*"โมนิก้า" ค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมากที่เห็นดัชนีพยายามยื้อ เพื่อจะยืนเหนือแนวรับ630 จุดให้ได้ เพราะสะท้อนว่าตลาดหุ้นยังน่าสนใจในสายตานักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย จึงสลับกันเข้ามาซื้อๆ ขายๆ หุ้นตลอดเวลาในช่วงที่ผ่านมาไงหล่ะจ๊ะ

*น่าสนใจตรงที่พฤติกรรมการลงทุนแบบสลับเปลี่ยนหมุนเวียน ทำให้การทะยานขึ้นของดัชนีมั่นคงกว่ารอบที่แล้วเป็นอย่างมาก เพราะตลาดหุ้นไม่ได้ตกอยู่ภายใต้แรงขับเคลื่อนของนักลงทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติไม่มีเอฟเฟ็กรุนแรงเหมือนในอดีต

*ยิ่งถ้ามองถึงเรื่องนักลงทุนต่างชาติมีแต่ขนเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ที่นักลงทุนต่างชาติจะทิ้งตลาดหุ้นไทย "โมนิก้า" ถึงมั่นใจเต็ม 100%ว่าการซื้อๆ ขายๆ ของนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา คือสูตรการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกกระตุ้นการลงทุนนะค่ะ

*เนื่องจากแนวคิดของผู้จัดการกองทุนใหญ่ๆ ยึดหลักเรื่องการทำกำไรให้ได้ทุกสภาวะมากสุดเท่าที่จะทำได้ ช่วงหลังๆ เดี๊ยนถึงไม่เชื่อจะมีรายการลากไปเชือดเหมือนเช่นในอดีตเพราะวิธีการดังกล่าวมันล้าสมัยเกินไป...เนื่องจากของจริงเขาวัดกันที่กึ๋น และใครไวกว่ากันพะยะค่ะ

*ขนาด PTT ที่ว่าแน่ๆ และมีข่าวดีหนุนหลังเพียบ ยังขยับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมไม่ได้ "โมนิก้า" ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นในเครือตัวอื่นๆ นอนแอ๋งแม้งอยู่ที่ฐานกันถ้วนหน้า หลังเห็นกันอย่างแจ๋มแจงแดงแจ๋ว่า หุ้นยังไม่ถึงเวลาขึ้น เหตุไฉนต้องดันทุรังให้หุ้นขึ้นด้วยหล่ะค่ะ

*สู้เอาเวลาไปดูหุ้นม้ามืดอย่าง BECL จะคุ้มกว่าเป็นไหนๆ เพราะหมู่นี้มีวอลุ่มซื้อขายหนาแน่นกว่าปกติ แถมราคาหุ้นก็ทำท่ากระชากทะลุแนวต้าน 25 บาท หากเดี๊ยนไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่เนิ่นๆ คงจะสายเกินไปอย่างแน่นอน...เนื่องจากหุ้นตัวนี้มีรอบวิ่งแค่ 3-4 วันเท่านั้นพะยะค่ะ

*ASL อีกรายที่เดี๊ยนอยากให้นักลงทุนจับตาดูมากเป็นพิเศษ เพราะการทะยานขึ้นพรวดเดียวมาปิดที่ 1.04 บาท บวกไป 0.07 บาท พร้อมกับขึ้นมาติดในกระดาน MostActive มันเป็นการวิ่งรับข่าวการขายหุ้น บล.เอพ็กซ์ ที่ตนเองถืออยู่มูลค่า 180 ล้านบาทให้กับเมอร์ริล ลินซ์ "โมนิก้า" จึงอยากกระจายข่าวให้พวกเสือปืนไว และนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจให้รับทราบกันโดยถ้วนหน้า...ทราบแล้วเปลี่ยนเจ้าค่ะ

*งานนี้ผลกรรมเลยตกมาอยู่ที่ PHATRA ของเฮียสุวิทย์ มาไพศาลสิน เพราะการที่ เมอร์ริล ลินซ์ ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทไปซื้อใบอนุญาติเพื่อทำธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เสียเอง เท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าวหม้อแกงของบริษัท เนื่องจากอีก 6 เดือนข้างหน้าพอร์ตการลงทุนทั้งหมดของ เมอร์ริลฯ จะถูกโยกไปไว้ที่ บล.เอเพ็กซ์...ก็เลยทำให้ราคาหุ้นร่วงลงทันที 1.50 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 41.50 บาท

*นอกจากนี้ก็มี TRUE ที่น่าเล่นสุดๆ อีกตัวหนึ่ง เพราะหุ้นกำลังฟอร์มตัวและไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะเจอแนวต้านเส้น 75 กับ 200 วัน บริเวณ 7.10 บาทขวางกั้นการปรับตัวขึ้นอยู่ แต่วอลุ่มซื้อที่อัดแน่นเข้ามาไม่ขาดสาย และสัญญาณทางเทคนิคในส่วนของModified Stochastic, RSI, Bollinger Bands ต่างชี้ว่าหุ้นมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวสูงขึ้นแบบนี้...ไม่ซื้อแล้วจะเสียใจนะค่ะ

*ขนาด DTAC เจอแรงเทขายถล่มเสียงอมพระรามก่อนหน้านี้ ยังเด้งขึ้นมาปิด40.50 บาท ได้เลย ทั้งๆ ที่ยอดเทขายสะสมของนักลงทุนต่างชาติผ่าน NVDR ติดอันดับต้นๆหุ้นที่มีการเทขายมากที่สุด แสดงว่ากองทุนในประเทศ และนักลงทุนรายย่อย เริ่มเข้าช้อนซื้อหุ้นแล้ว "โมนิก้า" จึงคิดว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะได้ซื้อหุ้นราคาถูก เพราะราคาเป้าหมายว่ากันว่าอยู่ที่ 45 บาทเป็นอย่างต่ำนะจะบอกให้

*ทางด้าน LPN แม้จะมีลุ้นไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม แต่เมื่อสัญญาณทางเทคนิคไม่เป็นใจเลยสักเส้น ประจวบกับที่ผ่านมามีแรงเทขายผ่านทาง NVDRมากที่สุดจากทั้งหมด "โมนิก้า" ถึงไม่กล้าแนะนำให้คุณๆ เข้าไปเก็บหุ้น แต่เมื่อพิจาณาจากแรงเทขายที่เริ่มสะเด็ดน้ำ เดี๊ยนคิดว่าน่าลองซื้อหุ้นติดพอร์ตไว้บ้าง เพราะราคาหุ้นที่ระดับ7.20 บาท ไม่แพงเกินไปหรอกค่ะ

*เหมือนกับในรายของ BEC ราคาหุ้นลงมามากเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นแบบนี้"โมนิก้า" ถึงรีบแจ๋นออกมาแจกแจงรายละเอียดปลีกย่อยให้มิตรรักแฟน "ข่าวหุ้น" ได้รับทราบความผิดปกติที่เกิดขึ้น ยิ่งเห็นราคาหุ้นถูกๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ตาของเดี๊ยนลุกวาวโตเท่าไข่หานเลยทีเดียว

*สำหรับคนที่ชอบเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นชีวิตจิตใจ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้นักลงทุนเริ่มหันมามอง APURE เพราะราคาหุ้นเริ่มขยับออกจากฐานอีกรอบ และครั้งนี้ก็ว่ากันว่าจะดันราคากลับไปที่ 4 บาทเหมือนรอบที่แล้วอีกด้วย...ใครนิยมเล่นหุ้นเก็งกำไรสุดๆ ไม่ควรพลาดการปั่นราคารอบนี้นะจ๊ะ

:lol: