May 12, 2024   5:09:19 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เทรดบิ๊กแคปเจอขุมนรก เล่นตัวเล็กเจออเวจี
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 07/01/2008 @ 21:17:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เศร้า ! วิบากกรรมหุ้นไทยยังไม่จบ เล่นหุ้นเล็กก็ช้ำใจ เล่นหุ้นใหญ่ก็เสียน้ำตา เปิดศักราชใหม่ 4 วัน SET INDEX ร่วงเกือบ 35 จุด ต่างชาติถล่มขายกว่า 1 หมื่นลบ.หลังเจอมรสุมปัญหาซับไพร์มสหรัฐฯ กลับมาอีกระลอก นักลงทุนทั่วโลกหวั่นศก.สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะตัวเลข ศก.หลายตัวส่งสัญญาณไม่ดี เซียนหุ้น ชี้ต้องรอดูทาง การสหรัฐจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร แนะช่วงนี้ถือเงินสดในพอร์ต 50-75% ดีที่สุด ด้านกองทุนในประเทศทยอยขายหุ้นแล้วกว่า 5% เพื่อลดความเสี่ยง

เปิดศักราชใหม่ไม่กี่วันหุ้นไทยก็เดินหน้ารูดไม่เป็นท่าเสียแล้ว นักลงทุนน้อยใหญ่ต่างร้องระงม เพราะเล่นหุ้นบิ๊กแคปก็ช้ำใจ เนื่องจากราคาหุ้นร่วงไม่เป็นท่า แถมโยกมา
เล่นหุ้นเล็กก็เข้าออกไม่ทันเจ้ามือ ผสมโรงกับตลาดหุ้นที่ผันผวน ทำเอานักลงทุนหลายรายถึงกับกุมขมับกับพอร์ตการลงทุนสีแดงเถือกทีเดียว งานนี้สืบเนื่องมาจากผลกระทบ
จากซับไพร์มสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเป็นที่น่าผิดหวัง โดยเมื่อ
คืนวันศุกร์ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 1.8 หมื่นตำแหน่ง น่าผิดหวังมากเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่ 7 หมื่นตำแหน่ง ขณะที่
อัตราการว่างงานพุ่งแตะ 5% ซึ่งสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ยิ่งตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนทั่วโลก
และในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญคือ ตัวเลขบ้านที่รอการขาย (Pending home sale) และตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภค (Consumer Credit) ในคืน
วันอังคาร, ปริมาณน้ำมันสำรองในคืนวันพุธ และ ดุลการค้า (Trade Balance) ในคืนวันศุกร์ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 30 ม.ค.50
ส่วนความเคลื่อนไหวของการเมืองในประเทศ ล่าสุด กกต. ได้ประกาศรับรองผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพิ่มเติมอีก 6 คน เมื่อรวมกับที่ได้รับรองไป
ก่อนหน้า 397 คน รวมเป็น 403 คน คิดเป็น 84% จากทั้งหมด 480 คน คาดว่า กกต. จะทยอยประกาศรับรอง ส.ส. ที่เหลือ จนทำให้สามารถเปิดสภาฯ เพื่อสรรหาตำแหน่งนายกฯ
ได้ทันตามกำหนด 22 ม.ค. 2551 แต่อย่างไรก็ตามต้องติดตามผลการพิจารณาของศาลฏีกาในวันที่ 15 ม.ค. นี้ ต่อกรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงษ์ ยื่นฟ้องให้ศาลฯ พิจารณาว่าพรรค
พปช. เป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย อันอาจทำให้พรรค พปช. ไม่สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระยะสั้น

ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของ SET Index ในช่วง 4 วันทำการ (2 -7 ม.ค.51) โดยวันที่ 2 ม.ค.51 SET Index ปิดตลาดที่ 842.97 จุด เปรียบเทียบกับ
วันที่ 7 ม.ค.51 ที่ SET Index ปิดตลาดที่ 808.31 จุด ปรากฎว่าปรับลดลง 34.66 จุด หรือ 4.28% ในขณะที่ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.51 จนถึงวันนี้ปรากฎว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
รวมทั้งสิ้น 10,468.68 ล้านบาท

***กิมเอ็ง-เกียรตินาคิน ผสานเสียงช่วงนี้ถือเงินสด 75% ของพอร์ตปลอดภัยสุด

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง เปิดเผยว่ากลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงผันผวนและปรับลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดทำการหลังปีใหม่ 2551 ที่ผ่าน
มาคือแนะนำให้ถือเงินสด 75% เลือกลงทุนในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย PTT, ADVANC, KBANK, LH และ PTTEP ในสัดส่วน 8% หุ้นที่ไวต่อการเคลื่อนไหว
ของ SET Index ซึ่งประกอบด้วย TTA, BAY, TRUE, AP, LPN, IRPC และ PTTCH ในสัดส่วน 8% หุ้นที่มีประเด็นข่าวบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน ซึ่งประกอบด้วย MCOT, CPF,
BEC, BJC, AP, CPN และ PS ในสัดส่วน 5% และหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก ซึ่งประกอบด้วย TRC, MFEC, TPC, MCS, OISHI, TKS, และ SIS ในสัดส่วน 4% เพราะหาก
ตลาดฯ ปรับลดลงแรงไปจนต่ำกว่า 800 จุด อย่างรวดเร็วจะเป็นสัญญานการขายมากเกินไปในระยะสั้นๆ ซึ่งหากนักเก็งกำไรจะเข้าไปช้อนก็ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีแต่ควรเลือกซื้อหุ้น
พื้นฐานดีเป็นหลัก

นอกจากนี้ปัจจัยทางการเมืองที่ยังคงวุ่นวายอยู่รวมทั้งหากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ประกาศรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสส. ใหม่ไม่ทันการเปิด
ประชุมสภาครั้งแรกที่ได้กำหนดไว้ในวันที่ 22 มกราคม 2551 โดยเฉพาะหากมีปัญหามากจนส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าออกไปอีก ซึ่งอาจจะส่งผลให้ภาวะการเมืองยังไม่มี
เสถียรภาพและส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ดังนั้นประเด็นดังกล่าวควรที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนได้
" ตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นอย่างนี้สักระยะหนึ่ง คือปรับลดลงอย่างนี้สักพัก จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วเสร็จและมีความชัดเจน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนใน
ช่วงนี้จึงควรให้น้ำหนักกับการถือเงินสดมากกว่า เพราะจะปลอดภัยมากกว่าการเลือกลงทุน " แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในปี 51 ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปิดในแดนบวก หลังจาก
ที่มีแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTT ทำให้ SET ปิดที่ 821.71 จุด ลดลง 10.92 จุด หรือ -1.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขายจำนวน 22,434.69 ล้านบาท ในขณะที่นัก
ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,895.65 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงแนะนำทยอยขายเมื่อดัชนีฯ ดีดขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มหลัก ซึ่งประเมิน
แนวรับของ SET Index ระยะนี้ไว้ที่ 795-800 จุด ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 825 จุด ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในระยะสั้นแนะนำถือหุ้น 25% และถือเงินสด 75%

นอกจากนี้ควรที่จะติดตามการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอังกฤษ (BOE) ในวันที่ 9-10 ม.ค.2551 รวมทั้ง ควรที่จะต้องติดตามความคืบหน้าของ
การฟอร์มทีมรัฐบาลชุดใหม่ โดยมีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาราช พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคมัชฌิมาธิปไตยด้วย เพราะ
เรื่องดังกล่าวอาจจะมีอิทะพลและส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนด้วย

*** นักวิเคราะห์ กุมขมับประเมิน SET INDEX ยาก หลังเจอมรสุมปัจจัยนอกและประเทศ แนะถือเงินสด 50%

นางสาวศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มที่ปรับตัวลดลงต่อ
แต่ทั้งนี้คงประเมินได้ค่อนข้างลำบากว่าจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 800 จุดหรือไม่ โดยปัจจัยที่ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นยังคงมาจากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ รวมถึงปัญหาการเมืองภายในประเทศ เกี่ยวกับการจัดตังรัฐบาลใหม่

ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังตัวเลขของอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 5% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 2 ปี สะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอ
ตัวอย่าต่อเนื่อง ประกอบกับ ราคาน้ำมันในตลาดโลก ก็เริ่มปรับตัวลดลง จึงส่งผลต่อบรรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

แต่อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นการรีบาวน์ขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ ล่วงหน้า จึงได้แต่คาดหวังว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ จะมีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับขึ้นมายืนในแดนบวกได้
ในบ้างขณะการซื้อขาย อีกทั้ง ยังคงประมาณการดัชนีฯทั้งปีนี้ไว้ที่ 1,000 จุด เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนน่าจะดีขึ้นกว่าในปี 2550 อาทิ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ในปีนี้ไม่ได้ตั้งสำรองหนี้สูญ หลังจากในปีนี้ตั้งสำรองหนี้สูญไปค่อนข้างมาก

โดยดัชนี ดาวโจนส์ ล่วงหน้า: ตลาดหุ้นนิวยอร์ค เวลา 15:33 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 12,919.00 จุด เพิ่มขึ้น 32.00 จุด ปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ
12,887.00จุด
ดังนั้น แนะนำ ถือเงินสด 50% หุ้น 50% ส่วนนักลงทุนระยะสั้น ซื้อเก็งกำไร หุ้นขนาดเล็ก ได้ และนักลงทุนระยะยาว แนะนำ ทยอยซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ อาทิ
หุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างดี เนื่องจากเชือ่ว่าแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หลังจากที่ภาพทางการเมืองชัดเจน โดย
รัฐบาลใหม่น่าจะมีนโยบายมากระตุ้นการลงทุนบ้าง

ประมาณการแนวรับดัชนีฯ ไว้ที่ 803-798 จุด ส่วนแนวต้านดัชนีฯ อยู่ที่ 813-817 จุด
บทวิเคราะห์บล.กรุงศรีอยุธยา ระบุว่า คาดแนวโน้มเศรษฐกิจระยะกลางฟื้นตัว หลังการเมืองนิ่ง และเป็นปัจจัยบวก แต่ระยะสั้นยังไม่รีบร้อนเพิ่มพอร์ต หลังจากตัวเลข
เศรษฐกิจเดือน พ.ย.ที่ ธปท.รายงานในวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมาจะเห็นว่าตัวเลขการลงทุน การบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในระดับสูงใกล้
80% รวมไปถึงภาคการส่งออกยังคงขยายตัวได้ดี 24.5% YoY ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว

ทั้งนี้เราเชื่อว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะกลาง หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้น และเศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อนโดยการลงทุนภาคเอกชน ? ภาครัฐฯ
และการบริโภคที่ฟื้นตัวเป็นหลัก และถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่ม Domestic Play โดยรวม...

อย่างไรก็ตามเราประเมินว่าปัจจัยดังกล่าวยังไม่สามารถทำให้ตลาดกลับตัวได้ในระยะสั้น (รอประชุม FED 29 ? 30 ม.ค. และมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก
ประธานาธิบดี บุช ปลายเดือน) เนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศยังอ่อนแอ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังต้องรอการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต. จึงแนะนำนักลงทุนถือหุ้น
50% ของพอร์ตไปก่อน

นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายที่ปรึกษาการลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อ ซึ่งหากหลุดต่ำกว่า
805 จุด มีแนวรับถัดไปที่ 797-790 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เข้าสู่ภาวะถดถ้อย จากตัวเลขการจ้างงานของเดือนธ.ค.
ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 18,000 คน ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งขึ้นมาที่ 5% สูงที่สุดในรอบ 2 ปี ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆมาสนับสนุนการลงทุน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะ นักลงทุนถือเงินสดลดความเสี่ยง แต่หากต้องการซื้อเก็งกำไรแนะนำให้เล่นเก็งกำไรในระยะสั้น

ส่วนนักลงทุนระยะยาวรอซื้อที่แนวรับ 805 จุด อาทิ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ,บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ
PTTCH และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP

***กองทุน ฉวยจังหวะลดพอร์ตการลงทุน หลังหุ้นร่วงต่อเนื่อง

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากที่ SET Index ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่
ผ่านมา ทาง บลจ. มีการปรับพอร์ตไปแล้ว โดยการขายหุ้นออกมาในสัดส่วนประมาณ 5% เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและเป็นการทยอยขายทำกำไร ในขณะเดียวกันยังเข้าไปเลือก
ซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีด้วย เพราะถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้
" ก็มีการขายหุ้นออกมาเพื่อเป็นการปรับพอร์ตช่วงตลาดหุ้นผันผวนบ้างประมาณ 5% แต่รายละเอียดบอกไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงถือหุ้นพื้นฐานดีและเข้าไปเก็บเพิ่มบ้าง
" นายมาริษ กล่าว


:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com