April 29, 2024   10:23:22 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > บทวิเคราะห์วันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 23/04/2008 @ 08:59:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บริษัท แอโกรเวลท์ จำกัด

บทวิเคราะห์

ภาวะตลาดซื้อขายเงินสด : ราคายางแผ่นดิบตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ลดลงจากเมื่อวาน
0.62 บาท/กก. สวนทางกับน้ำยางสดที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.50 บาท/กก. เนื่องจากกรีดยางไม่ได้เพราะภาคใต้มีฝนตกกระจายหลายพื้นที่ ส่วนยางแผ่นที่ปรับลดลงในวันนี้ เหตุจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทและเงินเยนมีค่าแข็งขึ้น คาดว่าการลดลงเป็นเพียงระยะสั้นๆ

การซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้นสาม (RSS3) ประจำวันที่ 22 เมษายน 2551 ทั้งตลาดมีปริมาณการซื้อขายยรวมทุกเดือนส่งมอบ 569 สัญญา เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 431 สัญญา โดยมีสถานะคงค้างทั้งสิ้น 1,663 สัญญา เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 58 สัญญา โดยสัญญาส่งมอบเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นตัวแทนตลาดมีปริมาณการซื้อขาย 558 สัญญา เปิดซื้อขายกันที่ราคา 88.00 บาท/กก.ขึ้นไปสูงสุดของวันที่ 88.20 บาท/กก.ลงไปต่ำสุดของวันที่ 87.55 บาท/กก.ก่อนจะมาปิดที่ราคา 87.75 บาท/กก.ราคาลดลงจากวันก่อนหน้า 1.55 บาท/กก
.
Technical play : สัญญาณทางเทคนิคพลิกกลับโดยราคายางในโตคอมหลุดเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 5 วัน 10 วัน และ 15 วันลงมาได้อีกครั้ง (SMA 5 วันเท่ากับ 292.30 เยน SMA 10 วันเท่ากับ 287.44 เยนและSMA 15 วันเท่ากับ 287.75 เยน) และมีสัญญาณขายจาก slow stochastic ออกมาด้วย แต่สัญญาณตัวหลักจาก MACD ยังไม่มีเปลี่ยนทิศจากขาขึ้น คาดการณ์แนวรับโตคอมอยู่ที่ 282-280 เยน แนวต้านแรก 295-296 เยน แนวต้านถัดไป 301-302 เยน สำหรับ afet คาดการณ์แนวรับ 86.00 บาท แนวต้าน 90.00 บาท และแนวต้านถัดไป 92.00 บาท

กลยุทธ : เป็นไปตามที่คาดไว้จริง ๆ ว่าราคาตลาดโตคอมมีโอกาสที่เคลื่อนไหวในช่วงกว้าง
เพราะจะมีแรงซื้อและขายออกมาจากนักลงทุนที่สะสมสถานะซื้อและขายออกมา ราคายังมีโอกาสแกว่งในช่วงกว้างได้อีกให้นักลงทุนระมัดระวังไว้ด้วยถ้ายังไม่แน่ใจให้รอจังหวะก่อนจะดีกว่า แต่ถ้านักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงเมื่อราคาย่อลงมาก็สามารถซื้อสะสมได้เพราะเมื่อมองระยะยาวแล้วโอกาสที่ราคาจะปรับลดลงไปได้ลึก ๆ ยังเป็นไปได้น้อยอยู่และสำหรับนักลงทุนที่จะเล่นสถานะขายให้ระมัดระวังอย่าขายในระดับต่ำและเมื่อมีกำไรควรล้างสถานะออกไปอย่างรวดเร็ว


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 23/04/2008 @ 09:29:37 :
บล. โกลเบล็ก

Distributor - Bisnews AFE

SET 850.02 +8.04 +0.95%
H / L : Day 850.02 / 840.49
H / L : Week 853.50 / 840.36
H / L : Year 860.69 / 728.58

ปรับตัวไม่ต่ำกว่า 850 แนวโน้มขึ้นต่อ

ระยะสั้น ดัชนีไม่ได้ปรับลงต่อจากแท่งเทียนสีดำ BEARISH ยืนเส้น SMA 5 วัน ได้ต่อเนื่อง
ก่อนกลับตัวมาเป็นแท่งเทียนสีขาว ทำให้ยังคงแนวโน้มขึ้นเดิม ผ่านยืน 850 เป็นสัญญาณขึ้นรอบใหม่
ระยะสั้น ดัชนีไม่ได้ปรับตัวลงต่อแม้ว่าจะเกิดแท่งเทียนก่อนหน้าที่เป็นแท่งเทียนสีดำ BEARISH
แต่สามารถทรงตัวเหนือแนวรับเส้น SMA 5 วันก่อนกลับตัวเป็นแท่งเทียนสีขาว เป็นสัญญาณซื้อรอบใหม่
ทำให้ SMA 5,10 วัน ยังคงแนวรับขาขึ้นไว้ได้ส่งผลให้แนวโน้มขึ้นเดิมยังคงอยู่ และมีโอกาสกลับตัวขึ้นต่อ
แต่เนื่องจากดัชนีขึ้นมาอยู่ใกล้แนวต้านเส้น BB TOP อีกครั้งทำให้ดัชนียังมีแรงกดดันขาขึ้นจากความร้อนแรง
ระยะสั้นที่ยังคงอยู่ทำให้ยังมีความเสี่ยงการพักตัว ดังนั้นเพื่อกลับมาอยู่ในแนวโน้มขึ้นเดิมและเพิ่มน้ำหนักหัก
ล้างแรงกดดันของเส้น BB TOP ดัชนีต้องผ่านยืนแนวต้าน 850 ขึ้นมาได้อีกครั้งเพื่อเกิดสัญญาณซื้อเสริมกับ
แนวโน้มขึ้นของแท่งเทียนและการเรียงตัว SMA 5,10 วัน เพื่อเกิดแรงส่งการขึ้นต่อ ไม่ผ่านยืน 850
แนวโน้มพักตัวออกด้านข้างเพื่อลดความร้อนแรงระยะสั้นก่อนหน้าที่ยังคงอยู่ กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรเมื่อผ่าน
ยืนแนวต้าน 850 ได้ต่อเนื่องโดยไม่วกกลับลงมาต่ำกว่าเท่านั้น
ระยะกลาง ดัชนียังคงแนวแกว่งตัวในช่วงไหล่ขวารูปแบบหัวและไหล่ขึ้น ขณะที่การเรียงตัว SMA
5,10วัน และ RSI,MACD ปรับขึ้นเป็นสัญญาณบวก ทำให้มีแนวโน้มกลับตัวขึ้นต่อ กลยุทธ์ ถือปรับตัวซื้อแนวรับ
แนวรับ : 846 / 840
แนวต้าน : 850*** / 856

FIN 995.60 GAP
ความเห็น: ดัชนีเปิด GAP ขึ้นต่อหลังเกิดสัญญาณซื้อรูปแบบสามเหลี่ยมเป็นสัญญาณขึ้นต่อเนื่อง
แต่ระยะสั้นมีโอกาสพักตัวหลังจากขึ้นมาแรงเหนือเส้น BB TOP และ RSI เข้าเขตซื้อมาก แต่แนวโน้มเป็น
การพักตัวเพื่อขึ้นต่อเนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นทิศทางขึ้น
กลยุทธ์ ปรับตัวรอซื้อเก็งกำไรแนวรับ
แนวรับ 991 / 979
แนวต้าน 1007 / 1035

ICT 85.28 กรอบขาลง
ความเห็น: ดัชนีต่อยอดขาลงต่อเนื่องลงมาอยู่ต่ำกว่าเส้น SMA 5,10 วันที่ตัดกันลงมาเป็น
สัญญาณ DEAD CROSS พร้อมค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับลงเป็นสัญญาณลบ ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับลงต่อตาม
กรอบขาลงที่กดดันอยู่
กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรรอช่วงปรับตัว
แนวรับ 83.00 / 81.00
แนวต้าน 87.00 / 90.00

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 23/04/2008 @ 09:35:01 :
บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส
PTT, BANPU, TOP, BBL ฟื้นตัวทดสอบ 860 จุด

ภาพวันวาน
ปิดตลาดดัชนีบวก 0.96% แม้ระหว่างวันแกว่งตัวลงจนติดลบก็ตาม โดยชั่วโมงสุดท้ายมีซื้อหนุนในหุ้นพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP) ขณะที่ยังมีแรงขายจากหุ้น ธ.พ. โดยรวมมูลค่าการซื้อขายทรงตัว 2.26 หมื่นล้านบาท ขณะที่ต่างชาติขายกลับมาขายสุทธิ 201.13 ล้านบาท

ประเด็นร้อนวันนี้

* เน้น ธ.พ. ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาฯรอบ 2
ที่ประชุม ครม.วานนี้ อนุมัติเพิ่มเติมให้ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองแก่บ้านมือสอง ให้
เหลือ 0.01% เท่ากัน จากเดิม 2% และ 1% ตามลำดับ (ต้องรอพระราชกฤษฎีกา) เท่ากับครอบคลุมบ้านที่อยู่นอกโครงการจัดสรรด้วย เพิ่มเติมจากเดิมที่อนุมัติเฉพาะโครงการจัดสรร ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วจนถึง
วันที่ 28 มี.ค.2552 เชื่อว่าเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในวงกว้าง น่าจะเป็นผลดีต่อการขยายสินเชื่อของ ธ.พ. ขณะที่ราคาหุ้นของกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการปรับฐานระยะสั้นภายหลังจากการ
รายงานงบการเงินงวด 1Q51 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดหมายว่างวดที่เหลือของปี 2551 ผลกำไรจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ทั้งสินเชื่อที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากความต้องการในภาคการเกษตร และการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง จึงแนะนำทยอยซื้อสะสม KBANK(FV@B109.65), BBL(FV@B155.28), BAY(FV@B29.73),
KTB(FV@B11.20)

* สินเชื่อรายย่อย ได้ประโยชน์ตามกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มจากราคาพืชผลที่ดี
แม้เงินเฟ้อในประเทศมีทิศทางสูงขึ้นทะลุ 5% จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน
ดิบโลก ซึ่งทำสถิติสูงใหม่ตลอดกาล (ล่าสุดราคาน้ำมันดูไบแตะ 109.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล) และราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพืชผลเกษตร และเนื้อสัตว์ เชื่อว่าเป็นปัญหาที่กดดันต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก อย่างไรก็ตามการที่ราคาพืชผลเกษตรของไทยปรับตัวสูงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะพืชทดแทนน้ำมัน (ข้าวโพด และมันสำปะหลัง) รวมถึงข้าว (เนื่องจากประเทศผู้ผลิตสำคัญของโลกคือ เวียดนาม และอินเดีย ประสบปัญหาผลผลิตลดลงจากภัยธรรมชาติ) ช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนในระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ บวกกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้น หลังจาก
รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จะมีส่วนสำคัญช่วยการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงที่เหลือของปี โดยในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ แสดงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น ตัวเลขค้าปลีก และยอดจำหน่ายรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น เป็นผลดีต่อ ธ.พ. รายย่อย ที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการบริโภค แนะนำซื้อสะสม KK(FV@B39.31), TCAP
(เพื่อรับเงินปันผล 0.60 บาท XD 8 พ.ค.2551), BIGC(FV@B61.70)

* ภาพใหญ่ดูดีขึ้น ธปท. ปรับ GDP growth ปี 2551 ขึ้น ภาวะการลงทุนเอกชนสดใส
ธปท. ได้ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2551 เป็นช่วง 4.8-6% จาก
เดิม 4.5-6% จากผลบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว สร้างความเชื่อมั่นต่อภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชน โดยล่าสุด ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยประเด็นที่ทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการ GDP growth ดังกล่าวคือ 1) ปรับตัวเลขการนำเข้าสูงขึ้นจากเดิม 15.5-18.5% เป็น 22.5-25.5% โดยเกิดจากการนำเข้าของสินค้าประเทศทุน (Capital Goods) และ 2) การส่งออกก็มีแนวโน้มจะขยายตัวดีขึ้นจากเดิม ที่คาดว่าจะเพิ่ม 9-12%) เป็น 13.5-16.5% แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลลาร์สหรัฐก็ตาม แต่โดยรวมเป็นการแข็งค่าในระดับที่ใกล้เคียงกับภูมิภาคเอเซีย รวมถึงประเทศไทยยังมีการขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เช่นในตะวันออกกลาง เป็นต้น ภาพใหญ่ที่ดีขึ้นน่าจะหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ตราบที่ยังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศ

INVESTOR S PLUS
แนวรับ / แนวต้าน ใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด: 820 / 860 จุด

ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวเชิงลบ แนวรับ 840 จุด แนวต้าน 858 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : แนะนำเลือกซื้อหุ้นรายตัวเมื่อราคาอ่อนตัวเข้าสู่แนวรับ KBANK(90/94),
BBL(137/145), BAY(24.3/25.25), BANPU(436/460), LH(9.15/9.5), QH(2.72/2.94)


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 23/04/2008 @ 09:38:41 :
รอยเตอร์


*นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีคงจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งการที่ราคา

น้ำมันยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจโดยรวม อย่าง

ไรก็ตามในส่วนของตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีหุ้นกลุ่มพลังงานที่มาร์เก็ตแคปใหญ่ จะ

สามารถช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลดลงมามาก

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงในวันอังคาร หลังราคาน้ำมันพุ่งใกล้ระดับ 120 ดอลลาร์ต่อ

บาร์เรล ซึ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึง

การเปิดเผยแนวโน้มผลกำไรที่น่าผิดหวังจากบริษัทต่างๆของสหรัฐ ทำให้บรรยากาศ

การซื้อขายดอลลาร์ย่ำแย่ลง

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดวานนี้ พุ่งขึ้น 1.89

ดอลลาร์ ปิดที่ 119.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ โดยความอ่อนแอ

ของดอลลาร์ กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันยังได้แรงหนุน

จากข่าวสถานการณ์ในไนจีเรียและอังกฤษ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกังวลเรื่องอุปทาน

*วันอังคารต่างชาติขายสุทธิ 201.13 ลบ.จากวันจันทร์ซื้อสุทธิ 953.80 ลบ.

*เช้านี้บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 31.41/44 จากเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 31.46/49

*นักวิเคราะห์มองแนวรับที่ 845 และแนวต้านที่ 860


"วันนี้คงจะทรงๆ ตัว เปิดตลาดมาอาจจะลงเล็กน้อย หลังจากนั้นมีโอกาสดีดกลับ

ขึ้นมาได้ แต่ก็คงจะขึ้นไม่มาก...ตลาดบ้านเรามีหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นประเภท commodity

คิดเป็นมาร์เก็ตแคปราว 40% คงจะช่วยดึงดัชนีไม่ให้ลงมากได้" นายจักรกริช เจริญเมธาชัย

หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาด บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี(ประเทศไทย)กล่าว

เขากล่าวว่า การซื้อขายหุ้นในวันนี้ คาดว่าจะมีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน

และหุ้นขนาดเล็กประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ เช่นหุ้นกลุ่มเกษตร หรือหุ้นที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน เพราะ

มีแนวโน้มที่ดี ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/51 ดีกว่าที่คาด

การณ์ไว้ ซึ่งได้มีการรับรู้ไปแล้ว จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาแล้ว

เขากล่าวว่า วานนี้นักลงทุนต่างชาติก็ได้มีการโยกเงินลงทุน จากกลุ่มแบงก์ไปยังกลุ่ม

พลังงาน เพราะมองว่าเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัย ในช่วงที่ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง

นายจักรกริชกล่าวว่า การซื้อขายวันนี้จะมีแนวรับที่ 845 และแนวต้านที่ 860


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญ

*ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันอังคารปิดบวก 8.04 จุดหรือ 0.95% มาที่ 850.02

ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22,670.37 ล้านบาท

*ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เมื่อวันอังคาร ปิดลบ 104.79 จุดหรือ 0.82% มาที่

12720.23 และดัชนีแนสแดค ปิดลบ 31.10 จุด หรือ 1.29% มาที่ 2376.94

*ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวกรอบแคบ โดยตลาดสิงคโปร์ บวก

0.14%, ญี่ปุ่น บวก 0.69%,เกาหลีใต้ บวก 0.85%, ไต้หวัน ลบ 0.54% และ

ฮ่องกง บวก 0.36%


จับตาหุ้น

*SHIN ศึกษาแผนธุรกิจใหม่ แต่ยังเน้นกลุ่มโทรคมนาคม-มีเดีย

*TGPRO คาดปี 51 รายได้รวมโต 5-10%,เล็งลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน

*BSBM มองราคาเหล็กอยู่ในระดับสูง หนุนผลประกอบการปีนี้เติบโต

*AMATA จะเซ็นสัญญาขายที่ดินให้กลุ่มมิตซูบิชิกว่า 90 ไร่ ศุกร์นี้

*UV คาดปีนี้รายได้รวมโต ยอดขายสังกะสีอ๊อกไซด์เพิ่ม,รุกลงทุน

*IEC หนังสือพิมพ์เผย นัดบิ๊กบริษัทจีนเซ็นสัญญาวันนี้

*NNCL หนังสือพิมพ์เผย ผู้บริหารคาดจ่ายผลตอบแทนเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 7%--จบ-

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com