April 29, 2024   9:55:09 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ++++ สัญญาณหุ้น ++++
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/03/2008 @ 10:36:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ธนชาต
แนะนำซื้อ SAT
ราคาเป้าหมาย
จากการเข้าร่วมการประชุมกับผู้บริหาร SAT ทำให้เรามีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของ SAT ในปีนี้ น่าจะยังคงดีอยู่ แม้ว่าผลการดำเนินงานอาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา โดยประเด็นสำคัญจากการประชุมมีดังนี้

SAT คาดว่า top line ของปี 2008 จะเติบโตราว 12% ดีกว่าที่ SAT ประเมินไว้ว่าทั้งอุตสาหกรรมจะมีอัตราการเติบโตที่ 7.5%ผลักดันโยคำสั่งซื้อที่มีอยู่ราว 600 ลบ.

SAT ได้เพิ่มกำลังการผลิต coil spring โดยคาดว่าจะเสร็จในช่วง 2Q-3Q08. การขยายน่าจะต้องใช้งบลงทุนราว 200 ลบ.

นอกจากนี้ เรายังคาดว่า SAT น่าจะเพิ่มกำลังการผลิต Axle Shaft หลังจาก

Utilization rate อยู่ที่ระดับ 90% หากรวม capex จากการการซ่อมแซมและบำรุงรักษาแล้ว เราคาดว่า Capex ของ SAT ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 600 ลบ. สูงกว่าที่ผู้บริหาร SAT ประเมินไว้ราว 400 ลบ. โดยคาดว่า Capex จะมาจากกระแสเงินสดภายใน และการกู้ยืมเงิน

เราเห็นถึงความกังวลในเรื่องราคา iron ore ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน และค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น หลังจากบริษัทฯ ขยายกำลังการผลิต ซึ่งอาจจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ SAT ในปีนี้หดตัวลงจากระดับสูงสุดในช่วง 4Q07 ที่ 23.6% และ 22% ในช่วงปี

2007 แต่อย่างไรก็ตามประโยชน์จากการทำ backward integration กับโรงงานเหล็กหล่อ ซึ่งน่าจะถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในปีนี้ น่าจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับสูงกว่า 20% ได้ ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 14-15%

เราเห็นว่าราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 13.9 บาท/หุ้น หมายถึงการซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ถูกราว 6.6 เท่า และ 5.9 เท่า ในปี 2008-09 นั้นไม่สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 18 บาท/หุ้น

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
แนะนำซื้อ SPALI
ราคาพื้นฐาน 5.00 บาท

จากปีที่แล้ว 40% เนื่องจากแบกรับราคาวัสดุก่อสร้างไม่ไหว ตั้งเป้ายอดขายปี 51

10,000 ล้านบาท เชื่อครึ่งปีหลัง อสังหาฯ ฟื้น เหตุดอกเบี้ยลด-รัฐบาลกระตุ้นกำลังซื้อ ไตรมาส 3/51 เดินหน้าปรับราคาขาย เพิ่ม 5-10% (ข่าวหุ้น)

ดูพาดหัวแล้วเหมือนเป็นข่าวร้ายเสียเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์ทราบกันดีอยู่แล้ว และมีสมมุติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 38.4% เนื่องจากรายได้ส่วนหนึ่งมาจากคอนโดราคาต่ำ คือ ซิตี้โฮม และขณะนี้บริษัทก็มีลูกเล่นที่จะทำได้ในการรับมือวัสดุก่อสร้างเพิ่ม แต่พยุงราคาขายบ้านไว้ได้ ก็คือ นำมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ประหยัดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอน มาช่วยชดเชยบางส่วน

เราคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรสุทธิปีนี้เป็น 7.6% เพราะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมเพียง 2 โครงการ แต่กำไรสุทธิต่อหุ้นจะโตเพียง 0.2% เพราะจำนวนหุ้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หลัง SPALI-W3 และ ESOP-W หมดอายุลง ทำให้เกิด dilution effect 7% แต่อัตราการเติบโตจะกลับมาน่าตื่นเต้นในปี 52 คือ 47% เพราะมีคอนโดหลายโครงการมีการโอนกรรมสิทธิ์ ราคาหุ้นซื้อขายในราคาที่ถูกมากๆ P/E ปี 51 เป็นเพียง 6.7

เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเป็น 7.1% คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานอิงตาม P/E

ปี 51 ที่ 9.5 เท่า และตรงกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้นที่ 5.00 บาท

บล.โกลเบล็ก
แนะนำซื้อUVAN
ราคาเป้าหมาย 80 บาท

คาดกำไรสุทธิปี 2008 เติบโต 35% yoy: เราคาด UVAN จะมีกำไรสุทธิปี 2008 เท่ากับ 681 ล้านบาท หรือเติบโต 35% yoy เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง และปริมาณการผลิตปาล์มที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีความต้องการไบโอดีเซล

B2 ที่จะทำให้ความต้องการน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันปาล์มดิบยังสูงและปริมาณผลผลิตจะเพิ่มขึ้น: ความต้องการพลังงานทดแทนจากพืชพลังงานยังเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อปริมาณความต้องการน้ำมันปาล์มดิบเพื่อนำไปผลิตไบโอดีเซล และเราเชื่อว่าในปี 2008 ปริมาณความต้องการพลังงานทดแทนยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งการรณรงค์ลดโลกร้อนในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นในปี 2008 เราประเมินราคาน้ำมันปาล์มดิบไว้ที่ $910/ton (สูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 2007 ประมาณ 17%) โดยมีข้อสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ $90/Barrel นอกจากนี้จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าผลผลิตต่อไร่ของปาล์มน้ำมันสำหรับประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 ตันต่อไร่ เพิ่มขึ้นประมาณ 9.3% จากปริมาณน้ำฝนอยู่ในระดับที่สูงในฤดูเพาะปลูก และเกษตรกรเอาใจใส่ดูแลสวนปาล์มมากขึ้นจากแรงจูงใจที่สูงขึ้น แต่สำหรับ UVAN ในปีที่ผ่านมามีผลผลิตต่อไร่ประมาณ 2.9 ตัน และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เป็น 3.2 ตันต่อไร่

ความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น: จากการประกาศใช้ไบโอดีเซล B2 ทำให้ความต้องการน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศให้สูงขึ้นเนื่องจากเมื่อพิจารณาปริมาณอุปทานน้ำมันปาล์มดิบในปีนี้ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.37 ล้านตัน (คาดผลผลิตปาล์มทั้งประเทศปีนี้เท่ากับ 7.873

ล้านตัน และ yield เฉลี่ยในการสกัดน้ำมันเท่ากับ 17.5%) และปริมาณการบริโภคเฉลี่ยปีละ 9 แสนตันต่อปีแล้วจะเห็นได้ชัดว่าการความต้องการน้ำมันปาล์มที่จะเพิ่มขึ้นจากไบโอดีเซล B2 จะทำให้อุปสงค์ - อุปทานน้ำมันปาล์มดิบในปีนี้ค่อนข้างตึงตัวกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นมาตรการห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มของรัฐบาลจึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อราคาและยอดขายในปี2008 อย่างไรก็ตามการเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศของ UVAN อาจจะกระทบต้นทุนค่าขนส่ง เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น

บล.เอเชีย พลัส
แนะนำซื้อ BGH
ราคาพื้นฐาน 43.16 บาท

ปี 2551 BGH ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตราว 15% โดยคาดหวังเพิ่มจำนวนคนไข้มากขึ้น จากการวางมาตราการคงราคาค่าบริการและค่ารักษาพยาบาลเพื่อจูงใจลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการการรักษาอย่างใกล้ชิด และวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เดินทางมารักษา ขณะเดียวกัน BGH ยังพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ การใช้บริการห้องแล็บร่วมกันของรพ.เครื่อข่ายทั่วประเทศ แทนวิธีเดิมที่ใช้ร่วมกันเฉพาะในกรุงเทพ รวมทั้งการใช้บริการร่วมกันในหน่วยงานบริการอื่น อาทิ ทรัพยากรบุคคล ไอที และการตลาด เพื่อใช้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ยังมีแผนปรับโครงสร้างการกู้ยืมเงินของรพ.ในเครือทั้งหมด โดยการออกหุ้นกู้จำนวน 5 พันล้านบาท และกู้เงินจากสถาบันการเงินอีกราว 3.5 พันล้านบาท เพื่อนำมาชำระหนี้เดิมที่รพ.ในเครือกู้ได้ไว้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แพงกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายจากอัตราเดิมราวปีละ 1-1.5% รวมทั้งคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขอมาตราฐาน JCI ของโรงพยาบาลที่เหลือจะมีไม่มากนัก เนื่องจากจะขอมาตราฐาน JCI เฉพาะรพ.ที่มีชาวต่างชาติมาใช้บริการจำนวนมากเท่านั้น อาทิ รพ.กรุงเทพภูเก็ต และรพ.กรุงเทพสมุย

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com