Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 27/09/2007 @ 08:46:43 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต TNDT เข้าซื้อขายหุ้นวันศุกร์นี้ มีสิทธิคึก จากธุรกิจพลังงานกำลังอินเทรนด์แถมมาร์จิ้นสูง ผู้บริหารเชื่อ ราคาเหนือไอพีโอที่ 3.10 บาท เพราะมีส่วนลด 20-30% ย้ำนักลงทุนจองล้น 5 เท่า เชื่อสิ้นปีรายได้เข้าเป้า 200 ล้านบาท และจะทะลุ 400 ล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังเดินหน้าลุยธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีระดับสูงเต็มตัว พัฒนสิน ชี้ราคาเหมาะสม 4.40 บาท
นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT ซึ่งเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอในวันศุกร์ที่ 28 กันยายนนี้ ว่า ราคาหุ้นจะยืนเหนือราคาจองที่ 3.10 บาทได้สำเร็จ เนื่องจาก ราคาไอพีโอที่หนดเป็นราคาที่มีส่วนลดจากราคาเหมาะสมประมาณ 20-30% โดยการเปิดจองที่ผ่านมามีนักลงทุนจองซื้อหุ้นเข้ามาเกินจำนวนหุ้นที่จัดสรรถึง 5 เท่า ประกอบกับบริษัทเองมีปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่เป็นกำไรมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 25 ปี
"จากบทวิเคราะห์ที่ออกมาราคาหุ้นที่เหมาะสมของเราจะอยู่ที่ประมาณ 4.30 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่ายังมีช่องว่างสำหรับการทำกำไรอยู่ แผนในช่วงดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าราคาหุ้นคงจะยืนเหนือจองได้แน่"
ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัยด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing - NDT) ในอุปกรณ์ ระบบท่อลำเลียง น้ำมัน ก๊าซ สารเคมี ทั้งทางบกและทางทะเล ภาชนะรับแรงดันสูง อาทิ เช่น ถังบรรจุก๊าซ NGV (Natural Gas Vehicle) LPG (Liquid Petroleum Gas) หม้อต้มไอน้ำ (Boiler) รวมถึงการตรวจสอบและทดสอบโครงสร้างโลหะเหล็กขนาดใหญ่โดยมีลูกค้ารายใหญ่ คือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทย นิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รับงานก่อสร้างในส่วนของการก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล (OffShore) ให้กับ บริษัท ยูโนแคล (ประเทศไทย) จำกัด (ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.เคมีคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมประเภทโรงกลั่นน้ำมัน การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปิโตรเคมี และการก่อสร้าง
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอ บริษัทจะนำไปขยายธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับบุคลากร รวมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยนโยบายการขยายธุรกิจของบริษัท จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในงานการให้บริการที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Technology) เพิ่มขึ้น จากเดิมที่งานของบริษัทส่วนใหญ่เป็นงานที่เป็นเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม (Conventional) โดยมีสัดส่วนรายได้ 5 : 95 มั่นใจว่าหลังจากขยายธุรกิจดังกล่าวอย่างจริงจังจะทำให้รายได้ทะลุ 400 ล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะเป็นรายได้จากธุรกิจการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดั้งเดิม 50% และรายได้จากการให้บริการด้วยเทคโนโลยีระดับสูง 50% ส่วนในปี 2550 นี้คาดว่ารายได้อยู่ที่ระดับ 200 ล. คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 40% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 150 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์โดยในราคาเหมาะสมที่ 4.40 บาท เนื่องจากมองว่า TNTD เป็นผู้นำในการให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัยให้บริการการทดสอบมูลค่าเพิ่มที่มีมาร์จิ้นสูงและมีลักษณะเฉพาะแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ, ปิโตรเคมีและการก่อสร้าง โดย ได้คาดกำไรของ TNDT เติบโตแข็งแกร่งเฉลี่ย 37% ในปี 2550-2552 โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ (1) คำสั่งซื้อบริการจากบริษัทน้ำมันและก๊าซรวมทั้งบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (2) บุคคลากรที่มีคุณภาพและการบริหารการจัดการต้นทุนที่ดี ซึ่ง TNTD จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้นของอุตสาหกรรมน้ำมัน, ก๊าซและปิโตรเคมีที่มีเนวโน้มจะทรงตัวในระดับสูงในอีกสามปีข้างหน้า
ธุรกิจที่มีอัตราผลตอบแทนต่อหุ้น และ มาร์จิ้นสูงเนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำในตลาด มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและยังมีการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ (human capital) เป็นปัจจัยผลักดันการเติบโต ดังนั้น TNDT จึงมีอัตราผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระดับสูง เฉลี่ยสามปี(FY46-49) เท่ากับ 38%, 39% และ 13% ตามลำดับ และเชื่อว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป เฉลี่ยที่ระดับ 30%, 39% และ 21% ตามลำดับ
โดยเราคำนวณมูลค่าเหมาะสมของ TNDT อยู่ที่ 4.40 บาทต่อหุ้นอิงพีอีปี 2551 ที่ 8 เท่า หรือเท่ากับส่วนลด 30% ต่อพีอีของตลาดเอ็มเอไอที่ 11.4 เท่าและพีอีของกลุ่มพลังงานที่ 11.3 เท่าใน 2551 ด้วยนโยบายจ่ายปันผลในอัตรา 40% ของกำไร เราจึงคาดว่าTNDT น่าจะจ่ายเงินปันผลราว 0.15 บาทในปี 2550
ส่วนความเสี่ยงนั้น อาจจะเกิด (1) สภาพคล่องต่ำเนื่องจากมี market cap น้อย (2) การทรุดตัวของราคาน้ำมันและปิโตรเคมีซึ่งเรามองว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อย (3) การที่บุคคลากรที่มีความชำนาญลาออกไปอยู่กับบริษัทต่างชาติที่เป็นคู่แข่ง (4) การพึ่งพิงผู้รับเหมาหลักในการหางานใหม่ๆ
กระแสหุ้น[/size:92b2fcc7b2">
|
