May 6, 2024   2:08:40 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ลุ้น window dressing ดัน SET INDEX แตะ 850 จุดหุ้นไทยคึกคัก
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 24/09/2007 @ 21:36:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นไทยคึกคัก หลังทุนนอกทะลุกลับลำซื้ออีกรอบ พบ 4 วันทำการต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 5,300 ล้านบาท เหตุหุ้นไทยยังถูก ที่ผ่านมายังปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ในตลาดอื่นๆทั่วภูมิภาค แถมได้ยาหอม มูดี้ส์ ชี้ระบบแบงก์ไทยมีเสถียรภาพ แม้การเมืองผันผวน ส่วนปัญหาซับไพร์มไม่ระคายผิว ดันหุ้นแบงก์กลับมาผงดอีกครั้ง อีกทั้งได้อานิสงส์ window dressing ลุ้นดัชนีฯ สัปดาห์นี้แตะ 850 จุด แนะเล่นหุ้นพลังงาน - แบงก์ เป็นหลัก

เปิดวันแรกของสัปดาห์สุดท้ายทิ้งทวนไตรมาส 3/50 ด้วยความสดใส เพราะระหว่างวันทำการดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปกว่า 11 จุด แตะระดับ 842 จุด จากแรงซื้อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาอีกรอบ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยนับเป้นตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค บทวิเคราะห์ของบล.ฟินันซ่า ระบุว่า ในส่วน Asian Foreign Funds Flows ฝ่ายวิเคราะห์พบว่าเงินทุนส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่อินเดีย, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย และไทยมูลค่า 509, 850, 103 และ 41 ล้านเหรียญดอลลาร์ตามลำดับ

และที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นทั่วโลกได้ตอบสนองต่อปัญหา Sub-Prime ที่รับรู้ไปแล้วในระดับพอสมควร แต่ความเปราะบางจากปัจจัยดังกล่าวยังคงมีอยู่ และการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นการตอบสนองต่อปัจจัยบวกด้านอัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับลดไปแล้วในระดับสูง
และจากการสำรวจตัวเลขการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า 4 วันทำการที่ผ่านมา ( 19 ก.ย.-24 ก.ย.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 5,393 .81 ล้านบาท โดยวานนี้( 24 ก.ย.50) ซื้อสุทธิไปกว่า 2,100 ล้านบาท

อีกประเด็นที่เหมือนจะเป็นเทศกาลช่วงปลายไตรมาสทั้ง 4 คือ ทำราคาหุ้นเพื่อปิดงวดบัญชี หรือ window dressing เพื่อโชว์ตัวเลขในงบการเงิน สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ส่วใหญ่ที่มีมุมมองออกมาเป็นทาเงดียวกัน

เริ่มที่บทวิเคราะห์บล.ฟิลิป ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปรับพุ่งขึ้นร้อนแรงเมื่อวันศุกร์ยืนเหนือ 820 จุด ได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางวอลุ่มหนาแน่นกว่าเกือบ 26 พันล้านบาท คาดว่าโมเมตัมเชิงบวกจากการประกาศตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ที่แรงเกินคาดจะมีต่อเนื่องในวันนี้ ขณะที่ต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดไตรมาส 3 อาจได้เห็น window dressing เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดได้ด้วย อย่างไรก็ตาม กรอบการปรับขึ้นไม่น่าแรงเท่า ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานที่นำตลาดมาไกลทำให้มีความเสี่ยงจากการถูก take profit ได้เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเป็น Selective buy ในกลุ่มหุ้นพื้นฐานดีเป็นหลัก เช่น ในกลุ่มธนาคาร (BANK-loan growth ดีต่อเนื่อง), พลังงาน (RRC-การควบรวมกิจการกับ ATC) นอกจากนี้ยังแนะนำ Trading buy สำหรับหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ตามวอลุ่มการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น รวมไปถึงกลุ่มเดินเรือที่ดัชนี BDI ยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องกว่า 337 จุด เมื่อคืนวันศุกร์และการเริ่มเข้าสู่ช่วง high season ของอุตสาหกรรม เช่น BLS,TTA,RCL
แนวต้าน 840-844 จุด แนวรับ 824-820 จุด

บทวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า ทิศทางตลาดสัปดาห์นี้คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยังคงได้รับผลบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องผลกระทบของตลาดลูกหนี้อสังหาริมทรัพย์ความน่าเชื่อถือต่ำ ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามการเผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค.?50 เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากเดือนก่อน บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เงินลงทุนไหลออกจากสหรัฐ มายังตลาดเอเชีย

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เช่น ดุลการค้าเดือน ส.ค.?50 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และการเป็นสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาสที่ 3/50 ที่จะมีการทำราคาหุ้นโดย Market maker สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาด แนวรับสัปดาห์นี้อยู่ที่บริเวณ 815-820 จุด แนวต้าน 840-845 จุด ส่วนวันนี้คาดว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศจะหนุนตลาด โดยดัชนีจะแกว่งตัวแคบๆระหว่างแนวรับ 823-825 จุด กับแนวต้าน 836-838 จุด นักลงทุนระยะสั้น ? เก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก นักลงทุนระยะยาว ? รอซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ที่บริเวณแนวรับ

ปัจจัยที่ต้องติดตามและระมัดระวังในสัปดาห์นี้ คือ ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ กับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐหลัง FOMC ต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงทีเดียว 0.5% จะเป็นปัจจัยที่นักลงทุนจะหยิบนำมาพิจารณาในเร็วๆนี้ และราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นมาจนเหลือ Upside ไม่ถึง 5% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยของสำนักวิจัยต่างชาติที่เรารวบรวมไว้ 10 แห่ง ดังนั้นหากราคาน้ำมันดิบไม่สามารถยืนเหนือ 80USD/BBL ได้ในสัปดาห์นี้ก็อาจเห็นการขายทำกำไร กล่าวโดยสรุปดัชนีมีแนวต้าน 842 จุด คำแนะนำคือถือหุ้นพลังงาน และปิโตรเคมี แต่ลดการลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆ

*** มูดี้ส์ ชี้ระบบแบงก์ไทยมีเสถียรภาพ แม้การเมืองผันผวน ส่วนปัญหาซับไพร์มไม่ระคายผิว เหตุเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่มาก

รายงานข่าวจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์อินเวสเตอร์สเซอร์วิส หรือ มูดี้ส์ ระบุว่า มุมมองอันดับความน่าเชื่อระบบธนาคารไทยยังคงมีเสถียรภาพ และไม่มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือใดๆเกิดขึ้นกับธนาคารไทย 12 แห่งที่มูดี้ส์จัดอันดับความน่าเชื่อถือ แม้ว่าจะเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังเกิดการปฏิวัติก็ตาม

ขณะเดียวกันมูดี้ส์ระบุว่า SCB เป็นธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่ได้อันดับความน่าเชื่อถือความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารซึ่งอยู่ที่ระดับ D+ และอันดับความน่าเชื่อถือเงินฝากสกุลเงินในประเทศระยะยาว และอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินต่างประเทศซึ่งอยู่ที่ระดับ A3 ได้รับมุมมองเชิงบวก

อย่างไรก็ดีมูดี้ส์ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ส่งผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศและกระทบต่อแนวโน้มที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในอนาคต

การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญอาจกระทบต่อความสามารถในการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของธนาคารไทยต่อไป และกระทบต่อการพยายามลดอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งปัจจัยทั้งสองตัวนี้มีความสำคัญต่อฟื้นฟูฐานเงินทุนของธนาคารไทย เคโรลิน ซีต นักวิเคราะห์อันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์กล่าว

ในส่วนของผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตซับไพร์มสหรัฐฯ มูดี้ส์ระบุว่า ธนาคารไทยได้รับผลกระทบที่จำกัด เนื่องจากธนาคารไทยไม่ได้ลงทุนหรือเกี่ยวข้องกับตลาดซับไพร์มสหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่มีผลสภาพคล่อง หรือ อันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร


****เซียนหุ้น ฟันธงสัปดาห์มีสิทธิเห็น 850 จุด หลังแรงซื้อต่างชาติทะลัก

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 850 จุดได้ เนื่องจากหุ้นไทยไม่มีความเสี่ยงเข้ามากระทบ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูงซึ่งน่าจะยังช่วยหนุนแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์อินเวสเตอร์สเซอร์วิส หรือ มูดี้ส์ ระบุว่าระบบธนาคารไทยยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยประเมินแนวต้านดัชนีฯ ของสัปดาห์นี้ไว้ที่ 850 จุด และแนวรับประเมินไว้ที่ 816 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้อหุ้นในกลุ่มพลังงานเพื่อรอขายทำกำไร และซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์

"สัปดาห์นี้กองทุนน่าจะมีการเข้ามาทำ Window Dressing เพื่อปิดงบไตรมารส 3/50 แต่ก็น่าเป็นห่วงว่านักลงทุนต่างประเทศบางกลุ่มอาจออกมาขายหุ้น เพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายเงินปันผลต่อผู้ถือหน่วยลงทุนมากกว่า หรืออาจจะถือต่อ แต่หลังจากปิดงบไตรมาสไปแล้วนั้นดัชนีฯ น่าจะมีโอกาสปรับตัวคึกคักมากขึ้นเนื่องจากเป็นการเริ่มต้นลงทุนในไตรมาสใหม่ จากแรงซื้อของ นักลงทุนต่างประเทศอาจออกมาขายหุ้น เพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายเงินปันผลต่อผู้ถือหน่วยลงทุน "นายมงคลกล่าว

นางสาว มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า แม้ในสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 3 ของปี 2550 ซึ่งโดยทั่วไปนักลงทุนสถาบันต่าง ๆมักจะเข้าซื้อหุ้นเพื่อปิดบัญชี (window dressing) แต่เมื่อพิจารณาจากวันสุดท้ายของไตรมาส 2 ซึ่งดัชนีฯอยู่ที่ 777 จุด เปรียบเทียบกับขณะนี้ดัชนีฯอยู่ที่ประมาณ 840 จุดสะท้อนให้เห็นว่าดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นมาพอสมควรแล้วจึงมองว่านักลงทุน หรือ สถาบันต่างๆไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าซื้อหุ้นเพื่อปิดงบบัญชีอีก

อีกทั้งส่วนใหญ่นักลงทุนสถาบันจะเข้ามาซื้อหุ้นบิ๊กแคปเช่นในกลุ่มพลังงานและ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่ช่วงที่ผ่านมาพบว่าราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากพอสมควรเนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ส่วนราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็มีแนวโน้มปรับขึ้นต่อได้หลังตัวเลขสินเชื่อในระบบธนาคารเดือน ส.ค. เติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรประเด็นผลประกอบการไตรมาส 3 ที่กำลังจะประกาศออกมา รวมถึงแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่มีกลับเข้ามา ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งน่าจะเป็นตัวแปรที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ต้องอาศัยการทำ window dressing

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์
แนวรับ 830 จุด แนวต้าน 845 จุด
ทางด้านนางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ หากไม่มีปัจจัยเชิงลบที่รุนแรงมากๆ เข้ามากระทบตลาดฯ ก็มีแนวโน้มที่ดัชนีฯจะสามารถแตะที่ระดับ 850 จุดได้ เนื่องจากคิดว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์ก่อน ได้ทำให้ค่าเงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติจะเลือกทิ้งเงินสกุลดอลลาร์และหันมาลงทุนในเอเชียมากขึ้น ทำให้มีกระแสเงินลงทุน( Fund Flows)จากนักลงทุนต่างชาติช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยอีกทางหนึ่ง

ส่วนกรณีที่มีการคาดการณ์กันว่า ในสัปดาห์นี้นักลงทุนสถาบันจะทำ Window Dressing หรือการตกแต่งบัญชีเพื่อปิดงบไตรมาสที่ 3/2550 นั้นมองว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หรือหากเกิดขึ้นก็อาจจะเป็นการช้อนซื้อหุ้นตัวเล็ก-กลางที่ไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีฯรวมมากนัก ส่วนหุ้นตัวใหญ่ ทั้งหุ้นพลังงานและธนาคาร นั้นราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างแรงแล้ว ซึ่งแนะนำนักลงทุนรายย่อยว่า ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุนเพื่อตอบรับเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด

โดยกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและธนาคาร เพราะคาดว่าหุ้นทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง




:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com