Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 19/09/2007 @ 09:09:48 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต บล.เอเชีย พลัสแนะนำ ซื้อTVOราคาเป้าหมาย -
การผู้ผลิตที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งในตลาดน้ำมันถั่วเหลืองบริสุทธิ์และกากถั่วเหลือง ขณะที่มีการบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง ทำให้ TVO อยู่ในสถานะที่มีศักยภาพทางการตลาดในประเทศที่สูง นอกจากนี้ในส่วนของการขยายตลาดออกไปในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ยังมีช่องว่างที่ TVO จะเข้าไปเป็นผู้เล่นในตลาดได้อีกมากสำหรับด้านการผลิต การขยายกำลังการผลิตส่วนการกลั่นน้ำมันพืชบริสุทธิ์ ให้มีความสอดคล้องกับ กำลังการผลิตส่วนการสกัด ทำให้ TVO สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้องค์ประกอบดังกล่าว และความพร้อมทางการเงิน ทำให้ฝ่ายวิจัยเห็นว่า TVO เป็นกิจการที่มีศักยภาพที่ดีสำหรับการเติบโตในระยะยาว
แม้ราคาหุ้น TVO จะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ระดับราคาหุ้นปัจจุบัน ก็ยังปรากฎ Upside จาก Fair Value ให้เห็นประมาณ 8% นอกจากนี้การซื้อลงทุนที่ระดับราคาปัจจุบัน ก็ยังให้อัตราผลตอบแทนในรูปเงินปันผล (Dividend Yield) 6-7% ต่อปีองค์ประกอบดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำซื้อ สำหรับหุ้น TVO
บล.เคจีไอแนะนำซื้อAPราคาเป้าหมาย 6.78 บาท
AP มีแผนเปิดโครงการ "บ้านกลางเมือง" ทาวน์เฮ้าส์ใหม่อีก 2 แห่ง โดยมีมูลค่าโครงการรวม 810 ล้านบาทในไตรมาส 4/50 โครงการทั้งสองจะอยู่ในบริเวณกรุงเทพกรีฑา และโชคชัย 4 มูลค่า 310 ล้านบาทและ 500 ล้านบาทตามลำดับ นอกจากนี้ในปี 2551-52 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการบ้านกลางเมืองอีก 2 โครงการ โครงการแรกอยู่ใกล้สถานนีรถไฟฟ้าตากสิน และอีกโครงการในบริเวณลาดพร้าว รวมมูลค่า 1.8 พันล้านบาท
AP สามารถสร้างยอดขายในช่วง 8 เดือนแรกของปี 50 ถึง 10.8 พันล้านบาทโดย 1.8 พันล้านบาทเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. ตัวเลขนี้ยังไม่รวมยอดขายจากโครงการ Life คอนโดอีก 3 โครงการในเดือน ก.ย. ประมาณ 2.3 พันล้านบาท และทำให้ยอดขายโครงการ QTD และ YTD ของ AP อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาทและ 13.1 พันล้านบาทตามลำดับ
ยอดขายรอรับรู้เป็นรายได้ของ AP ณ ส.ค. 50 สูงถึง 14.8 พันล้านบาท โดยยอด 12.3 พันล้านบาทมาจากโครงการคอนโด และ 2.5 พันล้านบาทที่เหลือมาจากโครงการบ้านเดี่ยว และเนื่องจากคอนโดมีระยะเวลาการก่อสร้างที่นานกว่า เราจึงคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถรับรู้ยอดขายจากโครงการคอนโดดังกล่าวเป็นรายได้ในช่วงปี 2552-53
ถึงแม้ว่าในปี 2550 ยอดขายส่วนใหญ่จะมาจากโครงการคอนโด แต่รายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากโครงการทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว โดยในปีนี้เราคาดว่า AP จะบันทึกรายรับ 6.5 พันล้านบาท โดย 1.2 พันล้านบาทมาจากโครงการคอนโดบ้านกลางกรุง -สยาม - ปทุมวัน
เราชอบรูปแบบการทำธุรกิจของ AP ซึ่งมุ่งเน้นให้ตลาดทาว์นเฮ้าส์เป็นตลาดหลักในขณะที่มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่โครงการคอนโด เพื่อจับแนวโน้มตลาดที่พักอาศัยในเมือง การบริหารกระแสเงินสดโดยใช้เงินสดรับจากโครงการเก่ามาลงทุนในโครงการใหม่เป็นอีกเหตุผลที่เราชอบ AP เราแนะนำ ซื้อ หุ้นนี้โดยมีราคาเป้าหมายในปี2551 ที่ 6.78 บาทจากวิธี DCF
บล.เกียรตินาคินแนะนำเปลี่ยนการลงทุนราคาเป้าหมาย 1.19 บาท
จากข่าวการเพิ่มทุนของ TMB ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปนั้น ล่าสุดนายฉลองภพสุสังกรณ์กาญจน์ รมว.คลัง ได้ปรึกษากับ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. ในแนวทางที่อาจจะให้ ING เข้าถือหุ้นใหญ่แทน ก.คลัง ภายหลังจากที่ DBS ได้ยืนยันที่จะไม่ใส่เงินเพิ่มในการเพิ่มทุนรอบใหม่จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท โดย DBS ได้ให้เหตุผลว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับ TMB ได้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเรามองว่าแนวทางที่ ก.คลังจะยอมให้ING เข้าถือหุ้นใหญ่แทน โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่จะออกใหม่จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น น่าจะเป็นส่วนช่วยให้การเพิ่มทุนเสร็จเรียบร้อยได้เร็วมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์กับ ก.คลังเองในการที่ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นรัฐวิสาหกิจอื่นออก เพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
จากสมมติฐานของเราที่ให้หุ้นเพิ่มทุนราคา 2 บาท จะทำให้มีหุ้นใหม่จำนวน 1.75หมื่นล้านหุ้น จากวงเงินเพิ่มทุน 3.5 หมื่นล้านบาท หาก ก.คลัง และ ING ไม่ใส่เงินเพิ่มทุน โดยผู้ถือหุ้นอื่น และผู้ถือหุ้นรายย่อยจ่ายเงินเพิ่มทุนนั้น จะส่งผลให้ ING กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สัดส่วนการถือหุ้น 23.9% และทำให้ ก.คลัง มีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ16.1% จากเดิม 31.2% และ DBS จะมีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 9.26% จากเดิม 18%
แต่ทั้งนี้ยังคงต้องรอผลการเจรจา และการพิจารณาจาก ก.คลัง ว่าจะยอมให้ING เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน หรือจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อไป นอกจากนี้จากการตรวจสอบของเราโครงสร้างการถือหุ้นของ TMB ในขณะนี้นั้นนักลงทุนต่างประเทศได้ถือหุ้นเต็มเพดานที่ 49% ของหุ้นทั้งหมดแล้ว การที่จะให้ ING เข้าถือหุ้นใหญ่แทนกระทรวงการคลังนั้นจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเกิน 49% ซึ่งยังคงต้องรอการพิจารณาและอนุญาตจาก ธปท. ด้วยอีกส่วนหนึ่ง
บล.บัวหลวงแนะนำถือLPNราคาเป้าหมาย 7.30 บาท
ปรับลดราคาเป้าหมายและปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ": เรากังวลเกี่ยวกับแนวโน้มคอนโดมีเนียมระดับล่าง ถึงแม้เราเห็นด้วยที่ว่า LPN มีแนวโน้มรายได้ชัดเจน และอัตราการเติบโตของกำไรที่ดี (คาดกำไรขยายตัวเฉลี่ย 20% ในปี 2549-2552)แต่ปัจจัยเหล่านี้ได้สะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว เราเห็นว่าอัตรากำไรมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อที่จะสะท้อนถึงแนวโน้มที่น่ากังวลมากขึ้นของกลุ่มคอนโดระดับล่างนี้ เราได้ปรับลดเป้าหมาย PER เป็น 10 เท่า (ค่าเฉลี่ยของปี 2546-2549) จากเดิม 12 เท่า ประกอบกับการปรับลดประมาณการกำไรลง ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2551 ปรับลดลง 21% เป็น 7.3 บาทต่อหุ้น
ปรับลดประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนการกดดันมากขึ้นของอัตรากำไร: เราได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2551-2552 ลง 5% เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดอัตรากำไรขั้นต้น(ลดลง 100 bps) เราคาดว่าค่าใช้จ่ายทางการตลาดสำหรับคอนโดที่ยังขายไม่หมดในโครงการเดิม และอัตรากำไรที่น่าจะได้รับการกดดันสำหรับโครงการเปิดตัวใหม่จะมีผลต่อกำไรสุทธิในท้ายที่สุด
ยังไม่น่าประหลาดใจในครึ่งหลังปี 2550: แม้มีแนวโน้มการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ที่ 24%) แต่ผลประกอบการในครึ่งหลังปี 2550 จะดูไม่ดีนักเมื่อเทียบระหว่างไตรมาส (เราคาดว่างบไตรมาส 3/50 จะลดลงหรือทรงตัว เมื่อเทียบกับ 2/50และ ในครึ่งหลังคาดผลประกอบการโดยรวมลดลง 2% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี)
ไม่ง่ายอีกต่อไปสำหรับการขายคอนโดมีเนียมระดับล่าง: จากข้อมูลของเอเจนซี่ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) แนวโน้มของกลุ่มคอนโดมีเนียมระดับล่างอ่อนตัวลงจากอัตราการซื้อลดลง 2 เดือนติดต่อกัน และ มี สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเนื่องจากมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นมาก
ตลาดคาดหวังกับ LPN เกินไป? ทุกคน (รวมถึงเรา) ชอบ LPN เนื่องจากมีการจัดการที่ดี มีผู้บริหารที่เชี่ยวชาญ และ มีรายได้ชัดเจน หากเราคิดว่าราคาของหุ้นของบริษัทนั้นน่าจะมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่างๆได้ง่าย โดยเราคิดว่าการประมาณการของตลาดมีมุมมองทางบวกมากเกินไปสำหรับแนวโน้มอัตรากำไรของบริษัท
แนวโน้ม Upside: 1.อุปทานลดลงอย่างรวดเร็ว 2.การเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาน้ำมันช่วยเพิ่มอุปสงค์และยอดจองซื้อคอนโดมีเนียมอีกครั้ง
:lol: [/color:9b62ac336c">
|
