kaisel
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380 |  วันที่: 11/12/2007 @ 09:14:54 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต บล.โกลเบล็กแนะนำขายBTราคาเป้าหมาย 1.25 บาท
สำรองด้อยค่าเงินลงทุนCDOของBTอยู่ในช่วงที่เราประมาณการไว้เดิมที่ 1.6-4.2พันลบ.โดยระดับสำรองด้อยค่าที่ 3.25 พันล้านบาท(95.5ล้านเหรียญสหรัฐ) เมื่อรวมกับสำรองด้อยค่าที่มีอยู่เดิม4.5ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ระดับสำรองทั้งสิ้นจะครอบคลุ่มส่วนสูญเสียไปได้แล้วราว 38.5%ของมูลค่าตราสารCDOที่ไม่ได้อ้างอิงกับตลาดSubprimeที่มีอยู่ราว 260 ล้านเหรียญ ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเพียงพอ อย่างไรก็ตามระดับการด้อยค่าดังกล่าวสูงกว่าประมาณการในงบกำไรขาดทุนของเราที่คาดการณ์ไว้แค่กรณีฐานที่ราว 2 พันลบ.ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการขาดทุนปีนี้จากเดิม 5 พันลบ.มาเป็น6พันลบ. ซึ่งทำให้ประมาณการมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น(BVS)ปี51ลงมาอยู่ที่ 1.25 บาท จากเดิมที่ 1.65 บาท
จากประมาณการผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนที่ลดลงเพราะราคาขายหุ้นเพิ่มทุนที่ลดลง (เดิมจะได้เงินเพิ่มทุนเข้ามาราว 7.7 พันลบ. เหลือเพียง 6พันลบ.) ทำให้คาดBIS Ratio ปี50จะอยู่ที่เพียงราว 10% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 6.78%ในเดือนก.ย.50 และถือว่ายังต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารด้วยกัน ดังนั้นคาดBTอาจต้องเพิ่มทุนอีกรอบเราคาดอีกราว 3-5 พันลบ. เพื่อเพิ่มระดับเงินกองทุนให้สูงราว 12-14%ซึ่งน่าจะเป็นระดับที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับธนาคารพาณิชย์ในการขยายธุรกิจต่อ
บล.บัวหลวงแนะนำ ซื้อเก็งกำไรTMBราคาเป้าหมาย 1.80 บาท
การเพิ่มทุนโดยร่วมกับกระทรวงการคลังคาดว่าจะประสบความสำเร็จ โดยคาดว่ากระทรวงการคลังจะเข้าซื้อหุ้น 5,587 ล้านหุ้น ที่มูลค่า 1.40 บาทต่อหุ้น และสัดส่วนการถือหุ้นลดลงจาก 31% ในขณะนี้เหลือเพียง 26% หลังการเข้าถือหุ้นใหม่ ในขณะที่กลุ่ม INGน่าจะสามารถเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นสัดส่วน ประมาณ 25% หลังการเพิ่มทุนสำเร็จ
อัตราเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงแข็งแกร่งเพื่อการดำเนินงาน: หากการเพิ่มทุนนั้นผ่านขายหุ้นให้กับกระทรวงการคลังและ ING ทั้งหมด TMB จะมีเงินทุนเพิ่มขึ้น 37 พันล้านบาท ซึ่งทำให้สามารถตั้งสำรองจำนวนมากจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาทได้และจะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งเราคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหลังการเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 18%ซึ่งจะลดลงเป็น 12.5% หลังจากตั้งสำรองแล้วเสร็จในสิ้นปี 2550
แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ที่ราคาเป้าหมาย 1.80 บาท: การที่กระทรวงการคลังตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TMB ทำให้การเพิ่มทุนของ TMB มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น เราคาดว่าการดำเนินงานและกำไรจะกลับสู่ปกติในปีหน้าที่ 6.8 พันล้านบาทจากที่คาดว่าจะขาดทุนจำนวน 4.4 หมื่นล้านบาทจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 4 ซึ่งหารกพิจารณาที่ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อผู้ถือหุ้นปี 2551-225 ที่ 15.7%อัตราการเติบโตอุตสาหกรรมที่ 5% และ Ke 12% เราประมาณการราคาเป้าหมายปี 2551ไว้ที่ 1.80 บาท คิดตาม P/ABV ปี 2551 ที่ 1.5 เท่า และเรายังคงยืนยัน "ซื้อเก็งกำไร" สำหรับ TMB
บล.กรุงศรีอยุธยาแนะนำซื้อPTTราคาเป้าหมาย 359.00 บาท
AYS ได้ประเมินความเสี่ยงประเด็นท่อส่งก๊าซของ PTT ไว้ 3 กรณี และ 3 ผลกระทบด้วยกัน คือ
* กรณีที่ 1 : แยกกิจการท่อส่งก๊าซฯ ออกเป็นอีกบริษัท แต่ PTT ยังคงถือหุ้น 100% และรับภาระภาษีจากการจัดตั้งบริษัทใหม่ : ภายใต้สมมติฐานภาระภาษี 10,000 ล้านบาท คาดกำไรสุทธิปี 51 และ EPS จะปรับลดลง 11% จากประมาณการเดิม แต่เป็นค่าใช้จ่าย One-time และมีผลกระทบต่อ Fair Price 4 บาท เหลือ 453 บาท (คาดมีความเป็นไปได้น้อย)
* กรณีที่ 2 : โอนท่อส่งก๊าซฯ กลับคืนให้กระทรวงการคลัง และไม่ได้รับสิทธิในการใช้ท่อส่งก๊าซฯ : จะทำให้ PTT สูญเสียรายได้จากอัตราค่าผ่านท่อ ซึ่งเป็นกรณีที่มีผลกระทบรุนแรงสุด โดยคาดกำไรสุทธิ และ EPS จะปรับลดลง 19% (ส่งผลกระทบต่อทุกปีประมาณการ) และมีผลทำให้ Fair Price ลดลง 97 บาท เหลือ 359 บาท (คาดมีความเป็นไปได้น้อยมาก)
* กรณีที่ 3 : โอนท่อส่งก๊าซฯ กลับคืนให้กระทรวงการคลัง และได้รับสิทธิในการใช้ท่อส่งก๊าซฯ แต่เสียค่าเช่า AYS ประเมินภายใต้สมมติฐานอัตราค่าเช่าท่อส่งก๊าซ ฯ ทุก ๆ1 บาท จะส่งผลให้กำไรสุทธิ และ EPS ลดลง 1% (ส่งผลกระทบต่อทุกปีประมาณการ)และมีผลทำให้ Fair Price ลดลง 5 บาท (คาดมีความเป็นไปได้มากสุด)
กรณีที่ 3 มีความเป็นไปได้มากสุด จะส่งผลกระทบไม่รุนแรงต่อมูลค่า FairPrice โดยคาดจะอยู่ที่ 451 บาท (ลดลง 5 บาท จากเดิม) และกรณีที่ 2 ที่เป็นกรณีเลวร้ายสุด คาดจะกดดันให้ Fair Price ลดลงเป็น 359 บาท (ลดลง 97 บาท จากเดิม)ซึ่งใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน.คงแนะนำ ซื้อ สำหรับการลงทุนระยะยาว
แม้ปัจจุบันร่าง พรบ. ประกอบกิจการพลังงาน (ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ที่กำลังจะประกาศใช้เป็นกฎหมาย จะมีผลทำให้เกิดความโปร่งใสในเรื่องการกำกับดูแลด้านกิจการไฟฟ้า และก๊าซฯ ของประเทศ ภายใต้การทำงานของ Regulator7 คน ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ดังกล่าว แต่คาดจะเป็นการสร้างความชัดเจนต่อการกำกับดูแลสิ่งที่จะดำเนินการในอนาคตมากกว่า ดังนั้นประเด็นความเสี่ยงเรื่องท่อส่งก๊าซฯของ PTT ต้องรอดูความชัดเจนของคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด (14 ธ.ค. 50) และการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา อย่างไรก็ตามจากการประเมินผลกระทบดังกล่าวข้างต้น กรณีที่ 3 มีความเป็นไปได้มากสุด จะส่งผลกระทบไม่รุนแรงต่อมูลค่า Fair Priceของ PTT โดยคาดจะอยู่ที่ 451 บาท (ลดลง 5 บาท จากเดิมที่ 457 บาท) และกรณีที่ 2ที่เป็นกรณีเลวร้ายสุด คาดจะกดดันให้ Fair Price ลดลงเป็น 359 บาท (ลดลง 97 บาทจากเดิม) ซึ่งใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน ดังนั้น AYS ยังคงแนะนำ ซื้อ สำหรับการลงทุนระยะยาว
บล.ธนชาตแนะนำซื้อTISCOราคาเป้าหมาย 36.00 บาท
ยอดจองรถในงาน Thailand International Motor Expo 2007 ในช่วง5 วันแรก เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นำโดย โตโยต้า เชฟโรเลต อีซูซุและฮอนด้า โดยจะสังเกตได้ว่าในสภาวะที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง รถยนต์ที่มีราคาที่ไม่แพงนักมียอดจองจำนวนมาก
เราเชื่อว่ายังคงมีความต้องการยานยนต์ต่อเนื่องไปถึงช่วง 1H08 จากการที่เราคาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับมีการเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ และอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่ต่ำลง นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2008 ยังมีการแสดงยานยนต์อีกหนึ่งงาน คือ งาน Motor Show กล่าวโดยสรุปยอดขายรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้น 12.6% y-y ขณะที่ YTD ยอดขายยังคงลดลงราว 5.7%
การเพิ่มขึ้นของยอดจองเป็นผลบวกต่อธุรกิจเช่าซื้อ (HP) และยังคงแนะนำ ซื้อTISCO เราคาดว่า TISCO จะมีการขยายตัวของสินเชื่อราว 15% (75% มาจาก HP)สำหรับช่วงปี 2008 เราเชื่อว่า TISCO จะยังคงสามารถดำรงตำแหน่งผู้นำธุรกิจเช่าซื้อในภาวะที่มีการแข่งขันที่รุนแรงได้ ปัจจุบัน TISCO กำลังเพิ่มพอร์ตรถยนต์ที่ใช้แล้ว ขณะที่ การควบคุมต้นทุนในการดำเนินงาน (อัตราส่วนต้นทุนต่อยอดขายต่ำกว่า 50% เทียบกับมากกว่า 60% สำหรับธนาคารอื่น) จะช่วยให้ผลการดำเนินงานของธนาคารเติบโตได้ตามประมาณการของเราในปี 2008 ที่ 19% ได้
TISCO ปัจจุบันทำการซื้อขายที่ระดับ P/BV ที่ 1.5 เท่า โดยมี ROE ราว 16%และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 9% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในตลาด
ข่าวหุ้น[/size:a455bad949">
|
