มีคนตั้งโจทย์ลองภูมิกันขึ้นมาง่ายๆว่า หากค่าดอลลาร์เสื่อมลงจนกระทั่งติดพื้นเพราะเศรษฐกิจอเมริกาเยียวยายากลำบาก โลกจะอยู่ได้โดยไม่มีอเมริกา และเงินดอลลาร์อย่างไรกัน?
โจทย์นี้ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เพราะยังไม่เกิดขึ้น และไม่มีใครกล้าคิดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ววัน ในอดีต

พวกคอมมิวนิสต์และสังคมนิยม เคยเชื่อมั่นว่า เมื่อถึงยุคจักรวรรดินิยมแล้ว ทุนนิยมจะเริ่มเสื่อมทรามลงเสียจนกระทั่งค่าเงินสกุลสำคัญต่างของโลกรวมทั้งดอลลาร์จะสลายตัวไป แต่เมื่อเอาเข้าจริง คอมมิวนิสต์และสังคมนิยมนั่นแหละกลับล่มสลายลงไปเสียก่อน

ในขณะที่ทุนนิยม กลับปรับตัวได้รวดเร็วกว่า และอยู่รอดมาได้อย่างดี แถมยังมีขนาดใหญ่โตมากขึ้น เรื่องของเศรษฐกิจอเมริกา และดอลลาร์ในยามนี้ก็เช่นเดียวกัน นี่ไม่ใช่วิกฤตครั้งแรก และครั้งสุดท้าย เพราะเอาเข้าจริง ฐานรากของเศรษฐกิจอเมริกันนั้น ยังแข็งแกร่งอยู่มาก ปัญหาที่อเมริกาแก้ไม่ตกในหลายสิบปีมานี้ก็เพียงแค่ว่า นิสัยใช้จ่ายเงินเกินตัวที่พอกพูนจนเสียนิสัยกันไปหมด ทำให้การบริโภคเป็นฐานรากสำคัญของทุนนิยมแบบอเมริกัน และวันนี้ เมื่อแนวโน้มของฟองสบู่เศรษฐกิจเกิดขึ้นเพราะหนี้สินภาครรัวเรือนของคนอเมริกันเป็นพิษขึ้นมา ก็ทำให้เกิดอาการผิดสำแดงรุนแรงแก้ยาก [/color:ed0ea61e02">

สิ่งที่อเมริกาหวั่นกลัวในยามนี้ เกี่ยวกับเรื่องของค่าดอลลาร์ กลับไม่ได้อยู่ที่ประเด็นเรื่องของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก หากอยู่ที่ว่า เมื่อใดโอเปค หรือ ตลาดน้ำมันโลกจะเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นตัวการในการซื้อขายมากกว่า เพราะหากขืนเป็นเช่นนั้นจริง หายนะของดอลลาร์และเศรษฐกิจอเมริกันจะมาเยือนในฉบัพลันทันที

ทำไมถึงได้สำคัญเช่นนี้? เรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปมองถึงที่มาและเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของค่าดอลลาร์ โดยเฉพาะที่เรียกกันว่า ปิโตรดอลลาร์ หรือ ดอลลาร์ในตลาดน้ำมันและพลังงานของโลก คำว่าปิโตรดอลลาร์ เกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตน้ำมัน ค.ศ. 1973 หรือ พ.ศ. 2516 นั่นเอง ช่วงเวลาดังกล่าว พวกชาติในตะวันออกกลาง ได้แสดงความไม่พอใจต่อการที่สหรัฐฯสนับสนุนให้อิสราเอลทำสงครามกับชาติอาหรับหลายแห่ง จนไม่แยแสต่อพวกมุสลิม จึงได้คิดค้นหาวิธีแก้เผ็ด ด้วยการใช้กลุ่มชาติส่งออกน้ำมันหรือ โอเปค รวมตัวกันขึ้นราคาน้ำมัน เป็นวิกฤตน้ำมันครั้งแรกของโลก ในระหว่างที่ชาวโลกกำลังสาละวนกับการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำมันซึ่งนำไปสู่เงินเฟ้ออย่างมหาศาล และรัฐบาลหลายชาติต้องล้มลงไป ตัวแทนรัฐบาลและกลุ่มทุนอเมริกันกลับสร้างนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ด้วยการเจรจาลับกับรัฐบาลราชวงศ์ซาอุด ของประเทศซาอุดิอาระเบีย เรียกกันว่าข้อตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจ U.S.-Saudi Arabian Joint Economic Commission โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า อเมริกาจะให้ความร่วมมือช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยีการผลิตน้ำมัน และทางทหาร เพื่อปกป้องราชวงศ์ซาอุดให้อยู่ในอำนาจไปยาวนาน เพื่อแลกกับการที่ซาอุดิอาระเบียจะยอมขายน้ำมันให้กับสหรัฐฯหรือบริษัทอเมริกัน หรือชาติอื่นๆในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น

ไม่เพียงเท่านั้น ซาอุดิอาระเบีย ยังมีข้อตกลงลับเพิ่มเติมอีกว่า ในฐานะที่เป็นแกนกลางของกลุ่มโอเปค ซาอุดิอาระเบียจะโน้มน้าวให้ชาติสมาชิกโอเปคยินยอมขายน้ำมันออกสู่ตลาดโลกโดยใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นตัวกลางซื้อขาย ความพยายามของสหรัฐฯดังกล่าวบังเกิดผลตามเป้าหมาย ซาอุดิอาระเบียนั้น นอกจากเป็นชาติที่ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งในกลุ่มโอเปคมาโดยตลอดแล้ว ยังได้รับสิทธิพิเศษเป็นโควตายืดหยุ่น หรือ swing quota ที่สามารถผลิตเพิ่มหรือลดน้ำมันออกสู่ตลาดโลกได้ตามต้องการโดยไม่ต้องปรึกษาชาติอื่นๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน นั่นหมายความว่า ซาอุดิอาระเบีย จะเป็นชาติที่กำหนดราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญมากที่สุดของโอเปค ถือเป็นตัวชี้นำราคา ที่สำคัญกว่านั้น การที่กลุ่มโอเปค ยอมรับให้ซื้อขายน้ำมันในตลาดโลกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯอย่างเดียว ก็ทำให้มาตรฐานราคาน้ำมันโลก เป็นมาตรฐานดอลลาร์โดยปริยาย [/color:ed0ea61e02">

ผลลัพธ์คือ ไม่ว่าโอเปคที่ยิ่งใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็ไม่อาจทอดทิ้งดอลลาร์สหรัฐได้ และทำให้ดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นเงินมาตรฐานสากลสำหรับธุรกิจพลังงานโดยอัตโนมัติ และไม่มีสกุลเงินไหนท้าทายค่าดอลลาร์ได้ ผลต่อเนื่องก็คือ ทุกๆชาติในโลกที่ต้องซื้อพลังงานหรือ ขายพลังงาน ลวนมีความจำเป็นต้องถือเงินดอลลาร์เอาไว้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อเอาไว้ใช้ในตลาดน้ำมันและพลังงานทั้งหมด

นั่นก็หมายความโดยปริยายว่า การพิมพ์เงินดอลลาร์ออกสู่ตลาดน้ำมัน ได้กลายเป็นภาระหน้าที่กำกับดูแลของเฟดฯหรือธนาคารกลางสหรัฐไปด้วย เพื่อให้ปริมาณดอลลาร์ในตลาดโลกสัมพันธ์กับราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยกระบวนการเช่นนี้ เท่ากับว่าเฟดฯ มีส่วนร่วมในการกำหนดราคาน้ำมัน และปริมาณปิโตรดอลลาร์ตามไปด้วย ใครที่กล้าบังอาจท้าทายกติกาที่อเมริกากำหนด อาจจะถึงความพินาศได้ไม่ยาก ตัวอย่างของซัดดัม ฮุสเซน แห่งอีรัค ซึ่งพยายามประกาศหลังสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรกว่า ต่อไปนี้ อีรัคจะพยายามขายน้ำมันในรูปเงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ซึ่งแม้จะทำไม่ได้ ก็ยังเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้อเมริกันจำต้อง?ฆ่าตัดตอน?ด้วยการทำลายรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซนย่อยยับไป

วันนี้ เมื่อเศรษฐกิจอเมริกันกำลังย่ำแย่ ความสามารถในการกำกับดูแลค่าดอลลาร์ของเฟดฯเริ่มเป๋ เพราะเทียบกับเงินสกุลอื่นๆแล้ว ค่าดอลลาร์ตกต่ำไปเกือบ 40% แล้ว และยังจะทรุดหนักลงไปอีก หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ชาติโอเปคหลายแห่ง นำโดยเวเนซูเอล่า และ อิหร่าน ก็ประกาศมาแล้วว่า จะพยายามขายน้ำมันในรูปเงินยูโรหรืออื่นๆแทนมากขึ้น ซึ่งหากเป็นจริง อำนาจนำของดอลลาร์สหรัฐฯในตลาดน้ำมันก็จะหายนะอย่างง่ายดาย เรื่องนี้ ดูเหมือนจะซ้ำร้ายหนักขึ้นด้วย เพราะรัสเซียและชาติที่ส่งออกก๊าสธรรมชาติก็พยายามประกาศเช่นกันว่า ในอนาคต จะขายสินค้าในรูปเงินสกุลอื่นๆมากขึ้นแทนที่ดอลลาร์ นั่นคือ การประกาศจุดยืนว่า โลกอาจจะอยู่ได้โดยไม่ต้องมีดอลลาร์ และสหรัฐฯก็เป็นได้ เพียงแต่ยามนี้ ถือเป็นแค่การจุดประกายเท่านั้น ยังไม่ใช่กระแสที่แท้จริง[/color:ed0ea61e02">................

:lol:

ปทท. มีเงินทุนสำรองที่เป็น $US เท่าไหร่ ???? ใครรู้บ้างงง..... :roll: