May 5, 2024   11:47:35 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฝรั่งหวนซื้อหุ้นตลาดเกิดใหม่
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 25/09/2007 @ 09:19:18
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

นับถอยหลัง 3 เดือนก่อนเลือกตั้ง ตลาดหุ้นมีแววร้อนระอุก่อนอีกครั้ง หลังนักลงทุนต่างชาติโดดเก็บหุ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ ฟันยอดซื้อสุทธิ 5,393 ล้านบาท ส่วนบล.เคจีไอประเมินปี 2551 นักลงทุนต่างแห่ลงทุนตลาดหุ้นเกิดใหม่รวมทั้งตลาดหุ้นไทยเพียบ ด้านบล.เอเซียพลัสแนะกลยุทธ์เฟ้นหุ้นเด่น น่าลงทุนดักเลือกตั้งพอมีอัพไซด์ทำกำไรได้ เน้นคุณสมบัติ พี/อี ต่ำกว่า 8 เท่า ราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊คแวร์ลู ชู TCAP-THAI-NOBLE

จากการสำรวจตัวซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติพบว่า มีแรงซื้อต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ก่อนติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยมีแรงซื้อสุทธิรวม 5,393.81 ล้านบาท ล่าสุดวานนี้ (24 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธ์สูงสุดถึง 2,151.79 ล้านบาท โดยกลุ่มที่มีแรงซื้อสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นกลุ่มพื้นฐานการเติบโตที่โดดเด่น และมีผลตอบแทนที่ดี
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า นักลงทุนต่างประเทศยังคงมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยว่าเป็นตลาดมีการปรับตัวช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยนักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อหุ้นอย่างจริงจังเมื่อหุ้นตลาดอื่นๆ ปรับขึ้นไปแล้ว ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันสถานการณ์ก็เป็นเช่นนั้น โดยมองว่าดัชนี MSCI Thailand ในปัจจุบันมีการซื้อขายที่มีส่วนลดถึง 44% จากดัชนี MSCI EMEA ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออก จึงถือว่ามีส่วนลดมากเทียบกับส่วนลดเฉลี่ยที่ 36%

ทั้งนี้มองว่าประเด็นนี้จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในหุ้นไทย ซึ่งน่าจะมีแนวโน้มปี 2551 ที่ดีกว่าปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นประเมินว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของต่างชาติ น่าจะได้รับความสนใจ ฃ
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงแนะให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น ?ซื้อ? PTT, TOP กลุ่มธนาคาร ?ซื้อ? KBANK, BAY, SCB รวมทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ?ซื้อ? LH, ITD, AP, PS
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะกลับมาคึกคักมากขึ้น เพราะใกล้ถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมมากขึ้น ซึ่งปกติแล้วก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือนจะมีแรงซื้อสุทธิสูงขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นที่มีค่าพี/อี ต่ำ และราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี

ทั้งนี้มองว่าหุ้นที่มีระดับค่าพี/อี ต่ำกว่า 8 เท่า และราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี 1 เท่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติ สำหรับหุ้นที่มีระดับค่าพี/อี ต่ำกว่า 8 เท่า และราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี คือ NOBLE, SVI, GSTEEL, STA, TCAP, THAI และ KK
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยได้คัดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนที่สุดจากทั้ง 7 ตัวดังกล่าวเหลือเพียง 3 ตัว คือ TCAP ซึ่งมีระดับค่าพี/อี ที่ระดับ 6.97 เท่า และมีมูลค่าทางบัญชี 0.83 บาท และมีอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลสูง 6.54% นอกจากนี้ TCAP ยังมีกลุ่มพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งในอนาคตจะเอื้อประโยชน์ด้านของโนฮาวของ TCAP ให้โดดเด่นมากขึ้น แนะนำ ?ซื้อ? โดยให้ราคาเป้าหมาย 21.85 บาท

ส่วน THAI มีระดับค่าพี/อี ที่ 7.90 เท่า และมีมูลค่าทางบัญชี 0.93 บาท มีอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล 3.79% มองว่าไตรมาส 4/2550 จะเริ่มเข้าสูฤดูกาลไฮซีซั่นของการท่องเทียว ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้ง แนะนำ ?ซื้อ? ให้ราคาเป้าหมาย 58.21 บาท
ส่วน NOBLE มีค่าพี/อี ที่ 5.79 เท่า และมีมูลค่าทางบัญชี 0.64 บาท และมีอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 4.66% โดยมองว่าในครึ่งปีหลังของปี 2550 แนวโน้มผลการดำเนินงานจะสามารถฟื้นตัวดีขึ้น โดยมียอดขายที่รอรับรู้สูงถึง 4,000 ล้านบาท จึงแนะนำ ?ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 5.59 บาท

ทันหุ้น[/size:929667fcf5">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com