May 12, 2024   1:30:17 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 22/02/2008 @ 10:20:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Negative
กลยุทธ์การลงทุน
Range Trading

กรอบ 815-830pts
แนวโน้ม Range Trading
ปิดวานนี้ 827.13, -8.49

Stock Current Trading Fair Rec.
Price Range Value
PTT 332.0 326-3.5 456.0 Accumulate
PTTEP 158.0 157-164 181.0 Accumulate
BANPU 472.0 466 - 480 478.0 Buy on Dip
LST 2.96 2.9-3.12 N.A. Trading

What s News
* SATTEL ประกาศผลการดำเนินงานปี 2550 มีกำไร 3.04 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 45
ล้านบาทในปี 2549
* IRPCประกาศผลการดำเนินงานปี 2550 มีกำไร 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% YoY จาก
6.8 พันล้านเมื่อปีก่อน
* ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เดือน ม.ค.51 สูงสุดในรอบ 8 เดือนอยู่ที่ 86.0 เพิ่มขึ้นจาก
79.8 ในเดือน ธ.ค.50
* FED ปรับลดประมาณการ GDP สหรัฐฯ ปีนี้ ขยายตัวเพียง 1.3-2.0% จากเดิมคาดขยายตัว
1.8-2.5%
* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ + ราคาถ่านหิน ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง
$1.47/บาร์เรล ปิดที่ $98.23/บาร์เรล แนะนำ ทยอยสะสม สำหรับ PTT และ PTTEP สำหรับค่า
ระวางเรือปรับลดลง 83 จุด แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับ TTA ส่วนราคาถ่านหินปรับสูงขึ้นเป็น
$130.95/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 2% WoW


Market Roundup and Trend: ปรับลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แนวรับระยะสั้นที่ 815 จุด
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา SET ปรับสูงในช่วงเปิดตลาดนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานทดสอบ 840 จุด แต่
ไม่สามารถยืนได้ ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศปรับลดลงแรงจากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อมีผลทำให้
SET อ่อนตัวปิดตลาดที่ 827.13 จุด ปรับลดลง 8.49 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 19,285 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง 267 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิต่อเนื่อง 539 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้คาดว่าจะปรับลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศโดยมีแนวรับที่ 815 จุด ล่าสุด FED
ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัว GDP ปี 51 ลง เหลือ 1.3-2.0% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว
1.8-2.5% ...สำหรับตลาดหุ้นไทยประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้าคือการประกาศตัวเลข GDP 4Q50
ซึ่งคาดว่าจะออกมาดีที่สุดในช่วง 6 ไตรมาสที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.3%, การพิจารณาความผิดคุณยงยุทธ์ ติยะไพ
รัตน์ กรณีทุจริตการเลือกตั้งวันที่ 26 ก.พ.นี้, และการประชุมนโยบายดอกเบี้ย ธปท.วันที่ 27 ก.พ.

Investment Strategy: ทยอยซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เมื่อราคาอ่อนตัว
แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงติดต่อกันในช่วง 2 วันที่ผ่านมา แต่เราคงมองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะ
ยังเป็นกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจเข้าซื้อ เนื่องจาก 1.มี Upside Potential สูงเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น 2.อัตรา
การขยายตัวของกำไรค่อนข้างดี โดยเฉพาะ PTTEP, PTT, และ BANPU และ 3.ราคาหุ้นยังไม่ตอบรับ
กับราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแรงกว่า 13% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา...สำหรับกลุ่ม Domestic Play
อย่างกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB) อสังหาฯ (PS, AP, LPN) รับเหมาฯ (ITD) และวัสดุก่อ
สร้าง (TSTH) ระยะสั้นมีแนวโน้มอ่อนตัวหลังราคาหุ้นปรับสูงขึ้นแรงก่อนหน้า ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับ
สูงขึ้นมีผลทำต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการดำเนินกิจการของกลุ่มอสังหาฯ และรับเหมาฯ แนะนำ ทยอยสะสม
เมื่อราคาอ่อนตัว (SET = 800-815 จุด)

Energy Play - PTT, EGCO, PTTEP, TOP, BANPU
Earnings Play - PTTCH, SPALI, AP, PS, SAT, DELTA, TSTH, BEC, TTA, TOP, GRAMMY

AUTO: PTTEP มี Price Momentum แข็งแกร่งที่สุดใน Auto Matrix

Upgrade KTB, EGCO, BEC, PSL, DELTA, SSI, AP, LPN
Downgrade PTTAR
Top Picks BANPU, BBL, KBANK, SCB, SHIN, ADVANC, MINT, PTTEP

หุ้นกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อเนื่อง (New)
ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา เราให้ประเด็นว่าหุ้นกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มกลับมาแข็งกว่าตลาด
และเมื่อพิจารณาจากกราฟด้านล่างจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มพลังงานมีทิศทางแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อเนื่อง ประกอบ
กับราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแรงปิดตลาดเหนือระดับ $100/บาร์เรล เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้เรา
เชื่อว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะยังมีทิศทางแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อไป และจะเป็นกลุ่มหุ้นนำ SET ปรับสูงขึ้นทดสอบ
850-860 จุด ในระยะสั้นๆ นี้

หุ้นปันผลทางเลือกลงทุนยามตลาดขาลง
ในกรณีที่ตลาดฯมีความผันผวนสูงกอปรกับมีทิศทางขาลงจะส่งผลให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่มีการปรับตัว
ลง ซึ่ง AYS มองว่าเป็นโอกาสที่ทำให้อัตราเงินปันผลจ่ายของบริษัทจดทะเบียนนั้นจะมีอัตราที่สูงมากขึ้น
โดยเราประเมินบริษัทเหล่านี้ (ตามตารางด้านล่าง) เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ดี และคาดว่าจะสามารถ
จ่ายเงินปันผลได้ในอัตราสูงสำหรับผลประกอบการในปี 2550 ซึ่งจะประกาศจ่ายในช่วงเดือนเมษายน -
พฤษภาคม นี้ เช่น HANA, DELTA, TISCO, VNG, TICON และ MK ซึ่งจะมีอัตราการจ่ายเงินปันผล
ตั้งแต่ 9.2%-6.8% ตามลำดับสำหรับทั้งปี และบริษัทในส่วนที่เหลือจะเป็นการจ่ายผลประกอบการในครึ่งปี
หลัง ซึ่ง AYS คาดว่าจะยังมีอัตราการจ่ายสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2550 ในอัตราที่สูงถึง
5.5%-6.75% ได้แก่ GRAMMY, CSL, MCS, GMMM, SPALI, TCAP

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก
* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปรับตัวลดลงตามหุ้นพลังงาน ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 1.15% และดัชนี
S&P 500 ปิดลดลง 1.29% ขณะที่สต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง ประกอบกับ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีการผลิตลดลงอย่างรุนแรงในรอบ 7 ปี ในเขต
มิดแอตแลนติก ข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึง การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและมีความเป็นไป
ได้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย ปิดลดลง
1.47 ดอลลาร์สหรัฐ มาปิดที่ 98.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสาร
เสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล อยู่ที่
305.3 ล้านบาร์เรล ถือเป็นการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่ม
สูงขึ้นและอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันที่ลดลง 1.6% อยู่ที่ 83.5 ขณะเดียวกันการร่วงลงของตลาดหุ้น
ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทำให้นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกระตุ้นให้นักลงทุนเทขาย
สัญญาน้ำมันออกมา
* ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร โดยดอลลาร์ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อ
เทียบกับยูโร หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการหดตัวอย่างรุนแรงของกิจกรรมการผลิตภาคโรงงาน ทำให้
เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยลงอีก ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐลงอีกนั้น จะลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ต่อนักลงทุน
ทั่วโลก ขณะเดียวกันข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานเริ่มตึงตัวจากภาวะ
เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้นักลงทุนไม่มีเหตุผลที่จะซื้อดอลลาร์
* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดลดลง 83 จุด มาอยู่ที่ 6,998 จุด ค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวขึ้น
หลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ ธ.ค. 50 เนื่องจากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบระยะสั้นสิ้นสุดลง กล่าว
คือธุรกรรมการผลิตในประเทศจีนกลับมาดำเนินการต่ออีกครั้ง หลังหยุดชะงักไปในช่วงวันหยุดยาว และช่วง
ที่ภาวะอากาศแปรปรวน ทำให้คาดว่าความต้องการถ่านหินและสินแร่เหล็กจากจีน จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
(ถ่านหินและสินแร่เหล็ก เป็นสินค้าที่ขนส่งโดยเรือเทกองในสัดส่วน 60% ของสินค้าทั้งหมด) ตลอดจนท่า
เรือขนส่งสินแร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ หลังจากหยุดซ่อมแซมนาน 2
เดือน รวมทั้งผู้ผลิตเหล็กในประเทศจีนบางราย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินแร่เหล็ก ได้ตกลงปรับเพิ่มราคาสินแร่
เหล็กกับผู้ส่งออกแล้ว (เพิ่มขึ้น 65%) ทำให้คาดว่าการนำเข้าสินแร่เหล็กที่เคยชะงักไป จะเริ่มกลับมาขน
ส่งตามปกติ คาดว่าด้วยปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้ดัชนีระวางเรือเทกองปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง[/size:d04e7753b9">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com