May 8, 2024   5:03:59 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นขวัญใจรายวัน
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 01/11/2007 @ 15:44:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ภาวการณ์ลงทุนช่วงนี้ นักลงทุนควรทำใจกันหน่อย เพราะหุ้นมีขึ้นก็ต้องลง ๆ อย่างที่เคยเป็นมา ขณะเดียวกันก็มีหุ้นที่ปรับขึ้นและลงมาก ๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เหล่าเซียน ๆ ทั้งหลายจะต้องอาศัยบรรยากาศช่วงนี้ เข้ามาเล่นหุ้นเก็งกำไรกันอีกรอบ

TOG มีส่วนต่างราคาให้เล่นเพียบ
หากดูจากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้มาในระดับ 4.50 บาท หุ้นรายนี้ก็นับว่าน่าเข้าเก็งกำไรไม่ใช่น้อย เพราะด้วยแนวโน้มยอดขายของ TOG ที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่องจากตลาดส่งออกที่ยังสดใส โดยเฉพาะในตลาดยุโรปที่มีความต้องการใช้เลนส์ที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้กำไรสุทธิในไตรมาส3/50ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 101% จากไตรมาส3/49เนื่องจากสัดส่วนการขายเลนส์ซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นเป็น 50% จาก 40% ในปี 49
สำหรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2550 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 147 ล้านบาทจากคำสั่งซื้อใหม่ของเลนส์ Trivex จากลูกค้าในประเทศเยอรมันที่จะเข้ามาในเดือน ต.ค. 50
และอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อของเลนส์ Trivex ในไตรมาส 4/50
จุดนี้เองที่ทำให้หุ้นรายนี้มีแรงซื้อเข้ามานานกว่า 3 เดือน และด้วยเป้าหมายของนักวิเคราะห์ที่ให้มาที่ระดับ 4.50 บาท คงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหุ้นรายนี้ ช่วงนี้จึงเหมาะที่จะเข้าเก็งกำไรหุ้นรายนี้อย่างมากกลยุทธ์การลงทุนแนะ "ซื้อเก็งกำไร"ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท

RATCH กำไรน้อยแต่ได้นานๆ
แม้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของ RATC จะออกมาไม่โดนใจนักลงทุน เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 1และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามแผนการบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังมีค่าซ่อมบำรุงและค่าอะไหล่โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 8% ใน3Q50 จากปีก่อนและ 2Q50 ที่ 15%
ทั้งนี้แม้หุ้นจะมีปัจจัยลบในเรื่องผลประกอบการ แต่ถ้าหากบริษัทนี้ยังทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง บวกกับผลตอบแทนที่น่าพอใจ หุ้นรายนี้ก็น่าจะยังเป็นหุ้นขวัญใจสำหรับนักลงทุนเหมือนเดิม ให้สมที่ว่ากำไรน้อยแต่ได้นาน..
เวลานี้จึงเหมาะที่นักลงทุนจะเข้ามาซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวเอาไว้จะดีกว่า ยิ่งในระยะยาวหุ้นรายนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้มาก จากปัจจัยบวกการชนะประมูล IPP อย่างน้อย 800เมกะวัตต์ ซึ่งจะประกาศผลในเดือน พ.ย.-ธ.ค.50 และโครงการร่วมลงทุนในต่างประเทศ (หงสาลิกไนต์ในลาวและท่าซางในพม่า)กลยุทธ์การลงทุนแนะ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ด้วยราคาหุ้นที่ 49 บาท

QH แนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ผลการดำเนินงาน QH ช่วงที่ผ่านมาจะไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก แต่หากภายหลังที่บริษัทได้ออกสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ "คาซ่า"เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และการตัดขายโครงการเก่าที่ไม่มีกำไรออกไป จะทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรได้โดดเด่นอีกครั้ง
ประกอบกับปี 51 QH มีแผนเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการและทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ ส่วนคอนโดมิเนียม 2 โครงการได้แก่ คาซ่าคอนโด-รัชดาท่าพระ และคิวเฮ้าส์คอนโด-ตากสินสาทร จะเริ่มก่อสร้างเสร็จในปี 51 และจะโอนปี 52 ทำให้โดยอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มดีขึ้น
ทั้งนี้ QH เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต หลังมีโครงการใหญ่ๆรองรับ ซึ่งกวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสำหรับปีหน้าที่ระดับ 2.38 บาท
ฉะนั้นควรซื้อหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาวดีที่สุด

KK ถูกสุดในกลุ่ม
เป็นที่ยอมรับว่า KK เป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีขนาดพอร์ตสินเชื่อรวมราว 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ KK อาจต้องกระจายความเสี่ยงไม่ให้มีการปล่อยสินเชื่อกระจุกตัวกับลูกค้ารายใดรายหนึ่งในมูลค่าที่สูงเกินไป เพราะหากมีปัญหากลายเป็นหนี้เสียจะส่งผลต่อพอร์ตสินเชื่อรวมให้อ่อนแอลงได้
ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของธนาคารแห่งนี้ค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของสินทรัพย์ ฐานลูกค้าเงินฝากที่มีอยู่ราว 4.2 หมื่นล้านบาท โดยราว 30% มาจากกลุ่มลูกค้า high network ที่มีเงินฝากสูงกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ KK ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในการขยายฐานเงินฝากในกลุ่มลูกค้ารายย่อย เนื่องจากมีจำนวนสาขาเพียง 22 แห่ง
ดังนั้นการที่ KK เป็นธนาคารขนาดเล็ก และมีจุดด้อยอีกหลาย ๆ ด้าน ในการแข่งขันทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับถูกสุดในกลุ่มคงคำแนะนำ "ถือ" ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 51 อยู่ที่ 37.00 บาท

ข่าวหุ้น[/size:3e972f311d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com