คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/51 ขยายตัว 4% yoy
เป็น 149 ล้านบาท / งานโครงการมีแนวโน้มฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

สรุปข่าว

ส่งก๊าซหุงต้ม ช่วยเพื่อนบ้าน ลดขาดแคลน (โพสทูเดย์ 25/4/51) :
กรมธุรกิจพลังงานสั่ง ปตท. นำเข้าก๊าซหุงต้ม เผื่อ ลาว กัมพูชา พม่า กว่า 1,268 ตัน/เดือน
หลังเจอปัญหาขาดแคลนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) หลังไทยประกาศควบคุมส่งออกแอลพีจีในช่วงที่ผ่านมา เนื่อง
จากประเทศดังกล่าวไม่มีช่องทางการนำเข้าจากทางอื่น

สีน้ำเงินเร็วกว่าเดิม เปิดขายซองมิ.ย.นี้ ชงครม.เคาะ20พ.ค. สีเขียว2เส้นจ่อคิวต่อ (ข่าวหุ้น
25/4/51) :
รมว.คมนาคม เดินเครื่องรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เตรียมเสนอครม.อนุมัติก่อสร้าง 20 พ.ค.นี้
มั่นใจเปิดขายซองได้เร็วกว่ากำหนดเดิม 1 เดือน คาดเซ็นสัญญาก่อสร้างพร้อมสายสีม่วงปลายปีนี้ ส่วนสาย
สีเขียวอีก 2 เส้น เตรียมขายซองประมูลไม่เกินก.ค. เล็งออกพันธบัตรระดมทุนแทนกู้เงิน

งบโบรกฯQ1สวย กำไรสุทธิพุ่ง60% (ข่าวหุ้น 25/4/51) :
ผลประกอบการกลุ่มโบรกฯไตรมาสแรกแจ่ม กำไรโต 60% เทียบกับปีก่อน ซื้อขายเฉลี่ย 1.8
หมื่นล้านบาท แนะลงทุนหุ้น BLS PHATRA เด่นสุด งานวาณิชธนกิจ-มาร์เก็ตแชร์อื้อ ขณะที่ซิมิโก้พลิกฟื้น
กำไร 35 ล้านบาท

AMATAเซ็นขายที่90ไร่ รับเงินมิตชูบิชิ300ล้าน (ข่าวหุ้น 25/4/51) :
วันนี้ AMATA เซ็นขายที่ดินให้มิตซูบิชิ 90 ไร่ มูลค่า 300 กว่าล้านบาท ลุยตั้งโรงงานผลิต
เทอร์โบชาร์จแห่งแรกในเอเชีย งบ Q1/51 สวยยอดขายที่ดินโตกว่า 50%

TIPCOสั่งรุกหนักตลาดตปท. ดันรายได้ปีนี้โต 20% มั่นใจ 5 ปีแตะหมื่นล้าน (ข่าวหุ้น 25/4/51):
TIPCO ปีนี้รายได้โต 20% ลุยตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 50% พร้อมขอเวลา 5 ปี รายได้ทะลุ
10,000 ล้านบาท หลังจับมือซันโทรี่รุกตลาดอาเซียน ไตรมาส 3 เตรียมย้ายฐานการผลิตมาวังน้อย อยุธยา เพื่อรับกับความต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศ

พรีเมียร์ฯกำหนดช่วงไอพีโอ3-3.50บาทนักลงทุนสนใจเพียบเข้าเทรด27พ.ค.นี้ (ผู้จัดการรายวัน
25/4/51) :
พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง กำหนดช่วงราคาไอพีโอที่ 3-3.50 บาทต่อหุ้น คาดสรุปราคาต้น พ.ค.นี้
ก่อนเปิดจอง 14-16 พ.ค พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 27 พ.ค. ด้านเอเชีย กรีน ยื่นไฟลิ่งขายหุ้น 35 ล้านหุ้น

VNTเผยQ1ปีนี้ฟื้นกำไร116%เหตุปริมาณขายเพิ่มาร์จิ้นโต (ผู้จัดการรายวัน 25/4/51) :
VNT ไตรมาสแรกปีนี้ฟื้น กำไร 116% ผลจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้นประกอบกับส่วนต่างกำไรที่เพิ่มขึ้นระหว่างราคาขายผลิตภัณฑ์และต้นทุนวัตถุดิบเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงจากปีก่อน

GSTEELรุกแบงก์ไทย-เทศ กู้เงินไถ่ถอนหุ้นกู้170ล.ดอลล์ (ทันหุ้น 25/4/51) :
GSTEEL รุกเจรจาแบงก์ไทยเทศกู้ยืมเงินหวังไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงิน 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐกก่อนกำหนด คาดหากทำได้ไวมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอื้อ ขณะที่ผลงานไตรมาส 1/2551 ทั้งรายได้และกำไรเติบโตสวยหรูตามราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังวิ่งขาขวิด


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 25/04/2008 @ 09:45:04 :
บล.เกียรตินาคิน

KKS View : ซื้อขายในกรอบแนวรับแนวต้าน

คำแนะนำซื้อและขายในแต่ละรอบ ใช้สำหรับการลงทุนระยะกลางรอบละ 1 เดือน
BUY SELL
BUY = 29 / 6 / 50 SELL = 23 / 7 / 50
BUY = 24 / 7 / 50 SELL = 2 / 8 / 50
BUY = 30 / 8 / 50 SELL = 18 / 9 / 50
BUY = 24 / 9 / 50 SELL = 19 / 10 / 50
BUY = 01 / 2 / 51 SELL = 5 / 3 / 50
BUY = 17 / 4 / 51

SET INDEX ปิด 834.31 จุด -3.35 จุด 21,813 ล้านบาท

TECHNICAL ANALYSIS : สำหรับระยะกลาง 1/2-1 เดือน

แนวโน้มและกลยุทธ์
1. ระยะสั้นตลาดจะเคลื่อนไหวในช่วง 830 ถึง 840 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัว
2. โดยตลาดหุ้นเมื่อวันก่อนปรับลง ทำให้ดัชนีเป็นแนวโน้มจะแกว่งตัวหรือ sideway down ต่อเนื่อง
ไปอีก 1-2 วันในกรอบ 830-845 จุด
3. เราแนะนำให้เป็นซื้อขายในกรอบแนวรับแนวต้านไปก่อน

Medium - Term Highlight Stocks
พฤหัส24/4/08 แนวรับ แนวต้าน คำแนะนำ
PTTEP 167 174 ซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้าน
TOP 74 76.50 ซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้าน
BANPU 424 444 ซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้าน

ศุกร์25/4/08 แนวรับ แนวต้าน คำแนะนำ
PTT 328 340 ซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้าน
BANPU 420 444 ซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้าน
PTTAR 37 39 ซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้าน

หมายเหตุ
1. หุ้นแนะนำซื้อใช้สำหรับการลงทุนระยะกลาง,
2. ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าแนวรับจะเป็นสัญญาณขายหรือ stop loss,
3. ระยะสั้นหมายถึง 1-5 วัน ระยะกลางหมายถึง 1/2-1 เดือน,
4. การซื้อหรือขายระยะกลางควรใช้สัญญาณซื้อหรือขายของดัชนีตลาดหรือ SET INDEX,
5. BUY หมายถึง คำแนะนำซื้อครั้งแรกของการลงทุนระยะกลาง หลังจากนั้นยังอาจซื้อหรือถือหุ้นได้ เพราะตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก
SELL หมายถึงคำแนะนำขายครั้งแรกของการลงทุนระยะกลางหลังจากนั้นควรขายหุ้นถือเงินสด เพราะตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 25/04/2008 @ 09:51:45 :
บล. เคทีบี

Wrap up
สรุปภาวะการซื้อขายเมื่อวานนี้ดัชนีฯ ปิดตลาดที่ระดับ 834.31 จุด ลดลง 3.35 จุด หรือ
-0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 21,812.68 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 384.63 ล้านบาท

Highlights

External Factors
+ นักลงทุนมีความเชื่อว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
+ สหรัฐเผยผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลงเกินคาดในสัปดาห์ก่อน
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกคลายวิตกปัญหาสินเชื่อพบตัวเลขศก.ชี้ตลาดแรงงานและการผลิตใกล้ฟื้นตัว
+ ราคาน้ำมันดิบเริ่มลดลงหลังจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
- สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ร่วง 8.5% ในเดือนมี.ค. ลดลงมากกว่าคาด
- สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลด 0.3 % ในเดือนมี.ค. จากที่คาดว่าจะทรงตัว
0 เฟดออกแถลงการณ์อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินอีก 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นครั้งที่ 5
0 29 เม.ย.ตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, 30 เม.ย.จีดีพี 1Q เบื้องต้นของสหรัฐคาดโต 0.7%
0 29-30 เม.ย.ตามการประชุม FOMC คาดลดดอกเบี้ยลง 0.25%

Internal Factors
+ เร่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เตรียมเสนอครม.อนุมัติก่อสร้าง 20 พ.ค.คาดเปิดขายซอง
มิ.ย.นี้
+ ฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมหวนกลับไทย หลังค่าแรงจีนพุ่ง 23%และยกเลิกนโยบายสนับสนุน
- สมาคมก่อสร้างฯ ยื่นหนังสือ "สุวิทย์ คุณกิตติ" เร่งแก้ปัญหาเหล็ก-วัสดุก่อสร้างแพง
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 384.64 ล้านบาท (เดือนเม.ย. รวมยังเป็นซื้อสุทธิ 1,970.21
ล้านบาท)
- พปช.มีสัญญาณเลือกตั้งใหม่ วางหมากแก้เกมยุบพรรค-กระแสต้านแก้รธน จับตาชุมนุมกลุ่มพันธมิตร
+/- ราคาข้าวในไทยพุ่งเป็น 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน ห้างขึ้นราคาข้าวถุง 10-20 บาท คาดเริ่ม
1 พ.ค.นี้
0 21 เม.ย.-2 พ.ค. รฟม.เปิดขาย ซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วง คาดเริ่มก่อสร้าง ม.ค.ปีหน้า
0 2 พ.ค.ตลท.ปรับวิธีคำนวณค่า พี/อี P/BV และ Dividend Yield ใหม่ คาดพี/อี ขยับเป็น 15 เท่า
0 8-11 พ.ค.มีงานมหกรรมการเงินครั้งที่ 8 หรือมันนี่ เอกซโป 2008 คาดเงินสะพัดมากกว่า
80,000 ลบ.
0 21 พ.ค.ตามการประชุม กนง. ครั้งต่อไปหลังให้คง ดบ. 3.25%
0 26 พ.ค.ตาม สศช.จะปรับประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 51 ใหม่จากเดิมที่ 4.5%-5.5%

Strategy
การลงทุนวันนี้ปัจจัยภายนอกค่อนมาทางบวกตามตลาดสหรัฐและภูมิภาค แต่ปัญหาการเมืองทำให้นักลงทุนเป็นกังวล ในขณะที่การลงทุนหุ้นขนาดใหญ่การลดลงของราคาน้ำมันทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่องกดดันดัชนีฯได้ แต่หุ้นกลุ่มอื่นๆมองว่ามีแนวโน้มรีบาวน์ในกรอบแคบ ส่งผลให้ดัชนีฯมีแนวโน้ม
ผันผวนต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มชะลอลงทุนเพื่อรอดูผลการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรวันนี้จะมีเรื่องบานปลายหรือ
ไม่ ทำให้ระยะสั้น ดัชนีฯจะอยู่ในกรอบ Sideway แนะนำ ขึ้นขาย ลงรับ เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่มีผลประกอบการดี โดยดัชนียังคงมีแนวรับที่ 835 /820 หากหลุดแนวรับแรกต้องขายไปก่อน ส่วนแนวต้าน
อยู่ที่ 844/850 จุด

Hot Stock

CPF ประเมิน Q1/51 พลิกมีกำไร เหตุราคาผลิตภัณฑ์ทุกตัวดีขึ้น ยกเว้นอาหารสัตว์
ความเห็น ผู้บริหาร CPF เผยบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15%เมื่อเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ยอดขายน่าจะเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์สินค้าเติบโตทุกตัว โดยราคาเฉลี่ยไก่ หมู และไข่ไก่ในไตรมาส 1/51 อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเพิ่มขึ้น 25%qoq, 6%qoq และ
13% qoq โดยมีอัตราการปรับขึ้นที่สูงกว่าต้นทุนการผลิตที่ขยับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะข้าวโพดและกาก
ถั่วเหลืองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4%qoq และ 7%yoy ตามลำดับ เราคาดว่าจากภาวะ Supply ที่ยังชะลอตัวจะ
ส่งผลต่อราคาจะยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในปีนี้ ส่วนผลประกอบการไตรมาสแรกคาดว่าจะมีกำไรสูงขึ้น 155%yoy ที่ 623 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนถึง 1.13 พันล้านบาท แต่อาจ
จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ทั้งนี้ เนื่องจากผลของต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารสัตว์ลดลงต่ำกว่า 10% จากปกติที่จะอยู่ที่ระดับ 12-15% เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้
จากการถูกควบคุมโดยกระทรวงพาณิชย์ และผลประกอบการที่ตุรกีประสบผลขาดทุน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลปกติ
โดยผลประกอบการจะดีขึ้นชัดเจนในไตรมาส 2/51 เป็นต้นไป เรายังคงประมาณการรายได้ทั้งปีเติบโตในอัตรา 10%yoy อยู่ที่ 1.48 แสนล้านบาท กำไรสุทธิ 3.3 พันล้านบาท คิดเป็น 0.44 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ดีเรามองว่าผลประกอบการยังมี Upside จากแนวโน้มของราคาสินค้าที่จะขยับสูงขึ้นจากภาวะขาดแคลน
อาหารทั่วโลก ขณะที่คาดว่าบริษัทมีความสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้โดยรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น
ที่ 13.5% โดย SG&A/Sales อยู่ที่ 11.5% เราจึงปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 5.75 บาท อ้างอิง PE 13x
จากเดิมที่ PE 12x แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ 4.76 บาท แนวต้าน 4.90/5.30 บาท

UMS คาดกำไร 1Q/51 โตมากกว่า 100% จากราคาขายถ่านหินที่ขยับขึ้นและปริมาณขายเพิ่ม
ความเห็น จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2550 บริษัทฯมียอดขาย 515 ล้านบาท และ
มีกำไรสุทธิ 57.66 ล้านบาท หรือ 0.41 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ไตรมาส 4 ปี50 มีรายได้ที่ 804 ล้านบาท ซึ่งถ้าบริษัทฯสามารถทำรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ปีที่แล้วรายได้ในไตรมาส 1/51 จะขยายตัวถึง 56%yoy แต่โดยรวมแล้วบริษัทฯยังมองการขยายตัวได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาถ่านหินตาม BJI ในไตรมาส
1/50 อยู่ที่ 52.53 เหรียญ และไตรมาส 4/50 เฉลี่ยอยู่ที่ 82.2 เหรียญต่อตัน เทียบกับไตรมาส 1/51
ราคาเฉลี่ยขึ้นมาที่ 115.35 เหรียญ เพิ่มขึ้น 120%yoy และเพิ่มขึ้น 41%qoq ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่กำไร
ของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 100%yoy ซึ่งราคาขายเฉลี่ยถ่านหินของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,000
บาทต่อตัน ส่วนยอดขายก็เพิ่มขึ้น แต่ผู้บริหารยังคงเป้าหมายการขยายตัวเดิมที่ 30% เราประเมินกำไรสุทธิปี 2551 ที่ 502 ล้านบาท หรือ 2.39 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 38%yoy แนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน อยู่ที่ 35.55 บาท (PE 15x) มี Upside gain 24% มีแนวรับ 28.50 แนวต้าน 30 บาท

Technical Spicy
SET หลุด 834 ลดพอร์ตตาม แนวรับ 834/820 แนวต้าน 844/850
FIN รอดูก่อน แนวรับ 944 แนวต้าน 1000
PS ซื้อ (หลุด 11.40 Stop Loss) แนวรับ 11.40/10.70 แนวต้าน 12.30/13.20
CPALL ซื้อ แนวรับ 10.00 แนวต้าน 10.60/11.40
TTA ขาย แนวรับ 45.00/42.00 แนวต้าน 47.00/50.00

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 25/04/2008 @ 09:58:55 :
บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป

แนวโน้มตลาดวันนี้: อาจฟื้นตัวได้เพียงในกรอบจำกัด
บรรยากาศลงทุนในภูมิภาคดูเป็นบวกตามการปรับขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ หากแต่การ ปรับลงแรงของราคาน้ำมันในตลาดโลก อาจส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่ม พลังงานออกมา ขณะที่การอ่อนตัวลงอาจยังไม่มากพอต่อการลดแรงกดดันด้านเงิน เฟ้อ จึงยังดูเป็นปัจจัยลบต่อตลาดรวมอยู่ คาดว่าในวันนี้การฟื้นตัวของดัชนีหากจะเกิด ขึ้นตามบรรยากาศลงทุนในภูมิภาคก็ยังน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด กลยุทธ์ลงทุนยังคง
เน้น Selective trading อิงหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีเป็นหลักเป็นการช่วยลดความ เสี่ยงจากความผันผวนของตลาดไปในตัว ในระยะสั้นอาจต้องชะลอกลุ่มน้ำมันไว้ก่อน ชั่วคราว แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาว ให้รอซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัวแทน ตลาดน่าจะ เวียนเข้าเทรดกลุ่มอื่นมากขึ้น เดินเรือยังน่าสนใจต่อ
เนื่องจากดัชนี BDI ที่พุ่งต่ออีก 320 จุด กลุ่มสื่อสารน่าจะเผชิญแรงขายน้อยลงรอโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น
ยานยนต์เป็นอีก กลุ่มที่เริ่มน่าสนใจหลังยอดขายและยอดส่งออกรถยนต์เติบโตดีต่อเนื่อง

แนวต้าน : 838-843
แนวรับ : 830-826

ปัจจัยเด่นวันนี้

+ ดาวโจนส์ปิดบวก 85.73 จุด ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินที่ ร่วงลงจากความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดอาจสิ้นสุดลงแล้วสำหรับภาค ธนาคาร
+ เจ.พี.ฯ เจ.พี.มอร์แกน ได้เชิญผู้จัดการกองทุนจากทั่วโลก 43 กองทุน ที่มีเม็ดเงินลงทุน
ในเอเชียกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อมารับฟังข้อมูลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ตรงในประเทศไทย ในวันที่ 28 เม.ย.นี้
- ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปิดดิ่งลงแรงกว่า 2.24 ดอลลาร์ หลังการดีดตัว ขึ้นของค่าเงินดอลลาร์จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับยูโรในสัปดาห์นี้
- ติดตามความคืบหน้าด้านการเมือง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการจัดชุมนุมเชิง สัมมนาในช่วงเย็นวันที่ 25 เม.ย. ท่ามกลางการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญของ รัฐบาล

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com