SET
เมื่อวานนี้ดัชนีประสบความผันผวนอย่างมาก โดยช่วงต้นสามารถดีดตัวได้ถึงบริเวณ Dead Cross ที่ 846 จุดและปรับลงอย่างรุนแรงสู่ 824 จุด ในเวลาต่อมา แม้จะดีดกลับได้บ้าง ทำให้เกิดรูปแบบ Tweezers Top อีกทั้งยังส่งผลให้ Stochastic เกิดสัญญาณขายที่เด่นชัด ดังนั้นแม้ดัชนีจะยังประคองตัว ณ ที่นี้ได้ แต่มีโอกาสสูงมากปรับลงต่ำทดสอบแนวบรรจบของเส้นค่าเฉลี่ย 25 และเส้น 75 วัน ช่วง 800-810 จุด นักลงทุนอาจทยอยขายทำกำไรออกไปก่อน

มุมมองระยะกลาง - BCP
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
BCP กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวเมื่อสามารถฝ่าทั้ง Down Trend Line และเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ช่วง 11.00-12.00 บาท ราว มิ.ย. 50 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคามิได้ดีดตัวอย่างต่อเนื่อง หากแต่พักฐานเป็นเวลานานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะเสร็จสิ้นช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องด้วยพบการฟื้นตัวอย่างมีนัยของสัญญาณ RSI และ MACD โดยการดีดตัวที่จะเกิดขึ้นมีเป้าหมายสำคัญของการทดสอบคือจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 22.00 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - WIN
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
ตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา WIN ดีดตัวทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ บริเวณ 1.40-1.50 บาท หลายครั้ง ซึ่งยังไม่อาจฝ่าขึ้นไปได้ การดีดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เช่นเดียวกัน กลับกันคือมิได้ปรับลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์ ที่ 1.10 บาท แต่อย่างใด คาดว่าราคาจะแกว่งตัวในกรอบ 1.10-1.40 บาทสักระยะ หลังจากนั้นน่าจะปรับขึ้นเหนือเส้นแนวต้านนี้ได้ เนื่องด้วยทั้ง RSI และ Stochastic กำลังฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และยังอาจทดสอบ Dead Cross บริเวณ 2.10 บาท ได้ด้วย

หุ้นเด่น เล่นสั้น - SCIB
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
โครงสร้างระยะยาวของ SCIB ถือได้ว่ายังคงอยู่ในขาลง เนื่องด้วยถูกกดทับด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม จากการที่หุ้นทดสอบ Tweezers Bottom บริเวณ 15.00 บาท หลายครั้ง และทรงตัวได้ แสดงถึงทิศทางเชิงบวกระยะสั้น อีกทั้งรูปแบบ Golden Cross ที่เพิ่งเกิดขึ้นบริเวณ 16.00 บาท จะผลักดันให้ราคาดีดตัวทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ที่ 20.00 บาท ได้ไม่ยากนัก



:lol:

แม้ SET วันนี้อาจแกว่งตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แต่ยังคงถูกถ่วงด้วยปัจจัยเสี่ยงการเมืองในประเทศ ระยะสั้น ยังคงแนะนำให้ทยอยขายลดพอร์ตเมื่อดัชนีดีดตัว แล้วรอสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ อาทิ ธนาคาร (KBANK, SCB) อสังหาริมทรัพย์ (PS, LPN, QH, CK)


Technical Analysis
Tweezers Top ที่เกิดขึ้น พร้อมด้วยสัญญาณขายจาก Stochastic จะทำให้ดัชนีปรับลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน บริเวณ 825 จุดได้ไม่ยาก โอกาสทดสอบเส้น 75 วัน ช่วง 800-810 จุดมีสูงมาก นักลงทุนควรขายทำกำไรออกไปก่อน
หุ้นแนะนำระยะสั้น: WIN, SCIB
หุ้นแนะนำระยะกลาง: BCP


Flash Results
BAFS: (เต็มมูลค่า/10.60 บาท/พื้นฐาน 10.00 บาท)
รายได้ค่าบริการ หนุนกำไรปี 50 เติบโตโดดเด่น
SPALI: (ซื้อ/3.62 บาท/พื้นฐาน 4.90 บาท)
หุ้นปันผลสูง และมีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดปี 52


:lol:

TT&T: ราคาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ? ซื้อเก็งกำไร

แม้รายได้จะเริ่มขยับขึ้นได้ จากการขยายตัวของธุรกิจบรอดแบนด์ แต่ยังไม่มากพอที่จะพลิกให้ TT&T มีกำไรได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ความเสี่ยงธุรกิจจึงยังคงสูง คำแนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร? เป็นผลจากคาดการณ์เชิงบวกกรณีฟ้องร้อง AC กับ ทศท. อีกทั้งราคาหุ้นที่ซื้อขายเพียงแค่ 0.48 เท่าของ BV และยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 1.20 บาท (DCF, WACC 11%)

ขาดทุนเพิ่มใน 4Q50
TT&T ขาดทุนจากการดำเนินงาน 750 ล้านบาทใน 4Q50 เพิ่มขึ้นจาก 592 ล้านบาทใน 3Q50 แม้รายได้ขยับ 1.5%QoQ จากธุรกิจบรอดแบนด์ แต่ค่าใช้จ่ายกลับเร่งตัวขึ้นมาก จากค่าเช่าวงจร หลังเพิ่มความเร็วในการบริการรับส่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และโบนัสพนักงาน ทำให้อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและค่าเสื่อมลดลงจาก 40% เหลือเพียงแค่ 29% ส่งผลให้ทั้งปีขาดทุนจากการดำเนินงาน (ไม่นับรวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน) สูงถึง 2,625 ล้านบาท

ภาพธุรกิจดีขึ้น แต่ยังไม่มีกำไร
เราประเมินว่า ARPU จากธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานน่าจะทรงตัว หลังธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดความรุนแรงในการแข่งขันด้านราคาลง หลังนำ IC มาใช้ ธุรกิจบรอดแบนด์ยังเติบโตดี มีฐานผู้ใช้บริการถึง 2.5 แสนราย ซึ่งเป็นจุดคุ้ม ทุน แต่ต้นทุนที่สูงทำให้ TT&T ยังคงขาดทุน 1.9 พันล้านบาทในปี 51 ขณะที่มี EBIDTA 2 พันล้านบาท/ปี มากกว่าครึ่งใช้ไปในการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ย

ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เป็นนัย
TT&T ฟ้อง ทศท. เรียกเก็บค่า Access Charge รวมมูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 8.6 บาท/หุ้น ซึ่งคาดว่าจะทราบผลใน 1H51 หากบริษัทชนะคดีเช่นเดียวกับ TRUE ก็อาจเป็นประเด็นนำไปสู่การเจรจาเพื่อลดส่วนแบ่งรายได้ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ


:lol:

27 กุมภาพันธ์ 2551

News Comment
TISCO: จ่ายปันผลน้อยกว่าคาด...และเตรียมเปลี่ยนเป็น Holding Company ในไตรมาส 3/51 นี้.... ? เต็มมูลค่า ราคาพื้นฐาน 32.50 บาท

ปันผลเพียง 1.80 บาท... น้อยกว่าคาด TISCO ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 50 เพียง 1.80 บาท สำหรับหุ้นสามัญ และ 2.80 บาท สำหรับหุ้นบุริมสิทธิ (ต่ำกว่าปี 49 ซึ่งจ่ายที่ระดับ 2 บาท และ 3 บาท ตามลำดับ) ต่ำกว่าที่ผู้บริหารเคยให้นโยบายว่าจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนหน้าที่ 2 บาท โดยให้ผลตอบแทนเงินปันผลราว 6% คาด TISCO ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 เม.ย. 51 นี้

พร้อมปรับเป็น Holding Company ในไตรมาส 3/51 TISCO จะปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้วยการก่อตั้ง TISCO Holding เพื่อเป็นบริษัทแม่ถือหุ้นบริษัทย่อยทั้งหมดในกลุ่ม โดย TISCO Holding จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของธนาคารทิสโก้ ด้วยการแลกหุ้นในอัตราส่วน 1 หุ้นธนาคารทิสโก้ ต่อ 1 หุ้น TISCO Holding ที่ระดับราคาตลาด (กำหนดการแลกหุ้นคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย. ? ต.ค. 51)

ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อผู้ถือหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้น TISCO ในปัจจุบันไม่ได้รับผลกระทบด้านลบใดๆ เพียงแค่เปลี่ยนจากการถือหุ้นธนาคารเป็นหุ้น TISCO Holding ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าการปรับตัวเองเป็น Holding Company จะช่วยให้การบริหารเงินกองทุนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ราคาปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว..... ปรับคำแนะนำลงเหลือ ?เต็มมูลค่า? ราคาหุ้น TISCO ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 20% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาปัจจุบันเทียบกับราคาตามมูลค่าพื้นฐานที่ระดับ 32.50 บาท (PE 51 ที่ระดับ 12 เท่า) เหลือ Upside เพียง 8% ดังนั้น เราจึงปรับคำแนะนำลงจากเดิม ?ซื้อ? เป็น ?เต็มมูลค่า?

วิมล เจียมพูนทรัพย์ ? no 17616, wimolj@seamico.co.th


:lol: