May 11, 2024   2:25:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์ขาใหญ่ลงทุนช่วงหุ้นขาลง
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 03/01/2008 @ 19:56:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เจ๊สีฟ้า -เสี่ยแตงโม-เสี่ยปู่-เสี่ยป๋อง พร้อมใจเปิดกลยุทธ์การลงทุน "เจ๊สีฟ้า" แนะแผนเก็งกำไร ซื้อตัวเขียว-ขายตัวแดง ต้องหนักแน่ไม่หวั่นไหว ขณะที่ "เสี่ยแตงโม" ยังประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยปีหนูไม่ออก หวังให้จัดตั้งรัฐบาลได้เร็วที่สุด เตือนนลท.อย่าเพิ่งรีบเก็บเพิ่ม ยังไม่ถึงจังหวะช้อนลงทุน แต่ยังเชียร์หุ้น IPO เหตุมีเสน่ห์ ด้าน "เสี่ยปู่ แนะ นลท. รอดูโฉมหน้าครม. ชุดใหม่ แต่ปีนี้จะเลือกเก็บหุ้นเก็งกำไร 30% อีก 70% ลงทุนหุ้นพื้นฐาน หวังโกยกำไรในอนาคต เสี่ยป๋อง ชี้ตลาดแบบนี้เป็นจังหวะเข้าเก็บหุ้นบิ๊กแคป แย้มพลังงานน่าสน หลังน้ำมันยังแพง

ไม่ค่อยสดใสนัก สำหรับตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นไทย กับการเปิดศักราชใหม่ปี 2551 หรือปีหนูทอง ปีชวดของคนไทย เพราะแค่วันแรกของการเริ่มต้นปีใหม่ ตลาดหุ้นไทยก็ปิดร่วงทันที 15.13 จุด ส่งผลให้ดัชนีลงไปอยู่ที่ 842.97 จุด เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา ในขณะที่การซื้อขายเมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) ดัชนีก็ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันที่ 2 อีกครั้ง ทั้งนี้เป็นผลมาจากตลาดได้รับผลกระทบทางจิตวิทยาการลงทุน จากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลงทั้งดาวโจนส์ รวมไปถึงตลาดฯ ภูมิภาคเอเซีย ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลที่คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนนี้ ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งได้ เนื่องจากพรรคการเมืองทั้ง พรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้ง พรรคชาคิไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ต่างก็แสดงท่าทีจะเข้าร่วมรัฐบาลแล้วนั้น ต่างงดจัดกิจกรรมทางการเมืองในตอนนี้ จนส่งผลให้การตั้งรัฐบาลต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด โดยคาดว่าอาจจะต้องรอจนกว่าจพ้นกลางเดือนนี้ไปก่อน และปัจจัยภายในดังกล่าวก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กระทบการลงทุน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วง 2 วัน ของการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยเช่นกัน

วานนี้ ดัชนีฯ ปิดที่ 832.63 จุด ลดลง 10.34 จุด หรือ 1.23% มีมูลค่าการซื้อขาย 18,230.08 ล้านบาท รวม 2 วัน ดัชนีลดลงไปแล้วกว่า 25 จุด ทั้งนี้เพราะหุ้นบิ๊กแคป หรือหุ้นมูลค่าตลาดรวมขนาดใหญ่ต่างโดนเทขายออกมาแทบทั้งหมด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มเดินเรือที่ลดลงหลังดัชนีค่าระวางเรือลดลงกว่า 200 จุด หลังจากช่วงปลายปีราคาหุ้นปรับขึ้นไปมาก จึงทำให้เกิดการพักฐานในหุ้นขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วง 2 วันทำการดัชนีฯ จะปรับลดลง และหุ้นบิ๊กแคปถูกแรงเทขายค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นที่สังเกตุได้ว่าหุ้นเก็งกำไร หรือหุ้นขนาดเล็ก กลับมีการซื้อขายอย่างคึกคัก และก็ถือเป็นธรรมชาติของหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่หุ้นขนาดใหญ่พักฐาน หรืออ่อนแรงลง ดัชนีฯ ยืนอยู่ในแดนบวก แต่หุ้นกลุ่มดังกล่าวก็มักจะกลับมาปลุกกระแสความคึกคักให้คืนสู่ตลาดฯ ได้ไม่มากก็น้อย เพราะ 2 วันที่ผ่านมานี้ แทบจะเรียกได้ว่าหุ้นตัวเล็กขาประจำทั้งนั้น ที่เข้ามาเป็นตัวชูโรงตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น บมจ. อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) บมจ. ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) บมจ. สยามทูยู (S2Y) บมจ. อีเอ็มซี (EMC) บมจ. วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค (WIN) บมจ. ป่องทรัพย์ (PSAP) ฯลฯ

ทั้งนี้นอกเหนือจากประเด็นของหุ้นขนาดเล็ก หุ้นเก็งกำไรที่ซื้อขายกันคล่องมือในช่วงต้นปีใหม่นี้แล้ว อีกประเด็นที่มักจะมาพร้อมกับความคึกคักของหุ้นกลุ่มดังกล่าว ก็คือ การเข้ามาจุดพลุดหรือดันหุ้นกลุ่มนี้ของบรรดาขาใหญ่ หรือนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดฯ ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักลงทุนด้วย เนื่องจากเมื่อหุ้นร้อนประเภทนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็มักจะมีชื่อของนักลงทุนเหล่านี้ ติดร่างแหไปด้วยเสมอ ไม่ว่าหุ้นจะออกมาแบบขึ้นแรง หรือว่าร่วงแรง เพราะเกิดจากการปรับพอร์ตลงทุน หรือถอนการลงทุนก็ตาม อย่าล่าสุดก็คือกรณีของ"เจ๊สีฟ้า" นักลงทุนอีกคนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีในตลาดฯ กับการขายหุ้น LIVE ออกไปกว่า 1% จนเกิดกระแสข่าวว่าจะลดการลงทุนในหุ้นดังกล่าว จนทำให้เจ้าตัวต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง

ดังนั้นเพื่อให้นักลงทุนได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหว มุมมองการลงทุน และความเห็นของนักลงทุนรายใหญ่ของตลาดฯ ในขณะนี้ eFinanceThai.com จึงรวบรวมคำสัมภาษณ์นักลงทุนเหล่านี้ มาให้ได้อ่านกัน เพื่อเป็นแนวทางในการลงทุน ว่านักลงทุนกลุ่มนี้มีกลยุทธ์อย่างไรในภาวะที่ตลาดหุ้นช่วงปีใหม่ยังคงซบเซา และอยู่ในระหว่างการรอความชัดเจนหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ และการเมือง


* เจ๊สีฟ้า ยันไม่ล้างพอร์ตหุ้นLIVE แนะกลยุทธ์เก็งกำไร ซื้อตัวเขียว-ขายตัวแดง
นางสีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา หรือเจ๊สีฟ้า เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ถึงกรณีการแจ้งขายหุ้น บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) 1.04% เป็นเพียงการนำหุ้นออกมาเก็งกำไรตามปกติ ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ทิ้งหุ้นล้างพอร์ตแน่นอน โดยล่าสุดได้กลับเข้าไปซื้อหุ้นจนมีสัดส่วนเกินกว่า 5% อีกครั้ง และเตรียมแจ้งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในวันนี้

หุ้น LIVE เป็นหุ้นที่ถือมานานแล้ว และมีการแบ่งออกมาเทรดดิ้งนิดหน่อย ที่แจ้งขายไปก๋แค่ 1% กว่า และก็กลับไปซื้อเพิ่มเป็น 5% แล้ว ส่วนที่หนังสือพิมพ์ไปลงว่าจะล้างพอร์ตนั้น ไม่เป็นความจริง นางสีฟ้ากล่าว

นางสีฟ้า ยังกล่าวยืนยันว่าตัวเองเป็นนักเก็งกำไร โดยจะซื้อขายหุ้นในลักษณะการเก็งกำไรเป็นหลัก ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ ซื้อตัวเขียว-ขายตัวแดง และพิจารณาสัญญาณเทคนิคของหุ้นแต่ละตัว ปัจจุบันมีการซื้อขายหุ้นเก็งกำไรหลายตัวในพอร์ต แต่ไม่ต้องการเปิดเผยว่ามีหุ้นตัวใดบ้าง
ทั้งนี้แม้ว่าจะซื้อขายหุ้นแบบเก็งกำไร แต่ปกติแล้วจะเป็นคนที่ถือหุ้นในระยะกลาง ไม่ได้เล่นสั้นแบบวันต่อวัน และในพอร์ตหุ้นที่ถืออยู่มีการแบ่งอกมาเทรดดิ้งบ้างเล็กน้อย อย่างเช่นหุ้น LIVE ที่นำออกมาเก็งกำไรประมาณ 1% กว่าๆ แต่ในพอร์ตยังถืออยู่ประมาณ 5%

สำหรับหุ้นเก็งกำไรหลายตัวที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ออกมาตรการห้ามซื้อขายแบบเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น รวมทั้งหุ้น LIVE ด้วยนั้น ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว และไม่ได้ขายหุ้นออกมา และอยากแนะนำนักเก็งกำไรให้หนักแน่น หากดูเทรนด์แล้วยังเป็นขาขึ้น อย่ารีบร้อนขายหุ้น ซึ่งโดยส่วนตัวถึงแม้จะเป็นนักเก็งกำไรแต่ไม่เคยถูกตลาดหลักทรัพย์ขอข้อมูลแต่อย่างใด เพราะการเล่นเก็งกำไรในตลาดหุ้นไม่ได้ถือเป็นเรื่องผิด

หุ้นทุกตัวก็เก็งกำไรกันทั้งนั้น PTT เองก็มีการเก็งกำไร เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องผิด และตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่เคยเรียกคุย ส่วนกลยุทธ์การเก็งกำไรก็ง่ายๆ และคิดว่าทุกคนทำได้คือซื้อตัวเขียว แล้วขายตัวแดงนางสีฟ้ากล่าว

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น LIVE ปรับตัวขึ้นยืนแดนบวกทันที หลังเจ๊สีฟ้ายืนยันว่ายังไม่ล้างพอร์ต โดยล่าสุดเวลาประมาณ 11.25 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 3.64% มูลค่าการซื้อขาย 40.26 ล้านบาท จากช่วงเช้าที่ร่วงแตะจุดต่ำสุดที่ 2.06 บาท


* เสี่ยแตงโม เชียร์หุ้นIPO เสน่ห์แรง แต่เตือนนลท.อย่ารีบเก็บหุ้นตอนนี้
นายสมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์ หรือ เสี่ยแตงโม ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2551 หากเทียบกับปี 2550 ว่า จะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดทั้งในเชิงบวก และเชิงลบ เพราะยังมีปัจจัยด้านการเมืองที่ต้องรอความชัดเจนเรื่องการก่อตั้งรัฐบาลอยู่ ซึ่งนับเป็นประเด็นหลักที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุน

นอกจากนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน หรืออาจไม่ขยายตัวมากเท่าที่ควร ก็ยังเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ ที่จะสะท้อนผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวตามได้ ทั้งนี้เชื่อว่าหากพรรคพลังประชาชนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างเป็นทางการ จะมีผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวกปรับขึ้นได้ชัดเจนแต่หากเป็นในทางกลับกันคือ มีความไม่ลงตัว ล่าช้า ในการจัดตั้ง หรือ พรรคประชาธิปัตย์ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็อาจมีความลังเลที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกิดขึ้นได้

ถึงตอนนี้ก็ยังบอก ยากว่าพลังประชาชนจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อไหร่ แต่ถ้าตั้งได้เร็วตลาดหุ้นก็จะได้รับผลบวกเร็ว นายสมเกียรติ กล่าว

เขายังกล่าวต่อถึงการที่ช่วงก่อนหน้านี้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของกลุ่มรัฐบาลในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มีการปรับขึ้นทันทีหลังผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาทราบผลคะแนนว่า เป็นเพราะหลายฝ่ายคาดว่าพรรคพลังประชาชนจะได้เป็นรัฐบาลจึงมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าว ดังนั้นถ้าต่อจากนี้พรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลจริงตามที่คาดไว้ก็ย่อมจะมีแรงซื้อทำให้หุ้นเหล่านี้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนอีกได้
พร้อมกันนี้ได้เแนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต หรือติดหุ้นอยู่ แม้จะยังสามารถถือหุ้นต่อได้ แต่ก็ไม่ควรซื้อเพิ่ม เพราะตลาดหุ้นไทยขณะนี้ยังไม่ถึงจังหวะช้อนซื้อ และย่อมจะเป็นการเสี่ยงเกินไปถ้าจะซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรในระยะนี้

ส่วนหุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจแม้ตามหลักการ แล้วยังถือว่าน่าสนใจลงทุน แต่ถ้านักลงทุนจะซื้อโดยหวังให้ราคาปรับขึ้นในระยะสั้นก็อาจจะเสี่ยงต่อแรงขาย ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนได้เช่นกัน อีกทั้งประเมินการลงทุนช่วงนี้หุ้นที่ขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO ยังถือว่าน่าลงทุน นักลงทุนมีโอกาสสูงที่จะมีกำไร แต่นักลงทุนต้องจองซื้อหุ้นโดยพิจารณาพื้นฐานทางธุรกิจประกอบด้วย

สำหรับการลงทุนในสินค้าอื่นเช่น ฟิวเจอร์ส อนุพันธ์ หรือ ออปชั่น อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีความเข้าใจ ชำนาญมากพอ เพราะสินค้าเหล่านี้บางตัวมีการขึ้นลงอ้างอิงกับแนวโน้มภาพรวมตลาดหุ้นด้วย ซึ่งการวิเคราะห์เป็นรายตัวจะทำได้ง่ายกว่า

นายสมเกียรติ ยังได้กล่าวถึงการจัดพอร์ตลงทุนของตนเองว่า ได้แบ่งสัดส่วนการลงทุนโดยถือเงินสดไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนหุ้นที่มีอยู่เป็นหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มพลังงานมากกว่า 50% ของหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่

" ส่วนหุ้นประเภทเก็งกำไรที่มีการเคลื่อนไหวของราคารวดเร็ว ปัจจุบันไม่มีอยู่ในพอร์ตมาประมาณ 3 ปีแล้ว อีกทั้งในช่วงนี้ยังไม่ได้ซื้อหรือขายหุ้นใดมากนัก เพราะไม่แน่ใจในภาวะตลาดหุ้นไทย" นายสมเกียรติ กล่าว


* เสี่ยปู่ แนะเลือกเก็บหุ้นเก็งกำไร30% อีก 70% ลงทุนหุ้นพื้นฐาน

นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า ประเมินว่าสาเหตุที่ SET Index มีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 วันทำการ หลังจากที่เปิดศักราชใหม่ปี 2551 เนื่องจากได้รับปัจจัยลบจากปัญหาซัพไพร์มที่ยัง ไม่คลี่คลาย นอกจากนี้นักลงทุนยังรอดูรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะออกมาในลักษณะใด ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลชะลอการลงทุนรวมทั้งยังกดดันบรรยากาศการลงทุนอีกด้วย
ช่วงนี้นักลงทุนคงจะรอดูโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่อยู่จึงชะลอการลงทุนออกไปทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยสดใสและมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่ง บรรยากาศการลงทุนน่าจะเป็นอย่างนี้ไปสักพักจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นายสมพงษ์ กล่าว

ส่วนในปี 2551 ยังคงเน้นกลยุทธ์การลงทุนโดยเลือกลงทุนในหุ้นเก็งกำไรสัดส่วน 30% และ ส่วนที่เหลืออีก 70% เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี นอกจากนี้ยังกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆ กลุ่ม เพื่อป้องกันความเสี่ยง

อย่างไรก็ตามช่วงนี้ได้ทยอยขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานบ้างแล้วเพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นจังหวะที่ดี แต่หากราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับลดลงอาจจะเข้าไปซื้อกลับเข้าพอร์ตได้ เพราะในอนาคตยังสามารถเติบ โตได้ดีและน่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าด้วย
นายสมพงษ์ กล่าวต่อไปว่าต้องการแนะนำนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นเก็งกำไรที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยบวก ใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนให้ระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับอาจจะไม่คุ้มค่า ขณะเดียวกัน อาจจะขาดทุนหรือติดยอดดอยได้
ถึงแม้หุ้นเก็งกำไรที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากๆ แล้วให้ผลตอบแทนดีๆ แต่ไม่ควรเข้าไปลงทุนเพราะความเสี่ยงค่อนข้างสูงอีกอย่างการเข้าไปลงทุนอาจจะไม่คุ้ม ค่าได้ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วจะไม่เลือกลงทุนหุ้นในลักษณะนี้ นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันในพอร์ตมีหุ้นของบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN ด้วย ซึ่งการ เลือกลงทุนในหุ้นดังกล่าวถือว่ามีความคุ้มค่าและรู้สึกพอใจมาก เนื่องจากให้ผลตอบ แทนที่ดีและในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่ามีโอกาสที่จะติด 1 ใน 5 หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตมากที่สุด จากปัจจุบันที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ในขณะเดียวกันอนาคตไม่มี แผนที่จะขายหุ้นดังกล่าวออกไปด้วยจากเดิมที่ถืออยู่ในสัดส่วน 9.96% เพราะไม่มี ความจำเป็น ส่วนหุ้นของบริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ที่ขายออกมาจำนวน 2 ล้านหุ้นในอนาคตหากมีโอกาสดีอาจจะเข้าไปซื้อหุ้นดังกล่าว กลับเข้าพอร์ตได้


* เสี่ยป๋อง แนะเป็นจังหวะเข้าเก็บหุ้นบิ๊กแคป แย้มพลังงานน่าสน

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือเสี่ยป๋อง ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยฯปรับลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายต้นปีใหม่ ซึ่งมองว่าเป็นไปตามปัจจัภายนอก โดยเฉพาะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับลดลงแรง
ทั้งนี้ มองว่าจังหวะที่ดัชนีฯ และราคาหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ปรับลดลง เป็นโอกาสในการเข้าไปทยอยเก็บหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่น่าสนใจจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง

จริงๆหุ้นไทยที่ลง ให้น้ำหนักว่ามาจากปัจจัยต่างประเทศมากกว่า เพราะหุ้นภูมิภาคลงแรงหลายตลาดฯ ส่วนปัจจัยภายในแม้ยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ แต่ก็ไม่น่ามีผลเท่าไหร่ เพราะประเทศไทยเองก็ว่างเว้นจากการมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งพอสมควรนายวัชระ กล่าว

อย่างไรก็ดี ทิศทางดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยฯช่วงนี้ค่อนข้างผันผวน แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าหากได้เห็นโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่อย่างเป็นทางการ ก็จะกระตุ้นความมั่นใจนักลงทุนกลับมามากขึ้น โดยภายหลังได้รัฐบาลชุดใหม่ ดัชนีฯน่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 3 เดือน โดยคาดการณ์ดัชนีฯต่ำสุดของปีไม่น่าหลุด 750 จุด ขณะเดียวกันช่วงปลายปีมีโอกาสได้เห็นดัชนีฯขยับขึ้นมาสูงสุดที่ประมาณ 1 พันจุด

หวังรอผลจัดตั้งรัฐบาลใหม่ชัดเจน เพราะช่วงนี้ยังมีเรื่องใบแดงที่ ก.ก.ต.อยู่ระหว่างพิจารณาอีก ซึ่งภายหลังได้รัฐบาล ความเชื่อมั่นต่างๆน่าจะกลับมา ซึ่ง 3 เดือนจากนั้นถือเป็นช่วง Honeymoon Period ตลาดหุ้นไทยเลยก็ว่าได้นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ในช่วงที่รัฐบาลใหม่ออกนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการเมกะโปรเจ็ก โดยแนะนำนักลงทุนรายย่อยให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลต่อการลงทุน

ราคาปิดหุ้นขนาดเล็ก วานนี้

ราคาปิด ลดลง % มูลค่าการซื้อขาย
IEC 1.72 0.02 1.15 414.41
APURE 2.66 0.08 2.92 105.40
WIN 1.27 0.03 2.31 242.13
SINGHA 2.38 0.02 0.83 3.10
MLINK 1.72 0.02 1.15 269.26
TYM 4.96 0.60 13.76 119.64
PSAP 1.53 0.32 26.45 101.67
EMC 5.00 0.42 9.17 191.07
EMC-W1 3.90 0.40 11.43 137.93
WIN-W 0.58 0.05 9.43 0.83
SINGHA-W 1.06 0.05 4.95 54.73
PE 1.23 0.07 6.03 89.79
PT 2.54 0.04 1.60 6.20
SAM 2.06 0.02 0.98 132.87
SAM-W1 1.57 0.05 3.29 108.53
THL 1.45 0.15 11.54 79.04
S2Y 2.26 0.00 0.00 247.34

รวบรวมโดย eFinanceThai.com

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com