April 29, 2024   10:12:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น...เล่นสั้น 13/3/51
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 12/03/2008 @ 20:33:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
Bullish Engulfing ที่ปรากฎเมื่อสองวันก่อนได้ผลักดันให้ดัชนีดีดตัวขึ้นต่อ โดยทำจุดสูงสุดวานนี้บริเวณ 833 จุด สังเกตเห็นว่าดัชนีทดสอบ Dead Cross ที่เคลื่อนผ่าน 830 จุด เป็นครั้งแรกซึ่งส่งผลให้เกิดการชะลอตัวลงบ้าง โดยท้ายสุดดัชนีกลับมาปิด ณ 827 จุด พร้อมด้วยรูปแบบ Shooting Star จากสัญญาณข้างต้น บ่งบอกถึงการแกว่งตัวของดัชนีน่าจะอยู่ในกรอบ 820-830 จุด ระหว่าง gap ล่าสุด บริเวณที่เกิด Dead Cross ในช่วง 1-2 วันนี้


มุมมองระยะกลาง - TVO
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
แนวโน้มขาขึ้นระยะยาว TVO เริ่มต้นเมื่อ มิ.ย. 50 ณ เส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ บริเวณ 8.00 บาท ราคาฟื้นตัวอย่างมั่นคง โดยอาศัยเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ เส้น 25 สัปดาห์ เป็นฐานดีดตัว อีกทั้งสามารถทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 20.00 บาท ได้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การอ่อนตัวเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้น เนื่องจากภาวะซื้อมากเกินไป คาดว่าราคาหุ้นจะพักตัวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสองราว 15.00-17.00 บาท สักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่

หุ้นเด่น เล่นสั้น - PAE
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
การดีดตัวครั้งล่าสุดของ PAE เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจาก Golden Cross บริเวณ 1.00 บาท ถึงระดับ 1.88 บาท ซึ่งส่งผลให้เกิดการปรับฐานระยะสั้นในเวลาต่อมา ขณะนี้การพักตัวใกล้เสร็จสิ้น สังเกตได้จากสัญญาณ RSI รายสัปดาห์ที่มีทิศทางเชิงบวก ขณะที่พบแท่งเทียนเกิดรูปแบบสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ เส้น 25 สัปดาห์ ช่วง 1.40-1.60 บาท การดีดตัวครั้งต่อไปมีเป้าหมายหลักของการทดสอบคือจุดสูงเดิมที่ 2.50 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - IEC
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
หลังจากสร้างฐานบริเวณ 1.00-1.20 บาท กว่าหนึ่งปี IEC จึงได้เปลี่ยนแนวโน้มระยะยาว โดยครั้งนี้สามารถฝ่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ที่ 1.70 บาท ได้ไม่ยากนัก แม้ในระยะสั้น ราคาอาจเกิดการอ่อนตัว เนื่องด้วย RSI และ Stochastic เคลื่อนตัวเข้าสู่เขตการซื้อมากเกินไป แต่จะไม่ส่งผลลบต่อโครงสร้างขาขึ้น นักลงทุนสามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 1.70-1.90 บาท การดีดตัวครั้งหน้ามีโอกาสมากที่จะทดสอบแนวบรรจบของเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 สัปดาห์ บริเวณ 3.00 บาท


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 13/03/2008 @ 12:59:17 :
GRAMMY: การบริโภคฟื้นตัว หนุนความต้องการบริโภคสื่อบันเทิง ? ซื้อ
เราคาดว่า GRAMMY จะทำกำไรจากธุรกิจเพลงได้ดีขึ้นต่อเนื่องในปี 51 ทั้งจากยอดขายของสินค้าเพลงที่จะได้ประโยชน์จากการบริโภคที่ฟื้นตัว และการเติบโตของรายได้จากการดาวน์โหลดเพลง คอนเสิร์ต ธุรกิจจัดการบริหารศิลปิน ขณะที่ธุรกิจสื่อจะยังทำกำไรในระดับสูงต่อเนื่อง จากการปรับขึ้นค่าโฆษณาสื่อโทรทัศน์ และปริมาณงาน event ที่เพิ่มขึ้นตามการบริโภค เราคงคำแนะนำ ?ซื้อ? โดยปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 13.80 บาท (PER ปี 51 ที่ 14 เท่า)

กำไรสุทธิ 4Q50 เพิ่มเกือบ 4 เท่าตัว จากกำไรที่ดีขึ้นในธุรกิจเพลง
GRAMMY มีกำไรสุทธิ 184 ล้านบาท ใน 4Q50 เพิ่มขึ้น 396% YoY ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตในธุรกิจเพลง โดยเฉพาะรายได้จากการดาวน์โหลดเพลง ทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3 เท่า YoY เป็น 56 ล้านบาท เนื่องจากผู้ใช้มือถือนิยมการดาวน์โหลดเพลงรอสายมากขึ้น แทนการดาวน์โหลด ring tone ขณะที่การจัดคอนเสิร์ต และ Showbiz มากขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้กำไรจากธุรกิจเหล่านี้เพิ่มขึ้น 50% เป็น 90 ล้านบาท และช่วยให้ยอดขาย VCD/DVD เพิ่มขึ้น 17% YoY (เนื่องจากคนจะนิยมซื้อ VCD/DVDs คอนเสิร์ตแผ่นจริงมากกว่าแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์) ขณะที่ GMMM กำไรเพิ่มขึ้น 103%YoY เป็น 57 ล้านบาท จากการจัดงานขนาดใหญ่ เช่น งานเฉลิมพระชนมพรรษา 80 ปี และมีรายการโทรทัศน์ใหม่ อัตราค่าใช้จ่ายขายบริหาร/ยอดขายลดลงจาก 39% ใน 4Q49 เหลือ 28% (ลดลงต่อเนื่องจาก 32% ใน 3Q50) ซึ่งดีเกินคาด เนื่องจากปกติค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยบริษัทให้เหตุผลว่าเกิดจากการใช้มาตราควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ในภาพรวมทั้งปี 50 กำไรสุทธิ 502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% YoY จากธุรกิจเพลงที่เติบโต 21% YoY เป็น 331 ล้านบาท และสื่อ เติบโต 50% เป็น 170 ล้านบาท

จ่ายเงินปันผล 0.52 บาท/หุ้น XD วันที่ 2 พ.ค. 51
GRAMMY ประกาศจ่ายปันผล 0.52 บาท/หุ้น XD วันที่ 2 พ.ค.51 คิดเป็นผลตอบแทน 4.8% รวมจ่ายปันผลทั้งปี 0.65 บาท คิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 93% จากกำไรปี 50

คาดปี 51 กำไรยังทรงตัวสูง จากธุรกิจเพลงที่ทำกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง
แนวโน้มที่บริษัทเริ่มประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้จากการดาวน์โหลดเพลง การจัดคอนเสิร์ต งานโชว์ตัวศิลปิน และงานบริหารศิลปิน ได้มากขึ้น แทนการพึ่งพิงรายได้ส่วนใหญ่จากการขายอัลบั้มเพลงเช่นในอดีต บวกกับการบริโภคฟื้นตัว ซึงจะช่วยหนุนการใช้จ่ายสินค้าบันเทิง ทำให้เราคาดว่า GRAMMY จะยังคงแนวโน้มการทำกำไรได้ดีขึ้นต่อเนื่องในปี 51 เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากการดาวน์โหลดเพลงเพิ่มขึ้น 20-30 ล้านบาท จากการที่บริษัทสามารถเจรจาขอเพิ่มส่วนแบ่งรายได้อีก 4-5% YoY จากกลุ่มผู้ให้บริการมือถือ นอกจากนี้ GRAMMY ยังได้ประโยชน์จากมาตราการลดหย่อนภาษีของรัฐ ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 51 เพิ่มขึ้น 16% เป็น 482 ล้านบาท (-4% YoY เนื่องจากคาดว่างาน event ขนาดใหญ่จะลดลงจากปี 50)


Visit Note
DCC: สัญญาณบวก...ตลาดต่างจังหวัดฟื้นตัวเร็วกว่าคาด- เต็มมูลค่า

เราชื่นชอบ DCC มากที่สุดในธุรกิจนี้ เพราะเป็นผู้นำในธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานการผลิต ตลาดและการเงิน และด้วยอุปสงค์ตลาดในประเทศโดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดที่เป็นตลาดหลักของบริษัทฟื้นตัวเร็วกว่าคาด เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 51 และ 52 เพิ่มจากเดิม 6% และ 8% เป็น 662 ล้านบาท (+15% YoY) และ 740 ล้านบาท (+12% YoY) ตามลำดับ และได้มูลค่าพื้นฐานใหม่ 18 บาท (DCF, WACC 11.25%) ณ ราคาหุ้นปัจจุบันคาดว่าจะให้อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.6% ในปี 51 แต่มี Upside เพียง 13% จึงคงคำแนะนำถือไว้เพื่อรับเงินปันผลตอบแทน

ฐานตลาดแกร่งจาก Outlet ทั่วประเทศ รับกำลังซื้อตลาดต่างจังหวัดที่ฟื้น
ด้วยฐานการตลาดในประเทศที่แข็งแกร่งจากการมี Outlet เป็นของตนเองกระจายอยู่ทั่วประเทศ 192 แห่ง อีกทั้งตลาดหลักของ DCC ถึง 90% เป็นตลาดต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นตามราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ราคาพืชผลสำหรับพลังงานทางเลือก) ส่งผลให้ยอดขายในตลาดภาคเหนือ อีสานและใต้ของบริษัทเติบโตอย่างมีนัยกว่า 20-30% (บริษัทเปิด Outlet เพิ่มในปี 50 เพื่อรองรับกำลังซื้อด้วย) ทำให้ DCC มีความได้เปรียบผู้ผลิตรายอื่นในการสร้างยอดขายให้เติบโตต่อเนื่องจากฐานการตลาดดังกล่าวจนมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 35% และผู้บริหารมั่นใจว่าตลาดกระเบื้องเซรามิคในประเทศโดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดได้ผ่านจุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัวเมื่อปลายปี 50 แล้ว ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังผลิตเพิ่มจาก 75% ในปี 50 เป็นกว่า 90% แล้ว

ปรับประมาณการกำไรปี 51 และ 52 เพิ่มจากเดิม 6% และ 8% ตามลำดับ
ผลจากกำลังซื้อตลาดต่างจังหวัดที่ฟื้นตัวแล้ว เราจึงปรับสมมติฐานปริมาณขายปี 51 และ 52 เพิ่มจากเดิม 3% และ 6% เป็น 37.2 ล้านตร.ม. (+6% YoY) และ 40.6 ล้าน ตร.ม. (+9% YoY) ตามลำดับ และปรับราคาขายปี 51 เพิ่มจากเดิม 1% เป็น 126 บาท/ตร.ม. เพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น และคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 38% ในปี 51 และ 52 รวมกับอัตราภาษีจ่ายที่ลดจาก 30% เป็น 25% สำหรับกำไร 300 ล้านบาทแรก ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 51 และ 52 เพิ่มจากเดิม 6% และ 8% เป็น 662 ล้านบาท (+15% YoY) และ 740 ล้านบาท (+12% YoY) ตามลำดับ และได้มูลค่าพื้นฐานใหม่ 18 บาท

ปรับอัตราเงินปันผลจ่ายเป็น 75% ของกำไร จากฐานะการเงินที่แกร่งขึ้น
ณ สิ้นปี 50 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.5 เท่า และคาดว่าจะเหลือ 0.3 เท่า ณ สิ้นปี 51 กอปรกับไม่มีโครงการลงทุนในปีนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะเพิ่มอัตราเงินปันจ่ายจาก 70% เป็นไม่เกิน 80% ของกำไรสุทธิ (หากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 0.8 เท่า) เราจึงปรับสมมติฐานอัตราเงินปันผลจ่ายเพิ่มจาก 70% เป็น 75% ของกำไรสุทธิ จึงคาดปี 51 และ 52 จะจ่ายเงินปันผล 1.22 บาท และ 1.36 บาท ตามลำดับ ดันให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 8% ต่อปี

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com