มาโก้ กำไรไตรมาส 2 หดลดลง 47% เหตุภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมีการยกเลิกสัญญา 2 โครงการ City Vision CBD สยามสแควร์ และ Railway ริมถนนวิภาวดี-รังสิต รอลุ้นโปรเจ็ค 200 ล้าน สื่อโฆษณาทั่วประเทศ ดันรายได้ Q3 มั่นใจรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้าโต
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์แอด จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสื่อนอกบ้านรายใหญ่ แบรนด์มาโก้ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 มีการเติบโตที่ดีกว่าในช่วงไตรมาแรกของปี แต่หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมานั้น ในปีนี้มีผลประกอบการต่ำกว่า แม้ว่าในปีนี้จะมีประมาณงานที่ให้บริการลูกค้ามากกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ทำให้บริษัทมีกำไรจากการทำงานที่ลดลง โดยบางงานก็เป็นการบริการให้กับลูกค้าแทบจะไม่มีกำไร อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแนวโน้มในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 123.45 ล้านบาท ลดลงประมาณ 7 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 130.67 ล้านบาท และในไตรมาส 2 ของปีนี้มีกำไร 7.62 ล้านบาท ลดลง 47% หรือประมาณ 6.62 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไร 14.25 ล้านบาท ปัจจัยหลักของการลดลงทั้งกำไรและรายได้นั้น เป็นผลจากการสิ้นสุดอายุสัมปทานของสื่อโฆษราประเทศ City Vision CBD สื่อโฆษณาบริเวณสยามสแควร์ และการยกเลิกสัญญาสื่อโฆษณา Railway เป็นหลัก
"ปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา มีผลทำให้การแข่งขันทางราคาของสื่อโฆษณามีความรุนแรงยิ่งขึ้น และลูกค้าเองก็มีงบประมาณที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้สื่อโฆษณาประเภทอื่นๆ ที่บริษัทยังดำเนินการอยู่นั้น มีอัตรารายได้เฉลี่ยลดลงด้วย โดยบริษัทได้วางแนวทางการจัดการด้านการพัฒนาสื่อโฆษณาใหม่ที่รองรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับนโยบายการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และจะพยายามจะเพิ่มบริการลูกค้าให้มีความรู้สึกว่ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น" นายนพดล กล่าวและว่า
สำหรับโครงการ Railway ที่บริษัทได้สัมปทานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการติดตั้งป้ายโฆษณาบิลบอร์ดบริเวณริมถนนวิภาวดี-รังสิต อายุสัญญา 5 ปี มีการติดตั้งป้ายประมาณ 100 ป้าย บริษัทจะมีการรื้อถอนเพื่อนำโครงป้ายไปติดตั้งกับโครงการใหม่ที่จะดำเนินการทั่วประเทศ ขณะนี้ดำเนินการติดตั้งไปแล้วกว่า 60% ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทก็มีการยกเลิกสัญญาป้ายโฆษณาในบริเวณดังกล่าวไปแล้วกว่า 60 ป้าย แต่ยังไม่ได้ดำเนินการรื้อถอน การบอกเลิกสัญญาในโครงการดังกล่าว เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาการย้ายสนามบินดอนเมืองไปใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้รายได้ของบริษัทลดลง ซึ่งทั้งรายได้ทั้งโครงการเรียลเวย์และที่สยามสแควร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้ทั้งหมด
นายนพดล กล่าวอีกว่า บริษัทคาดหวังกับโปรเจ็คใหม่ที่มีมูลค่า 200 ล้านบาท จะเข้ามาช่วยทำให้บริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นโปรเจ็คที่จะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ ขณะเดียวกันในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการเข้าไปบริหารสื่อโฆษณาภายในอาคาร หรือ In-store Media ที่ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต, ซีคอน สแควร์ และแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้บริษัทเติบโตได้ โดยช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทพยายามที่พัฒนาสื่อที่มีอยู่เดิม การนำเทคโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ การหาทำเลใหม่ที่มีศักยภาพ
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในส่วนของสื่อนอกบ้านนั้น นายนพดล กล่าวว่า น่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรืออาจจะมีการเติบโตลดลงได้เล็กน้อย ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการลดการใช้เม็ดเงินโฆษณาลงอย่างชัดเจน จะเป็นกลุ่มเรียลเอสเตท ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า และโทรคมนาคมยังคงมีการใช้งบประมาณการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีหน้าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากการได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และภาวะเศรษฐกิจคงจะมีการปรับตัวดีขึ้น
:roll:

คงไม่เหมือนกะ โฮปเวลล์นะ.....