P_aud สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 531 | วันที่: 02/10/2005 @ 16:03:01 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต TOP ยังเล่นได้อีกนาน ค่าการกลั่นตัวหนุนหลังแนวโน้มราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด ขณะที่การ
ฟื้นตัวของโรงกลั่นสหรัฐไม่แน่นนอน โบรกฯให้ราคาเป้าหมายใหม่ 82 บาท
รายงานจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินว่า ตัวเลขค่าการกลั่นของ
โรงกลั่นภูมิภาคเอเชีย น่าจะทรงตัวในระดับสูงต่อไป เนื่องจากภาวะอุปสงค์และอุปทานที่
ตึงตัว การขยายกำลังการกลั่นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ลดลงอย่างมากระหว่างปี 2543-47
และไม่มีการขยายกำลังการกลั่นขนาดใหญ่จนกระทั่งหลังจากปี 2550
โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีนและอินเดีย ปัจจุบันโรงกลั่นหลายๆแห่งกำลังยกระดับโรงกลั่น
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการขยายกำลัง
การกลั่น ดังนั้นภาวะอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัวจะยังมีต่อไปจนถึงปี 2551 และน่าจะช่วย
สนับสนุนให้ค่าการกลั่นทรงตัวอยู่ในระดับสูงในปีถึงสองปีข้างหน้า
ทั้งนี้กำลังการกลั่นที่ตึงตัวได้ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก
80 % ในปี 2543 มาอยู่ระดับสูงกว่า 90% ในปี 47 ดังนั้นค่ากลั่นจึงปรับตัวสูงขึ้นตามไป
ด้วย จากอัตราการใช้กำลังการกลั่น ที่อยู่ระดับสูงอยู่แล้ว หากเกิดการชะงักงันของโรงกลั่น
จะส่งผลให้ค่าการกลั่นพุ่งสูงขึ้นจากระดับในปัจจุบันเหมือนที่เกิดขึ้นกับค่าการกลั่นของ
สหรัฐตอนที่เกิดพายุเฮอริเคนแคทริน่าและริต้า
โดยการฟื้นตัวของโรงกลั่นในสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน ณปัจจุบันโรงกลั่น 12 โรงยังปิด
ทำการ และอาจต้องใช้เวลาสักระยะในการจะกลับดำเนินการอีกครั้งกำลังการกลั่นที่ปิดทำ
การคิดเป็นจำนวนมากกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือประมาณ 12% ของกำลังการกลั่น
รวมของสหรัฐ นอกจากนี้ฤดูกาลพายุเฮอริเคนในสหรัฐยังไม่จบลง ดังนั้นหากมีการชะงักงัน
ของกำลังการกลั่นอีกจะยิ่งส่งผลให้ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นอีก
นอกจากนี้โรงกลั่นแบบซับซ้อน เช่นไทยออยล์ ที่มีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบที่มี
ความหนาแน่นและกำมะถันสูงให้เป็นน้ำมันสำเร็จรูปจะได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่
สูงกว่าโรงกลั่นน้ำมันแบบพื้นฐาน ที่ต้องใช้น้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและกำมะถันต่ำใน
การกลั่น เนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่า เพราะน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและกำมะถันสูง มี
ราคาถูกกว่าชนิดที่มีความหนาแน่นและกำมะถันต่ำ
จากประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แนวโน้มค่าการกลั่นแข็งแกร่ง
ช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้าและผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทในเครือ จึงปรับประมาณ
การกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติสำหรับปีนี้ เพิ่มขึ้น 6% เป็น 16.5 พันล้านบาท
และอีก 4% สำหรับปีหน้าเป็น 17.4 พันล้านบาทและได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้น TOP เพิ่ม
ขึ้น 9% เป็น 82 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้เพื่อสะท้อนธุรกิจโรงกลั่นที่แข็งแกร่งและผลประกอบการดีขึ้นของบริษัทในเครือการ
ประเมินมูลค่า และคำแนะนำจากแนวโน้มค่าการกลั่น ที่ยังคงแข็งแกร่งจากความต้องการ
น่าจะอยู่ในระดับสูงช่วงหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง จึงยังคงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่
82 บาทต่อหุ้น โดยวิธี DCF ปัจจุบันหุ้น TOP ซื้อขาย P/E ปี48 ที่ 9.4 เท่าและมี ROAE ที่
26.6% ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อ TOP ทั้งจากแนวโน้มที่ดีของค่าการกลั่น การรับรู้ผลประกอบ
การของบริษัทในเครือที่เพิ่มขึ้น และโอกาสที่ไทยออยล์พาวเวอร์ จะขยายกำลังการผลิตจาก
การประมูลโรงไฟฟ้า(IPP)ใหม่ต้นปีหน้า
ที่มา:
ข่าวหุ้น
|