kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 25/12/2007 @ 09:36:04 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ที่มา : ทันหุ้น
ทันหุ้น-ตลาดหุ้นวันนี้นักลงทุนจับตา การจัดตั้งรัฐบาลผสมภายใต้การนำของพรรคพลังประชาชนว่าจะสำเร็จหรือไม่ "รณกฤต สารินวงศ์" ฉายา "เด็กแนว" นักวิเคราะห์ ฟันธง ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะมีขั้นไหนเป็นแกนนำ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะได้รับประโยชน์ ในแง่จิตวิทยาเชิงบวกก่อนใครเพื่อน แนะเล่น STEC CK ITD และที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ SEAFCO เพราะธุรกิจเสาเข็มเจาะงานฐานราก โดยธรรมชาติจะได้ลงมือทำงาน และรับรู้รายได้ก่อน
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นแรง หลังจากที่ได้ปรับตัวลงหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จากการขายปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับแรงซื้อหุ้นจากกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี
ขณะที่สัปดาห์นี้ยังประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนบ้างจากประเด็นเรื่องขั้วอำนาจที่จะเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยประเมินกรอบดัชนีอยู่ที่ระดับ 790-820 จุด และมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ถึง 850 จุด หากมีความชัดเจนในเรื่องรัฐบาลใหม่ และการเข้ามาซื้อหุ้นต่อเนื่องของกองทุน
สำหรับปัจจัยในเรื่องการเมือง ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย ได้ประเมินแนวทางและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลมากที่สุด แต่ลดน้ำหนักลงมาจากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 52% เป็น 37% ขณะที่พรรคพลังประชาชนโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36% จากเดิมให้น้ำหนักอยู่ที่ 32%
ขณะที่โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคทางเลือกที่ 3 ซึ่งถือตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังให้น้ำหนักกับพรรคชาติไทยมากที่สุด รองลงมาคือพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินโอกาสของทั้ง 2 พรรคนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 27%
เรามองว่าพรรคพลังประชาชนจะได้จำนวนสส. มาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งควรจะได้สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่กระแสของการเลือกนายกรัฐมนตรีกลับยังอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะในกรุงเทพ และหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งพรรคทางเลือกที่ 3 ที่ตอนนี้มีน้ำหนักที่สุดคือพรรคชาติไทยจะเป็นตัวแปรสำคัญ
ปชป.มาหุ้นเฮรับ
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น มองว่าหากพรรคประชาธิปัตย์สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้น่าจะตอบรับในเชิงบวกมากกว่า หากพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากนโยบายทางด้านเศรษฐกิจถือว่าความชัดเจน และเป็นพรรคที่ต่างชาติให้ความเชื่อมั่นมากกว่า
ส่วนคำแนะนำนักลงทุนในส่วนสัปดาห์สุดท้ายของปี 2550 นั้น มองว่าเป็นจังหวะที่น่าลงทุน โดยมองว่าดัชนีหุ้นไทยที่ระดับ 800 จุดต้น ๆ เป็นจุดที่น่าลงทุน เนื่องจากมองว่าพื้นฐานของตลาดหุ้นควรจะอยู่ในระดับ 800 จุดขึ้นไป โดยหุ้นในกลุ่มบลูชิพ ที่ราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว โดยเฉพาะพลังงานยังคงน่าสนใจ
หุ้นบวกอย่างต่ำ10จุด
นายกฤษฎา สวามิภักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองไทยสัปดาห์นี้จะมีน้ำหนักกับตลาดหุ้นมาก เพราะแกนนำหรือพรรคการเมืองใดที่เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
สัปดาห์นี้ต้องยกปัจจัยการเมืองบ้านเราเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด เพราะคงจะมีความชัดเจน ถึงร่างรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ถึงแม้ประเมินว่าฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่อาจจะได้เห็นชัดๆ จริงๆคงประมาณช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 25 51 เพราะกกต. ยังต้องพิจารณาเรื่องใบแดง ซึ่งคาดว่าจะมีการร้องเรียนและตรวจสอบเยอะนายกฤษฎากล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่ากรณีที่ดีที่สุดคือการที่พรรคประชาธิปัตย์สามารถเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะตลาดหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงบวก โดยประเมินว่าดัชนีมีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีก 10 จุด เนื่องจากถือเป็นพรรคที่นักลงทุนต่างชาติให้การยอมรับ และมีนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ขณะเดียวกันถือเป็นทางเลือกที่คาดว่าจะเกิดความวุ่นวาย หรือผลกระทบต่กมวลชนน้อยที่สุด
กลับกันกับกรณีหากพรรคพลังงานประชาชนเข้ามาแกนนำในการจัดตั้งเป็นรัฐบาล คาดว่าจะมีแรงเทขายหุ้นออกมาจากนักลงทุนต่างชาติ เพื่อรอดูความชัดเจนว่าจะมีความเสี่ยงในเรื่องของความวุ่นวายทางการเมืองหรือไม่ ตรงนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญ
ที่ได้คุยกับหลายๆโบรกต่างชาติเค้ามองว่าหากพรรคพลังประชาชนเข้ามาได้ จะได้สส. 180 หรือ 190 คน และเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เค้าจะแนะนำนักลงทุนขายก่อน เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคาดว่าตลาดหุ้นบ้านเราก็จะลดลงไปด้วย แต่หากประชาธิปัตย์ชนะ คาดว่าตลาดจะบวกอย่างน้อยก็ประมาณ 10 จุด และที่ระดับ 820 จุด ก็ไม่น่าจะยากในสัปดาห์นี้นายกฤษฎากล่าว
ส่วนคำแนะนำนักลงทุนมองว่าหุ้นในกลุ่มบูลชิพ ยังคงโดดเด่นจากแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในปี 2551 โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน หรือกลุ่มธนาคารพาณิชย์
:lol:
|