April 27, 2024   1:34:11 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จับตาหุ้นคอมโมดิตี้ ดาวรุ่งดวงใหม่
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 17/09/2007 @ 21:02:45
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลาดหุ้นไทยไม่เวิร์ค ภาวะไม่เอื้อ แต่ยังมี Story น่าสน เทรนสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง ค่าระวางเรือ , ปิโตรเคมี, ถ่านหิน เริ่มขยับ หลังจีนยังต้องการสินค้าโภคภัณฑ์สูง ค่าระวางเรือ-ถ่านหิน ดาหน้าทำ New High ต่อเนื่อง มีจิ๊กซอว์ ให้นลท.ได้เล่นต่อเนื่อง หลังศ.ก.โลกเริ่มเป๋ จากปัญหาซับไพร์ม ขณะที่ดาวรุ่งดวงเก่าอย่างหุ้นแบงก์และหุ้นขนาดใหญ่เริ่มหมดเสน่ห์ พรีเมี่ยมกระดานต่างประเทศและในประเทศหด หลังต่างชาตินิยมเทรดผ่าน NVDR มากขึ้น เพราะชอบเล่นสั้น - ใช้เงินน้อย- ไม่ต้องการใช้สิทธิโหวต วงการแนะจับตากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์มาแรง ให้รอซื้อ TTA- BANPU ช่วงราคาอ่อนตัว

หุ้นไทยช่วงนี้ยังไม่สดใส นักลงทุนยังรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ขณที่ปัญหาซับไพร์มยังหดดันไม่เลิก หลังEuro-Top100 (-1.0%) ได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากที่ธนาคารต่างๆพากันยื่นขอสินเชื่อต่อECB เพื่อเสริมสภาพคล่อง จนดันอุปสงค์เพิ่มขึ้นถึง 1.39 แสนล้านยูโร ขณะที่ ECB ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงเวลาเดียวกัน 7.5 หมื่นล้านยูโร
และหากย้อนไป 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่า ECB ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบไปแล้ว 2.53 แสนล้านยูโร นอกจากนี้การที่ Northern Rock (-31.5%)สถาบันการเงินด้านสินเชื่ออันดับ 4 ของอังกฤษ ต้องเข้ารับการเสริมสภาพคล่องจาก BoE สะท้อนว่าปัญหา Sub-Prime กำลังลุกลามจนมาถึงอังกฤษ และนั่นเป็นสิ่งที่ยืนยันความคิดของเราว่าปัญหาดังกล่าวจะกลายเป็นวิกฤตที่ตลาดการเงินทั่วโลกจะต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ และไม่อาจจบสิ้นในเร็ววันนี้
ย้อนมาดูหุ้นแบงก์ดาวเด่นในดวงในนักลงทุน ทั้งกระดานในประเทศและกระดานต่างประเทศพบพรีเมี่ยมแคบลง รวมทั้งกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มอื่นๆ หลังนักลงทุนต่างประเทศเริ่มหันมาเล่นหุ้นผ่าน NVDR มากขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นในกระดานวิ่งเข้าหาราคาหุ้นกระดานในประเทศ
จากการสำรวจราคาหุ้นแบงก์ 6 แห่งกระดานในประเทศและกระดานต่างประเทศพบว่า ส่วนใหญ่พรีเมี่ยมเหลือไม่ถึง 1% เช่น KBANK วานนี้( 17 ก.ย.)ปิดที่ 73.5 บาท เทียบกับ KBANK - F ปิดที่ 74 บาท ต่างกัน 0.50 บาท หรือ 0.68% , BBL วานนี้ปิดที่ 114 บาท เทียบกับ BBL-F ปิดที่ 114 บาท ราคาไม่แตกต่างกัน , SCB วานนี้ปิดที่ 73 บาท เทียบกับ SCB-F ปิดที่ 80 บาท ต่างกัน 7 บาท หรือ +9.58%
BAY วานนี้ปิด 25.75 บาท เทียบกับ BAY-F ปิดที่ 25.75 บาท ราคาไม่แตกต่างกัน , KTB วานนี้ปิดที่ 10.6 บาท เทียบกับ KTB-F ปิดที่ 10.7 บาท ต่างกัน 0.10 บาท หรือ +0.94% , SCIB วานนี้ปิดที่ 17.70 บาท เทียบกับ SCIB-F ปิดที่ 17.90 บาท ต่างกัน 0.20 บาท หรือ +1.12%
ด้านหุ้นกลุ่มหลังงานขนาดใหญ่อย่าง PTT วานนี้ปิดที่ 314 บาท เทียบกับ PTT-F ปิดที่ 312 บาท ต่างกัน 2 บาท หรือ 0.63% , PTTEP วานนี้ปิดที่ 125 บาท เทียบกับ PTTEP-F ปิดที่ 123 บาท ต่างกัน 2 บาท หรือ -1.6% ส่วน BANPU วานนี้ปิดที่ 298 บาท เทียบกับ BANPU-F ปิดที่ 300 บาท ต่างกัน 2 บาท หรือ 0.67%



****วงการชี้ พรีเมี่ยมหุ้นใหญ่แคบ หลัง นลท.นิยมเล่นหุ้นผ่าน NVDR มากขึ้น

นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่ส่วนต่างราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ในกระดาน Local และกระดาน Foreign แคบลง หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นผ่าน NVDR ได้ โดยนักลงทุนต่างชาติที่ไม่สนใจสิทธิในการโหวตก็จะหันมาซื้อหุ้นในกระดาน Local ผ่าน NVDR แทนทำให้ราคาหุ้นในกระดาน Foreign ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาใกล้เคียงกับราคาหุ้นในกระดาน Local
"ตั้งแต่มี NVDR พรีเมียมของหุ้นหลายๆ ตัวไม่เฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงมาโดยตลอด เพราะนักลงทุนต่างประเทศที่เป็นรายย่อยบางรายไม่คิดจะซื้อหุ้นมากๆ และต้องการเล่นสั้น ก็จะซื้อหุ้นผ่าน NVDR แทน เพราะเค้าไม่ต้องการขับเคลื่อนหรือว่าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบริษัท และการซื้อหุ้นผ่าน NVDR ใช้เงินน้อยกว่าซื้อหุ้นในกระดาน Foreign ด้วย" นักวิเคราะห์ กล่าว
นอกจากนี้ การลงทุนผ่าน NVDR ยังไม่นับรวมใน Foreign Limit ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นผ่าน NVDR ไม่ต้องเสียเวลาเช็ค Foreign Limit ว่าเหลือเท่าไร ยกตัวอย่างเช่น หุ้น BANPU Foreign Limit อยู่ที่ 40% แต่หากนับรวมนักลงทุนต่างชาติที่ถือผ่าน NVDR พบว่า Foreign Limit มากกว่า 50% แต่ในทางปฏิบัติ ตลท.จะไม่นับรวม NVDR
อย่างไรก็ดีในกรณีที่ NVDR เทขายหุ้น KBANK ออกมามากกว่า 15% เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเองเริ่มหวั่นวิตกปัญหาซับไพร์มจะกระทบงบการเงินของหุ้นกลุ่มแบงก์ สังเกตได้จากเมื่อเร็วๆ นี้ปัญหา Sub-Prime กำลังลุกลามจนมาถึงอังกฤษ หลังจากที่ Northern Rock สถาบันการเงินด้านสินเชื่ออันดับ 4 ของอังกฤษ ต้องเข้ารับการเสริมสภาพคล่องจาก BoE ดังนั้นในช่วงนั้นหุ้นกลุ่มแบงก์จึงถูกกดดันด้วยปัจจัยดังกล่าว

****นักวิเคราะห์ รับช่วงสั้นหุ้นแบงก์ถูกกดดันจากปัญหาซับไพร์ม

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในกระดานในประเทศและกระดานต่างประเทศมีส่วนต่างกันไม่มาก เนื่องจากเป็นไปตามแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในช่วงนั้นๆ ซึ่งโดยปกติแล้วหุ้นธนาคารพาณิชย์ จะเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนต่างชาติมาก และจะนิยมซื้อในกระดานต่างประเทศมากกว่าในประเทศ
ดังนั้น ช่วงไหนที่มีเงินทุนไหลเข้า และต่างชาติเป็นฝ่ายซื้อสุทธินั่นหมายความว่า ราคาหุ้นแบงก์ในกระดานต่างประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นไปมากกว่ากระดานต่างประเทศทำให้มีส่วนต่างมาก แต่กลับกันหากช่วงไหนที่ต่างชาติขายสุทธิ แสดงว่าต่างชาติขายหุ้นแบงก์ในกระดานต่างประเทศ จนทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงมาก ไม่ต่างจากราคาในกระดานในกระดาน หรือแทบจะใกล้เคียงกัน
"ถ้าช่วงไหนที่ต่างชาติซึมๆ ไม่ค่อยซื้อสุทธิ ราคาหุ้นแบงก์ในกระดานในกระดานกับกระดานต่างชาติจะไม่ต่างกันมาก เพราะไม่มีดีมานด์ของการซื้อหุ้นในกระดานต่างชาติ แต่ถ้าตลาดบูม ต่างชาติซื้อสุทธิ กระดานต่างชาติราคาจะพุ่งมาก ทำให้มีส่วนต่างระหว่างกระดานในประเทศ"นักวิเคราะห์กล่าว
ส่วนสาเหตุที่นักลงทุนต่างชาตินิยมซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ในกระดานต่างชาติ เพราะส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นจึงต้องการสิทธิบางอย่าง เช่น สิทธิการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งในกระดานในประเทศไม่สามารถให้ได้ มีเพียงการลงทุนผ่านไทยเอ็นวีดีอาร์เท่านั้นซึ่งสิ่งที่จะได้คือ เงินปันผลแต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียง
นักวิเคราะห์ กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ราคาหุ้นระหว่าง 2 กระดานซึ่งจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะถือเป็นหุ้นบิ๊กแคปด้วยกันทั้งคู่ ที่นักลงทุนต่างชาติมักจะซื้อผ่านกระดานต่างประเทศมากกว่าในประเทศ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนหุ้นแบงก์ บริษัทแนะนำ "ซื้อ" KBANK กับ BBL ราคาเป้าหมายปีหน้า 94 บาทและ 154 บาทตามลำดับ โดยในระยะสั้นราคาหุ้นจะยังไม่ขยับไปไหนไกล เพราะตลาดยังคงรอดูผลประกอบการไตรมาส 3 ของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก โดยเฉพาะแบงก์ที่มีการเข้าลงทุนในตราสาร CDOs ซึ่งย่อมส่งผลกระทบมายังแบกงืไทยด้วย โดยเฉพาะแบกง์ที่ลงทุนในCDOsดังนั้น ราคาหุ้นจะยังถูกกดดันอยู่
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น 2 กระดานไม่ต่างกันมาก น่าจะเกิดจากการที่ต่างชาติมองว่าสิทธิประโยชน์ที่จะได้จากการซื้อหุ้นทั้ง 2 กระดานไม่แตกต่างกัน เช่น สิทธิในการออกเสียง ทำให้ไม่มีดีมานด์ในการซื้อหุ้นที่กระดานต่างประเทศ ราคาจึงไม่แตกต่างกัน
" บางทีต่างชาติมองว่าซื้อหุ้นแบงก์กระดานต่างชาติก็ได้สิทธิไม่แตกต่างจากกระดานในประเทศ แถมยังมีไทยเอ็นวีดีอาร์ให้ซื้ออีก ดังนั้น เขาอาจลงทุนผ่านไทยเอ็นวีดีอาร์หรือซื้อในกระดานในประเทศโดยตรงเลยก็ได้"นักวิเคราะห์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทแนะนำ "ซื้อ" KBANK และ BAY ราคาเป้าหมายปีหน้า 118 บาท และ 36 บาทตามลำดับ โดยมองว่าทั้ง 2 ธนาคารนี้มีการเติบโตของกำไรต่อหุ้น(EPS)ในระดับที่ดี เงินกองทุนแข็งแกร่ง การตั้งสำรองเพียงพอรองรับเอ็นพีแอลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

****หมดเวลาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ราคาถูก

รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า นายโรส การ์นัวท์นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของออสเตรเลียคาดว่า การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไม่มีทางที่จะกลับไปอยู่ในระดับอีกต่อไปและเป็นจุดเปลี่ยนที่ภาคธุรกิจทั่วโลกต้องหาทางรับมือต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วง 20 ปีข้างหน้าความต้องการพลังงานและโลหะของจีนยังเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูงต่อไป นายการ์นัวท์กล่าว
นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาโลกมีการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ในปริมาณสูงสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในจีน

**** จีน คาดราคาถ่านหินในปท.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังทางการเอาจริงด้านการควบคุมมลพิษ

รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า จีน คาดราคาถ่านหินในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาล
นาย หัว ฉีกั้ว รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายอุตสาหกรรมประจำคณะกรรมาธิการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีนกล่าวว่า การละเลยมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมทำให้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูก แต่หลังจากทางการเข้มงวดมากขึ้น ราคาถ่านหินจะเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยในการทำเหมืองถ่านหินอีกด้วย หลังจากในปีที่ผ่านมามีคนงานเหมืองเสียชีวิตถึง 4,746 ราย
ทั้งนี้ จีนใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนสูงถึง 78% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ

****ซิตี้กรุ๊ป มอง BANPU ยังถูกเมื่อเทียบคู่แข่งในภูมิภาค

บทวิเคราะห์ซิตี้กรุ๊ป ประจำวันที่ 11 กันยายน 2550 ระบุว่า ซิตี้กรุ๊ป แนะนำซื้อ BANPU และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 313 บาท เป็น 353 บาท เนื่องจากตลาดถ่านหินที่ขยายตัว อาจส่งผลดีต่อธุรกิจของ BANPU ในปี 2551 และ 2552
โดยตลาดถ่านหินที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้นักวิเคราะห์ฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ ของซิตี้กรุ๊ป ปรับเพิ่มประมาณการราคาถ่านหินในภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ โดยในปี 2551 เพิ่มประมาณการราคาถ่านหินมาอยู่ที่ 64.7 ดอลลาร์ต่อตัน และปี 2552 มาอยู่ที่ 67.7 ดอลลาร์ต่อตัน ส่งสัญญาณว่า ราคาถ่านหินในภูมิภาคเอเชียจะเพิ่มขึ้น 18% ในปี 2551 และ 5% ในปี 2552
ขณะเดียวกันซิตี้กรุ๊ป ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ 4% , ปี 2551 ในอัตรา 11% และปี 2552 ในอัตรา 7% เนื่องจากราคาขายถ่านหินของ BANPU ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ป มองว่าราคาหุ้น BANPU ยังคงถูกเมื่อเทียบกับคู่แข่งในหลายภูมิภาค พร้อมกับคาดว่า การประกาศลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า Hongsa ,แผนนำบริษัทในอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จาร์กาตาร์ปีนี้ ,การชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการซื้อโรงไฟฟ้าหรือเหมืองใหม่ จะส่งผลดีต่อหุ้น BANPU

****หุ้นเดินเรือยังแจ่ม แนะเล่น PSL-RCL

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ที่ผ่านมาหุ้นเดินเรือปรับเพิ่มขึ้นตามค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่แนะว่าให้เน้นซื้อ TTA เนื่องจากเด่นสุดในหุ้นกลุ่มเดินเรือ โดยมีปริมาณกองเรือที่ใช้งานอยู่ขณะนี้กว่า 30 %ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงพอสมควร รวมทั้งคาดการณ์กำไรปี 50 และ51 ยังคงแข็งแกร่ง
โดยคาดว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยจะยังอยู่ในระดับสูงตามค่าระวางตลาดที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นในปีหน้า จากความต้องการใช้เรือยังอยู่ในระดับสูง จะช่วยสนับสนุนให้ค่าระวางเรือทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ ดังนั้นจึงประมาณการกำไรปกติปี 50 และปี 51 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4,577 ล้านบาท เติบโต 73% และ 4,905 ล้านบาท เติบโต 7% ตามลำดับ
สำหรับหุ้น TTA แนะให้รอซื้อเมื่อราคาปรับลดลง โดยประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 49.50 บาท ส่วน PSL แนะให้ขายทำกำไรที่ราคาเหมาะสม 28.50 บาท และ RCL แนะให้ขายทำกำไรที่ราคาเหมาะสม 28 บาท

****เซียนหุ้นแนะรอซื้อ TTA-BANPU เมื่อราคาอ่อนตัว หลังราคาแรลลี่แรงเกิน

ด้านนักวิเคราะห์บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น กลุ่มเดินเรือ ถ่านหิน ปิโตรเคมี ยังมีแนวโน้มที่ดี หลังความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ในจีนและอินเดียยังขยายตัวได้ดีในช่วง 1-2 ปีจากนี้ แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น TTA , BANPU ต่างปรับตัวขึ้นแรงเกินไป จึงควรที่จะรอซื้อในช่วงที่ค่าระวางเรือหรือราคาถ่านหินอ่อนตัว ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวตามมากกว่า

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com