May 3, 2024   8:10:46 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ขอดเกล็ดคดีปั่นหุ้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 06/12/2007 @ 19:33:31
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ก.ล.ต.เปิดโผคดีปั่นหุ้น 5 กรณีที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษ งานนี้ TPIPL สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ถูกสั่งปรับมากที่สุด 6.9 พันลบ. ด้านราคาหุ้นรูดเละเทะติดฟลอร์ หลังปลด SP ไม่สนบริษัทแจงยังไม่ต้องจ่ายค่าปรับ เหตุเตรียมยื่นอุทธรณ์ไม่ยอมรับคำตัดสิน ฟากโบรกเกอร์รุมสับ พร้อมตบเท้าหั่นประมาณการ ระบุหากต้องบันทึกค่าปรับจริง BV วูบเหลือ 8.68 บ./หุ้น แถมพลิกเป็นขาดทุนสะสมในปี 2551

จากกรณีศาลอาญาพิพากษาว่าบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลการเสนอขายหุ้นโดยมีการประเมินราคาหุ้นที่สูงอันเป็นการกระทำผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรม โดยพิพากษาจำคุก นายประชัย และนายเชียรช่วง จำเลยที่ 2 และ 4 คนละ 3 ปี และปรับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) และบริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด คนละ 6,900,300,000 บาท โดยพฤติการณ์กระทำผิดของพวกจำเลยส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

ถือได้ว่าคดีดังกล่าวได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการตลาดทุน เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่าในช่วงที่ผ่านมามีคดีที่ศาลพิพากษาและสั่งลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 คดี ได้แก่ กรณีสร้างราคาหุ้น SCIB ซึ่งตัดสินเมื่อปี 2546 กรณีปั่นหุ้น TCOAT และ กรณีปั่นหุ้น THIP เมื่อปี 2548 และ กรณีสร้างราคาหุ้น KMC เมื่อปี 2549 ซึ่งคดีที่ถูกปรับมากที่สุดคือ กรณี TCOAT ศาลสั่งปรับเป็นเงิน 27.95 ล้านบาท

**ปั่นหุ้น SCIB ศาลสั่งปรับแค่คนละ 4 ลบ.
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2546 ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิดรายนางสวัสดิ์ศรี เยาวพงศ์ศิริ และนายวิศาล เยาวพงศ์ศิริ กรณีสร้างราคาหุ้นธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 243 (2) และ 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 4,000,000 บาท สำหรับโทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งในเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษผู้กระทำความผิดตั้งแต่ปี 2536

**TCOAT โดนหนักสุด 27.95 ลบ.
วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2548 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาลงโทษนายพิชัย เมธีปรีชากุล กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) บริษัทอุตสาหกรรมผ้าเคลือบพลาสติกไทย จำกัด (มหาชน) (TCOAT) โดยพิพากษาจำคุก 2 ปี และปรับ 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ เป็นเงิน 27,958,079.50 บาท

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2542 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคลรวม 2 ราย ได้แก่ (1) นายเลิศชัย เจริญอาภรณ์วัฒนา และ (2) นายพิชัย เมธีปรีชากุล กรณีร่วมกันทำการปั่นหุ้น TCOAT ในช่วงวันที่ 11 สิงหาคม 2537 ถึงวันที่ 27 กันยายน 2537 ในการนี้ พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย ซึ่งต่อมา รายนายพิชัย เมธีปรีชากุล ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีการกระทำความผิดตามมาตรา 243 (1) (2) และมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน จึงได้ ลงโทษโดยจำคุก 2 ปี และปรับ 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ ปรับเป็นเงิน 27,958,079.50 บาท ซึ่งโทษดังกล่าวเป็นการลงโทษตามระวางโทษสูงสุดที่กฎหมายกำหนด
ส่วนรายนายเลิศชัย เจริญอาภรณ์วัฒนา ได้หลบหนี และพนักงานสอบสวนไม่สามารถจับกุมตัวได้ จนคดีหมดอายุความ

**ศาลพิพากษาปรับ 5 แสน กรณีปั่นหุ้น THIP
ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาลงโทษนายหยาง ไล ฟู กรณีสร้างราคาหลักทรัพย์ บริษัททานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (THIP) โดยพิพากษาจำคุก 1 ปี และปรับเป็นเงิน 500,000 บาท
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2543 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคล 9 ราย ในข้อหาร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ THIP ในช่วงวันที่ 25 มกราคม 2538 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2538 ได้แก่ (1) นายน้ำ มหฐิติรัฐ (2) นายทวีวัฒน์ ยินอัศวพรรณ (3) นายหยาง ไล ฟู (4) นายโจว จื่อ เสียง (5) นางสาวหม่า วาน กวง (6) นายกีรติ แซ่ฟู (7) นางซูซี่ (8) นางซูซี่ ลาน และ (9) นางเซียะไอหลิน ซึ่งต่อมา พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องบุคคลข้างต้นตามที่สำนักงานกล่าวโทษ ยกเว้นนางสาวหม่า วาน กวง

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548 ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาจำเลยรายนายหยาง ไล ฟู ว่า มีการกระทำความผิดตามมาตรา 243 (1) (2) และมาตรา 244 (2) (3) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน โดยศาลวินิจฉัยว่า พฤติการณ์การกระทำความผิดนี้ เป็นการสร้างความเสียหายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้ตลาดทุนขาดความน่าเชื่อถือ อันก่อให้เกิดปัญหาต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการระดมทุนเพื่อขยายกิจการขององค์กรธุรกิจ ทั้งยังเป็นการหลอกลวงผู้ลงทุนในตลาดไปในตัวด้วย จึงให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับเป็นเงิน 500,000 บาท อันเป็นอัตราค่าปรับขั้นต่ำ เนื่องจากนายหยาง ไล ฟู เป็นเพียงผู้ส่งคำสั่งซื้อขาย แต่ไม่ปรากฏว่า ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิด
ส่วนกรณีผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 ราย คือ นายน้ำ มหฐิติรัฐ นายทวีวัฒน์ ยินอัศวพรรณ นายโจว จื่อ เสียง นายกีรติ แซ่ฟู นางซูซี่ นางซูซี่ ลาน และ นางเซียะไอหลิน ได้หลบหนีการจับกุม จนคดีหมดอายุความ ทำให้ไม่สามารถฟ้องต่อศาลเพื่อพิจารณาลงโทษได้

**KMC โดนด้วย ทั้งจำทั้งปรับ
วันที่ 31 สิงหาคม 2549 ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาลงโทษนางสาวสุรีย์ หรือ รวิ สรรค์ศิริกุล และนางชมพูนุท ปิ่มหทัยวุฒิ กรณีร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ บริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) (?KMC?) โดยให้จำคุกคนละ 1 ปี 12 เดือน และปรับคนละ 700,000 บาท โทษจำคุกไม่รอการลงโทษ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2536 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคลรวม 14 ราย ได้แก่ (1) นายวิชัย กฤษดาธานนท์ (2) นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา (3) นางวิภา สุวรรณชนะ (4) นางสาวกัญญา บุรัสการ (5) นางสาวสุพรรณี พิมพ์แสง (6) นายสอง วัชรศรีโรจน์ (7) นางชมพูนุท ปิ่มหทัยวุฒิ (8) นางสาวบุษกร วัชรศรีโรจน์ (9) นายประเสริฐศักดิ์ นริพทะพันธุ์ (10) นางวรรณี คุปติพงศ์กุล (11) นางสาวสุรีย์ หรือ รวิ สรรค์ศิริกุล (12) พันจ่าอากาศเอก ณรงค์ อุดมผล (13) นายสุวิทย์ วิชชาวุธ และ (14) นายวีระนนท์ ว่องไพฑูรย์ กรณีร่วมกันสร้างราคาหุ้น KMC ระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2535 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2535

**หุ้น TPIPL รูดติดฟลอร์ เละไม่เป็นท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ปลดเครื่องหมาย SP ให้ซื้อขายหุ้น TPIPL ได้ตามปกติในช่วงบ่ายของการซื้อขายวันที่ 4 ธ.ค. 2550 ปรากฎว่า ราคาหุ้นปรับตัวลดลงติดฟลอร์ทันที แม้ว่าบริษัทจะชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าบริษัทฯได้ฟังเพียงคำพิพากษาศาลอาญาตามที่ปรากฏในข่าวข้างต้นจริง แต่ยังไม่เห็นคำพิพากษาศาลอาญา ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาศาลอาญา บริษัทฯไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอาญา และจะยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลอาญาต่อศาลสูงต่อไป โดยคำพิพากษาลงโทษปรับบริษัทฯและลงโทษนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะกรรมการของบริษัทฯ ตามรายละเอียดข้างต้นไม่มีผลกระทบใดๆต่อการบริหารงานและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯแต่อย่างใด อีกทั้งบริษัทฯยังไม่ต้องชำระค่าปรับใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่คดีจะถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดจริง
ทั้งนี้ราคาหุ้น TPIPL ปิดการซื้อขายลาสุดที่ 9.25 บาท ลดลง 3.95 บาท หรือ 29.92% มูลค่าการซื้อขาย 758.87 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.22 จุด อยู่ที่ 833.34 จุด

**ฟินันซ่า ชี้หุ้นลงแตะ 8.68 บ.

บทวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ระบุว่า หาก TPIPL ถูกปรับ 6,900 ล้านบาท เท่ากับค่าปรับถึง 3.43 บาทต่อหุ้น แม้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯจะดีขึ้นอย่างมากหลังผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยปัจจุบัน Adjusted Net Gearing (โดยปรับในส่วนของผู้ถือหุ้นไม่รวมรายการพิเศษประเภทส่วนเกินจากการตีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่ม (Asset Revaluations)) ต่ำเพียง 0.48x ณ สิ้น ก.ย.07 โดยมีหนี้สินที่ต้องชำระดอกเบี้ย (ซึ่งทั้งหมดเป็นหนี้ระยะสั้น) รวม 1.24 หมื่นลบ. ในขณะที่มีเงินสดในมือเพียง 825 ลบ. แต่ประเด็นคือจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายหากแพ้คดี เพราะจะอาศัยเงินสดจากการดำเนินงาน (Free Operating Cash Flow หลังหัก CAPEX) บริษัทฯทำได้เพียง 1 พันลบ.ต่อปี เท่านั้น และหากจะขอกู้อาจจะลำบากหากอยู่ระหว่างตัดสินถูกปรับ

ขณะที่ Adj. BV ทรุดจาก 12.10 เป็น 8.68 บาท/หุ้น แม้ ณ สิ้น 3Q07 บริษัทฯจะมี Stated BV สูงถึง 24.86 บาท แต่ประมาณกึ่งหนึ่งไม่ใช่ของจริง คือมาจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ถาวร (fixed assets) ใหม่ซึ่งมีราคาสูงกว่าราคาต้นทุนจึงเกิดส่วนเกินและบันทึกเข้ามา ซึ่งหากหักรายการดังกล่าวออก เพื่อสะท้อนตัวเลขที่แท้จริงและเป็นไปตามมาตรฐานสากล Adj. BV ของ TPIPL จะอยู่ที่เพียง 12.10 บาท/หุ้น เท่านั้น และหากต้องรับสภาพขาดทุนจากค่าปรับมหาโหดดังกล่าวเข้ามาหากท้ายสุดแล้วแพ้คดี จะทำให้ Adj. BV ทรุดเหลือแค่ 8.68 บาท/หุ้นเท่านั้น หมายถึง Downside Risk อีก 34% จากราคาปิดปัจจุบัน

บทวิเคราะห์ระบุว่า แม้คดียังไม่จบ เปิดให้อุทธรณ์ได้ แต่เกรงยืดเยื้อ กระทบอนาคตบริษัทฯ อย่างไรก็ตามในส่วนของความเชื่อมั่นนั้นหายไปแล้ว และที่สำคัญอาจกระทบต่อแผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลือของ TPIPL ด้วย

ปรับลดจากถือเหลือ ?ขาย? เพราะอนาคตเสี่ยงทั้งในแง่การเงิน (ค่าปรับ) & การดำเนินงาน (คำตัดสินอนาคตของคุณประชัย เพราะคือคีย์แมนที่บริหารบริษัทฯ) เชื่อราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับเข้าหา Adj. BV ในกรณีแพ้คดีซึ่งอยู่ที่ 8.68 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามเราอยู่ระหว่างปรับปรุงราคาเป้าหมายใหม่ (จากปัจจุบันซึ่งใช้วิธี ReplacementCost ที่ 15.12 บาท อิงหากสร้างโรงงานปูนใหม่จะอยู่ที่ 135 USD/ตัน และโรงเม็ดพลาสติก LDPE ใหม่จะอยู่ที่700 USD/ตัน) ซึ่งจะนำเสนอต่อไป แต่ตอนนี้ขายก่อนดีกว่า

**ธนชาต ชี้ไม่กระทบแบงก์ที่ถือหุ้น
บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่าธนาคาร BBL และ SCIB ถือหุ้น TPIPL อยู่เช่นกัน แต่มีจำนวนไม่มากนัก โดย BBL ถืออยู่ 3% และ SCIB ถืออยู่ 0.5% และทั้งสองธนาคารได้ทำการ mark to market เป็นปกติ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อทั้งสองธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ
เรายังไม่ได้ทำการ Cover หุ้น TPIPL ดังนั้นเราจึงไม่ให้คำแนะนำและราคาเป้าหมายสำหรับหุ้น TPIPL ในขณะนี้
ด้าน บล.ซีมิโก้ ระบุว่า แม้ผลกระทบคดีปั่นหุ้น อาจไม่เกิดขึ้นทันที จากการยื่นอุทธรณ์ของคุณประชัย แต่ภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากค่าปรับ 6.9 พันล้านบาท (หรือ 3.42 บาท/หุ้น) ตามคำพิพากษาของศาลอาญา อาจบั่นทอนฐานะการเงินของบริษัท และอาจกระทบการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อ Refinance หนี้ 8.68 พันล้านบาท ที่จะครบกำหนดชำระทั้งหมดสิ้นปี 50 ด้วย เราจึงเห็นว่าการลงทุนใน TPIPL มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จึงปรับลดคำแนะนำจากเต็มมูลค่าเป็นขาย

ทั้งนี้คาดว่าคุณประชัยและ TPIPL จะยื่นอุทธรณ์ ทำให้คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด เราอยู่ระหว่างสอบถามบริษัทถึงแนวทางดำเนินการกับค่าปรับดังกล่าว ก่อนปรับประมาณการ ในเบื้องต้น กรณีเลวร้ายเกิดทันที ก็จะขาดทุนสูงถึง 4.0 พันล้านบาทในปี 51 หมายถึงความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของ TPIPL ในช่วงที่ยังต้องเจรจาปรับโครงสร้างหนี้

**เกียรตินาคินชี้ พลิกเป็นขาดทุนสะสมทันที 2 พันล้าน
บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า เรามองว่ากรณีดังกล่าว นายประชัย มีโอกาสอุทธรณ์ต่อสู่คดีต่อไปซึ่งยังคงต้องใช้ระยะเวลา ในขณะที่ผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับ TPIPL หลังคำพิพากษา เป็นอันสิ้นสุดคือการรับผลกระทบจากค่าเสียหายที่เกิดขึ้น 6,900 ล้านบาท
สำหรับกรณีดังกล่าวจากข้อมูลเบื้องต้นเรามีความเห็น 2 กรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ

1) กรณี บริษัท และคุณประชัย ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลซึ่งยังไม่มีคำสั่งศาลที่ยังไม่มีการสิ้นสุดก็ยังคงไม่กระทบต่องบการเงินบริษัท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการดำเนินการชั้นศาล และคำตัดสินของศาล

2) กรณีถ้าหากบริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามศาลสั่งเป็นอันสิ้นสุดหรือกรณี Worst Case คือการตั้งสำรองค่าปรับดังกล่าวที่ 6.900.03 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบงบการเงินบริษัท มีกำไรสะสม ณ 9M50 ที่ 4,529 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักรายการค่าปรับดังกล่าว ทำให้บริษัทมีขาดทุนสะสมประมาณ 2,371 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานปกติคาดว่าบริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ในระยะเวลา 1 ปี (ประมาณการจากกำไรสุทธิที่คาดว่าบริษัทจะทำได้ประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท ต่อปี) ซึ่งภายใต้สมมุติฐานการบันทึกรายการดังกล่าวและทำให้มี BV ณ ปัจจุบันลดลงเป็น 21.45บาท จากเดิม 24.86บาท ถ้าหักรายการ (ส่วนเกินทุนจากการตีราคาทรัพย์สิน) จะมี BV คงเหลือ 8.66 บาท

ทั้งนี้เรามองประเด็นดังกล่าวคาดว่าเป็นปัจจัยลบและส่งผลกระทบต่อบริษัทพอควรเรื่อง
1) กรณี Worst Case มีการตั้งสำรองทำให้เกิดขาดทุนสะสม ส่งผลต่อมูลค่าทางบัญชีที่ปรับลด
2) จากการที่บริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งถึงกำหนดสิ้นสุดภายในปี 50อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่ได้เกิดจากผลกระทบของบริษัทในเรื่องของการดำเนินงานโดย ที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการที่เริ่มฟื้นตัว โดยเริ่มมีกำไรสะสมตั้งแต่ปี 2548 พร้อมทั้งมีรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงแนวโน้มและทิศทางในอนาคต ยังมีโอกาสเติบโตจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก โครงการภาครัฐและโครงการ Maga ?Project ที่คาดว่าจะขับเคลื่อนหลังรัฐบาลใหม่

โดยเราอาจมีการปรับคำแนะนำอีกครั้งหลังมีความชัดเจน ในแนวทางการแก้ปัญหาของบริษัทว่าจะดำเนินการอย่างไร

**"ประชัย" แทงกั๊กลาออกจากมัชฌิชมาธิปไตย
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย แถลงข่าวที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยในวันที่ 4 ธ.ค. 2550 ว่า ได้ตัดสินใจลาออกจากพรรคแล้ว หลังจากศาลอาญามีคำตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีปั่นหุ้น บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมี(TPI) ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เมื่อวานนี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุวานนี้ว่า หากได้รับเลือกตั้งนายประชัยจะไม่มีสิทธิที่จะได้เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (3) กำหนดคุณสมบัติต้องห้าม ที่บุคคลต้องคำพิพากษาให้จำคุก กักขัง ทั้งที่ให้รับโทษและรอลงอาญา ก็ถือเป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นนายประชัย กลับแถลงอีกครั้ง ระบุว่า ขอตัดสินใจ 2-3 วันว่าจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค มัชฌิมาธิปไตยอย่างเป็นทางการหรือไม่ โดยยังไม่ส่งหนังสือแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)


:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com