Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 17/01/2008 @ 09:31:42 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต หุ้นไทยน่าจะยังอยู่ในแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่อง เพราะหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดโดนแรงขายลงมา
มากจนราคาดีเทียบกับพื้นฐานจะเป็นแรงขับเคลื่อนการลงทุนต่อไป
แม้ว่านักลงทุนต่างประเทศจะได้ขายออกมาจนมียอดสุทธิ 2.42 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่เข้าปี 2551
เป็นต้นมา แต่ตลาดไทยก็ได้ตอบรับความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องของโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอย หรือการ
เมืองภายในประเทศเอาไว้มากแล้ว
ตลาดหุ้นสหรัฐยังอ่อนตัวลงต่อเมื่อคืนนี้ เพราะงบบริษัทอินเทลซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ศักยภาพกำไร
ตลาดอ่อนตัวลง โดยนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปได้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯได้เผชิญภาวะถดถอย ตลาดจึงได้มอง
การลดอัตราดอกเบี้ยไว้ในปลายเดือนมกราคมนี้
ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐฯได้ลดลงอีก 1.06 เหรียญต่อบาร์เรล เหลือ 90.84 เหรียญฯ
จากแนวโน้มอุปสงค์ในอเมริกาหดตัวลง สำหรับตลาดในประเทศราคาขายปลีกน้ำมันได้ลดลง 40 สตางค์ต่อ
ลิตรในวันนี้เป็นผลมาจากราคาในตลาดโลกลดลง และค่าเงินบาทแข็งขึ้น
ดัชนีค่าระวาง BDI ยังปรับตัวลงต่อ 421 จุด เหลือ 6,915 จุด
ด้านการเมืองในประเทศนั้น พรรคเพื่อแผ่นดิน และ พรรคชาติไทย ได้แสดงเจตน์จำนงจะเข้า
ร่วมรัฐบาลซึ่งมีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำรัฐบาลผสม 6 พรรค ก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งกรณียุบพรรค
พลังประชาชนในวันพรุ่งนี้บ่าย 4 โมงเย็น
จะเห็นว่าหุ้นที่เราเน้น เช่น BANPU, BEC, PTTEP และ PTTAR สวนตลาดได้ดีเมื่อวาน และ
เราเห็นว่าจะมีผลงานดีต่อเนื่องไป นอกจากนั้นเราขอให้นักลงทุนเลือกหุ้นคุณภาพที่ยังไม่ได้ขึ้นมามาก เช่น
PTT, TOP, KBANK, BAY, DTAC และ TTA ในระยะนี้
กลยุทธ์หุ้น
* ซื้อ TOP จากโอกาสการเติบโตที่โดดเด่น
ราคาหุ้นได้ตกลงมาในรอบนี้ถึง 11% ในระยะเวลา 6 วันทำการขณะที่การพัฒนาธุรกิจยังเป็นไป
ในทางที่ดี เราจึงยังเน้นการเข้าซื้อหุ้นต่อไป เนื่องจากกำลังการกลั่นส่วนขยายจะเข้ามา และค่าการกลั่น
ปรับตัวดีขึ้น หุ้น TOP ซื้อขายที่ PER เพียง 7.4 เท่าในปีนี้ และคาดการณ์จะมีกำไรโตได้ 14%
* ซื้อ PTTAR จากโอกาสหุ้นฟื้นตัวต่อ
PTTAR ฟื้นตัวเป็นบวกจากจุดต่ำสุดระหว่างการซื้อขายเมื่อวานก่อนและเราเห็นว่าโอกาสที่จะดีด
ตัวขึ้นอีกสัก 8-12% ไปสู่ช่วงราคา 42-44 บาท (ใกล้กับมูลค่าทางบัญชีที่ 45 บาท) ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่
PER 7.1 เท่า และ มีกระแสเงินสดสูงถึง 6 พันล้านบาทในปีนี้
สัดส่วนการลงทุน
เรายังคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 60% ของพอร์ทการลงทุนรวมจากคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวของ
ตลาด
สัดส่วน (%) หุ้นหลัก
เงินสด 40%
หุ้นขนาดใหญ่ 30% PTT, ADVANC, KBANK , BANU และPTTEP
หุ้นไวต่อดัชนี 21% TTA, BAY, TRUE, PTTAR, IRPC, BEC PTTCH และ TOP
หุ้นมีประเด็น 5% MCOT, CPF, BJC, AP, CPN, PS และ UMS
หุ้นขนาดเล็ก 4% TRC, MFEC, TPC, MCS, OISHI, TKS, และ SIS
หุ้นน่าจับตา
PTT แรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติและความไม่แน่นอนในประเด็นค่าเช่าท่อก๊าซนั้นดูมากเกิน
ไป โดยขณะนี้ราคาหุ้น PTT ซื้อขาย ณ ระดับ PER ปี 2551 ที่ 8.4 เท่า ในกรณีที่แย่ที่สุดเราเห็นว่าค่า
เช่าท่อก๊าซจะอยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท ในช่วงสัญญาการเช่า 30 ปี หรือคิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 21 บาท
ต่อหุ้น ส่งผลให้ราคาเหมาะสมของเราอยู่ที่ 447 บาท ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมของ
เราอยู่ถึง 47%
TTA ราคาหุ้นจะยังคงผันผวน เนื่องจากดัชนีค่าระวางเรือร่วงลงมาอีก 421 จุดเป็น 6,915
จุด อย่างไรก็ตามดัชนีค่าระวางเรืออ่อนตัวลงมาแล้ว 22% หรือ 1,976 จุดนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2551 นับว่า
เป็นการปรับตัวที่ลงแรงมากและนักเก็งกำไรก็มองว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในที่สุด เรายังให้น้ำหนักต่อ TTA
เนื่องจาก PER ต่ำและราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาสะท้อนกับดัชนีค่าระวางเรือไปแล้ว
17 ม.ค.--บล.กิมเอ็ง[/size:567817fd10">
|
