kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 18/03/2008 @ 08:08:41 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต หุ้นทั้งโลกดิ่ง ตื่นวิธีแก้วิกฤตของเฟดฉุกเฉิน สะท้อนปัญหากินลึกสถาบันการเงินสหรัฐ หุ้นขาลงยาว แนะเป็นจังหวะช้อนของดีราคาถูก
ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงตื่น ตระหนกกับมาตรการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยพื้นฐานลงฉุกเฉิน 0.25% เหลือ 3.25% และเปิดทางเฟดปล่อยกู้ตรงต่อสถาบันการเงินได้เป็นเวลา 6 เดือนนับจากนี้ เพื่อแก้ไขสภาพคล่องตึงตัวในระบบสถาบันการเงิน หลังจาก แบร์เสติร์นส์ ล้มละลายจนต้องให้เจพีมอร์แกน เชส เข้าไปควบรวมกิจการ
ผลของการแก้วิกฤตเฉียบพลันของเฟดทำให้เงินสหรัฐอ่อนค่าลงแรง เกิดการปิดสถานะเยนแครีเทรดแบบฉุกเฉิน ทำให้เงินเยนแข็งแตะ 95.72 เยนต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำสุดในรอบ 13 ปี จนธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องอัดฉีดเงินเข้าระบบ 4,100 ล้านเหรียญ และธนาคารกลางอังกฤษยังเสนอเงินอีก 1 หมื่นล้านเหรียญ และทำให้หุ้นเอเชียและยุโรปปรับตัวลงแรง เช่น ดัชนีฮั่งเส็งลด 5.18% ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงกว่า 200 จุด
สำหรับหุ้นไทยปิด 806.74 จุด ลดลง 11.30 จุด หรือ 1.38% มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,519.38 ล้านบาท ต่างชาติ และสถาบันขาย 1,017 ล้านบาท และ 390 ล้านบาท ตามลำดับ
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส บล.ธนชาต กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงน้อย และเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ไม่เหมือนหลายประเทศที่ค่าเงินอ่อนยวบและดัชนีปรับตัวลงแรงเนื่องจากมีเงินไหลออกจำนวนมาก เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเกาหลี
?ตลาดหุ้นไทยหนีไม่พ้นวิกฤตครั้งนี้ และยังมีโอกาสลงต่อ หากมีการแห่ขายซีดีโอจนแทบไม่มีมูลค่า ซึ่งทำให้เฟดไม่มีทางออก จะต้องลดดอกเบี้ยลงแรงและปั๊มเงินเข้าไปในระบบทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนลงไปอีก? นายพิชัย กล่าว
สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนีมีโอกาสลงไปถึง 790 จุด ดังนั้นในช่วงนี้นักลงทุนควรเลือกซื้อหุ้นที่ราคาปรับตัวลงไปมาก เช่น หุ้น ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) แต่ให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก อาทิ หุ้นขนส่งทางเรือ และปิโตรเคมี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่แย่ตามเศรษฐกิจสหรัฐ และหากเฟดลดดอกเบี้ยลงมากในการประชุมวันที่ 18 มี.ค.นี้ ทำให้ดอกเบี้ยในประเทศและสหรัฐห่างกันมาก แต่มองว่าหากห่างกัน 2% ก็ไม่มีผลให้เงินไหลเข้าออก
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ กล่าวว่า ตลาดตีความในเชิงลบถึงมาตรการของเฟดว่าวิกฤตเพิ่งเริ่มต้นและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาเฟดว่าจะลดดอกเบี้ยลงเท่าไร หากลดในอัตรา 0.5-0.75% ก็ไม่ช่วยให้ตลาดฟื้น แต่ถ้าลดพรวดเดียว 1% จะทำให้ตลาดฟื้นในระยะสั้นๆ
นอกจากนั้น ช่วงนี้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอยู่ในช่วงประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรก ซึ่งหากไม่ดีจะกดดันตลาด ต่อไป สำหรับดัชนีให้แนวรับ 795 จุด และแนวต้าน 815-820 จุด
Posttoday
:lol:
|