April 28, 2024   2:23:51 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โซรอส-ไอเอ็มเอฟหวั่นทั้งโลกล้มเป็นโดมิโน
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 23/01/2008 @ 08:43:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

นายจอร์จ โซรอส นักลงทุนข้ามชาติชาวสหรัฐฯ ผู้เคยเข้ามาถล่มเก็งกำไรค่าเงินบาทของไทย และหลายสกุลเงินทั่วโลกในช่วงวิกฤติปี 2540 ฉายา ?พ่อมดการเงิน? กล่าวกับ นสพ.สแตนดาร์ดของออสเตรเลียว่า โลกกำลังประสบปัญหาวิกฤตการณ์ ทางการเงินที่เลวร้ายที่สุด ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และสหรัฐฯกำลังถูกคุกคามจากภาวะถดถอย ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเมืองได้รับการชี้นำจากความเข้าใจผิดด้านพื้นฐานเศรษฐกิจบางประการ ที่เกิดจาก ?ลัทธิปัจจัยพื้นฐานในตลาด? ส่งผลให้มีความเชื่อว่า ตลาดการเงินมีแนวโน้มที่จะปรับตัวโดยมีความสมดุล ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด และทำให้ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรงเช่นนี้

ขณะเดียวกัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงเตือนให้ทั่วโลกเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโนต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยนายโดมินิค สเตราสส์-คานห์ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะน่าวิตกมาก นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มขาดความมั่นใจ และ ไม่เชื่อมั่นในมาตรการของสหรัฐฯ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้เม็ดเงิน 145,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และจะทำให้เศรษฐกิจ สหรัฐฯตกต่ำกว่าที่คาดไว้ และเมื่อเกิดภาวะถดถอยในสหรัฐฯจริง เศรษฐกิจทั่วทั้งโลกก็จะหลีกเลี่ยงได้ยากที่จะต้องได้รับผลกระทบลุกลามเป็นโดมิโน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 22 ม.ค.ว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างหนักตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 730.69 จุด ลดลงกว่า 35.84 จุด ก่อนมาปิดที่ 741.54 จุด ลดลง 24.99 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 24,249.07 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่ออีก 4,861.68 ล้านบาท เพียง 2 วันทำการของสัปดาห์นี้หุ้นร่วง 48.13 จุด

ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่ต้นปี 51 ซึ่งตลาดหุ้นเปิดทำการเพียง 10 กว่าวัน ต่างชาติขายทิ้งหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องทุกวันรวมขายสุทธิ 30,062.34 ล้านบาท และหากย้อนกลับไปดูข้อมูลนับจากต้นเดือน พ.ย.50 ถึงล่าสุด ณ วันที่ 22 ม.ค.51 เพียง 2 เดือนกว่า พบว่าต่างชาติขายสุทธิมากถึง 83,821.38 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้รับซื้อหุ้นจากฝรั่ง หรือเป็นผู้ซื้อสุทธิถึง 56,536 ล้านบาท ขณะที่กองทุนรวมและนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 27,285.37 ล้านบาท

ผู้บริหารระดับสูงในวงการตลาดทุนให้ความเห็นว่า ขณะที่นักลงทุนในประเทศเป็นผู้รับซื้อหุ้นมาโดยตลอด ?หมดเงิน? หรือเงินหมดหน้าตักแล้ว เพราะต่าง ?ติดหุ้น? หรือมีหุ้นในราคาสูงเต็มพอร์ต จึงไม่มีเงินสดมาซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวลงหนัก เมื่อไม่มีแรงรับหุ้น ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหนัก ซึ่ง จากการสอบถามผู้จัดการกองทุนรวมพบว่า เหลือเงินสดในมือไม่มากเช่นกัน ดังนั้น หากราคาหุ้นเด้งขึ้นมา ผู้จัดการกองทุนจึงฉวยโอกาสขายหุ้นออก เพื่อถือเงินสดไว้รอซื้อหุ้นคืนในราคาต่ำ จึงเป็นโอกาสของผู้มีเงินออมและไม่ได้ลงทุนในตลาดหุ้นเข้ามาซื้อหุ้นราคาถูก ทั้งการเข้าลงทุนโดยตรงหรือให้มืออาชีพบริหารเงินให้โดยซื้อหน่วยลงทุน

ด้านนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงถือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะปรับตัวขึ้น หรือรีบาวน์ทางเทคนิคได้ ขณะที่พื้นฐานของตลาดหุ้นไทยไม่ได้เลวร้ายและกำลังได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง น่าจะช่วยให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น และในฐานะประธานตลาดหลักทรัพย์ ขอให้นักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อยตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยเหตุผล และคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ขณะที่ตลาดฯจะให้สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จัดงานสัมมนาเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับนักลงทุนภายใน 1-2 วันนี้

ขณะที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือกับรัฐบาล ถึงมาตรการพิเศษเพื่อรองรับกรณีตลาดหุ้นปรับตัวลงหนัก เช่น การตั้งกองทุนพยุงหุ้น และการที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงใน 2 วันนี้ถึง 6% นั้นยังไม่พบว่ามีการบังคับขายหุ้นหรือ Force Sale เนื่องจากช่วงนี้มีการให้กู้ยืมเงินซื้อหุ้นน้อยมาก ส่วนเงินของต่างชาติที่ขายหุ้นออกมานั้นคาดว่าน่าจะโยกออกไปนอกประเทศแล้ว

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง กล่าวว่า ช่วงนี้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นคาดเดายากและไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก จึงยังไม่ สามารถประเมินแนวรับได้ ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนลดพอร์ตและถือเงินสดไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ที่จะเข้าไปลงทุน ก็อย่าเพิ่งผลีผลาม ให้รอดูความชัดเจนก่อน เพราะตอนนี้ถือว่าตลาดเป็นของผู้ซื้อ.

ไทยรัฐ ปีที่ 59 ฉบับที่ 18264 วันพุธ ที่ 23 มกราคม 2551[/size:931f2ee82e">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com