Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 26/09/2007 @ 08:59:26 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ผลพวงจากราคาน้ำมันที่ไม่ไต่ระดับราคาขึ้นไปอีก ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานวันวานติดลบกันไปเป็นทิวแถว ฉุดดัชนีตลาดร่วงตามไปด้วย แต่ทิศทางโดยรวมถือว่าไม่น่าห่วง เซียนทั้งหลาย ต้องตามหาหุ้นขวัญใจกันต่อไป
AMATAที่ดินขายดีในครึ่งปีหลัง
วานนี้(25ก.ย.)บริษัทเซ็นสัญญาขายที่ดินให้กับคูโบต้า จำนวน 200 ไร่ บันทึกรายได้ในไตรมาส 3 นี้ ขณะที่โรงงานยาสูบสนใจซื้อที่ดิน 200 ไร่ที่อมตะนครสร้างโรงงานแห่งใหม่คาดสรุปเสนอบอร์ดภายในต.ค.นี้ โดยผู้บริหารบริษัทระบุว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถขายที่ดินให้กับลูกค้ารายใหญ่ทั้งจากกลุ่มยานยนต์และกลุ่มทั่วไปไม่ต่ำกว่า 10 ราย โดยจะมียอดขายให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 500-800 ไร่
ผลที่ได้รับจากการขายที่ดินที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยให้อัตราเติบโตของผลประกอบการปี 2551 เพิ่มขึ้นได้โดดเด่น ซึ่งอัตราเติบโตของกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 19.9%เมื่อเทียบกับปีนี้ ที่อยู่ที่ 3.3% ภาวะการเมืองจะส่งผลทางบวกต่อการขายที่ดินในปีหน้าทั้งปี
พิจารณาปัจจัยทั้งหมด หุ้นตัวนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 16.70 บาท
DTACน่ารักน่าลุ้นหมดสงครามราคา
ยังคงน่าสนใจ น่า ซื้อ ราคาเหมาะสม 44 บาท
คาดผลประกอบการในครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อ ส่วนทั้งปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 21%โดยมีสาเหตุจากการแข่งขันด้านราคาที่ลดลง เฉพาะอย่างยิ่งโปรโมชันโทรข้ามเครือข่ายขณะเดียวกันค่าใช้จ่าย IC จะลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ส่วนหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้วจะเติบโตสูง เนื่องจากปัจจุบันไม่มีค่าใช้จ่าย AC แล้ว สำหรับผลประกอบการทั้งปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 6,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน โดยคาดว่าในปีนี้DTAC จะมีจำนวนลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นราว 4 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในปีหน้า จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีนี้ แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงราว 16%
MAJORกำไรลดลงแต่อนาคตแจ่ม
ประเมินสถานการณ์MAJOR คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปกติปีนี้น่าจะอยู่ที่ 608ล้านบาท โดยเติบโตจากปีที่แล้ว 6% และปีหน้า คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติ 783ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% โดยสาเหตุที่ทำให้กำไรในปีนี้ลดลงส่วนหนึ่งมาจากกำไรพิเศษจากการขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันปี 2551 โครงการรัชโยธินอเวนิวน่าจะเริ่มต้นในช่วงปีหน้า ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้จากการเปิดสาขาใหม่ในช่วงปีนี้
ส่วนกรณี MAJOR แจงถึงรายการได้มาและจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท เมเจอร์ ออนไลน์ จำกัด(บริษัทร่วม) โดยบริษัท เมเจอร์ ออนไลน์ จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทรัชโยธินอเวนิว แมเนจเมนท์ จำกัด และเปลี่ยนวัตถุประสงค์การประกอบธุรกิจเป็น ประกอบธุรกิจด้านพัฒนาและบริหารศูนย์การค้า เชื่อว่าน่าจะเป็นเพียงการปรับโครงสร้างของธุรกิจให้มีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งรวบรัดระยะเวลาในการตัดสินใจของผู้บริหารให้มีความรวดเร็ว เพราะไม่ต้องคุยกันหลายๆ ฝ่าย ส่งผลดีต่อภาพรวมของบริษัท
แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 19.50 บาท
LPNเปิดแนวคิดใหม่ขยายความเติบโต
พื้นฐานของบริษัทดี เหมาะสำหรับ ซื้อลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท
ผู้บริหารบริษัทพูดถึงกลยุทธ์ที่จะเริ่มบุกตลาดมือสองในแนวคิดเก่าแลกใหม่ ที่นำห้องเก่ามาแลกห้องใหม่ และแนวคิดเล็กแลกใหญ่ ที่นำห้องขนาดเล็กมาแลกกับห้องขนาดใหญ่โดยตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 20,000 ยูนิตต่อปีภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือปี2555 จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนมือได้เร็วขึ้น ซึ่งน่าจะเปิดกับบางโครงการเท่านั้น จึงน่าจะเป็นตัวช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้ในส่วนหนึ่ง
ขณะที่ผลประกอบการของปีนี้มองว่าจะมียอดขายคอนโดมิเนียมมาจาก 3 โครงการหลักๆ ได้แก่ โครงการลุมพินีเพลสนราธิวาส-เจ้าพระยา โครงการลุมพินีเพลสพหลโยธิน-สะพาน และโครงการลุมพินีเพสปิ่นเกล้า 2 โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 6,400ล้านบาท กำไรสุทธิอยูที่ 987 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.67 บาท และยังคงมี Backlogที่สามารถรับรู้รายได้ภายในปีหน้าอีกประมาณ 68%
ข่าวหุ้น[/size:735af57b16">
|
