* "โมนิก้า" กะแล้วเชียวว่า ปรากฎการณ์ดันหุ้นเพื่อเอาหน้าในงาน ThailandFocus 2007 จะมาตามที่นัดหมายทุกประการ เพราะการที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงท้ายทั้งสัปดาห์ ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากความเชื่อในการลงทุนมีมากขึ้น หรือเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อล่นเก็งกำไรสั้นๆ เหมือนเช่นรอบก่อนๆนะซี

*เนื่องจากในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีแรงช้อนซื้อสลับกับแรงเทขายออกมาตลอดเวลา จนมองไม่ออกว่าดัชนีจะมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางไหนกันแน่ แถมดัชนีปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 800 จุดอย่างกระท่อนกระแท่น ยิ่งทำให้เดี๊ยนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแรงซื้อที่เข้ามา เขาว่ากันว่าเป็นแรงเก็งกำไรสั้นๆ มากกว่าซื้อลงุนระยะยาว

*โดยเฉพาะแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศ ผู้จัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยยอมรับกับ "โมนิก้า"เองว่า เข้าซื้อซื้อเพื่อขาย จึงเห็นกองทุนในประเทศซื้อๆ ขายๆ บ่อยมาก เพราะต้องทำผลตอบแทนให้สูงสุดเที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็ต้องหาจังหวะขายหุ้นเพื่อนำเงินมาสำรองเพื่อผู้ถือหน่วยจะมาไถ่ถอนหน่วยลงทุน

*เดี๊ยนถึงมั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า สัปดาห์นี้ดัชนีต้องอ่อนตัวลงก่อนถึงจะทะยานทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 820 จุดได้อย่างมั่นคง เพราะข้อมูลเก่าในอดีตบอกไว้อย่างชัดเจนว่า หากดัชนีไม่มีการทดสอบแรงเทขายทำกำไรเสียก่อน ในไม่ช้าดัชนีจะอ่อนตัวลงมาอีกรอบนะจ๊ะ

*แม้วันศุกร์ที่ผ่านมจะได้แรงหนุนจากหุ้นพลังงานชั้นนำอย่าง PTT PTTEP และ PTTCHไม่ได้หมายความว่าหุ้นตัวอื่นๆ จะขยับขึ้นตามไปด้วย เพราะหุ้นหลายตัวขยับขึ้นมากแล้วนะซีโดยเฉพาะในรายของ RRC ก่อนหน้านี้กระชากขึ้นหูดับตับไหม้ พร้อมวอลุ่มซื้ออื้อซ่าถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากพิจารณาถึงระดับราคาที่ใช้ในการควบรวมกิจการ ต้องยอมรับว่าระดับราคาหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่าเหมาะสมจริงๆ และเป็นการยากที่ราคาหุ้นจะไต่ระดับข้นไปเรื่อยๆนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับ ATC แม้ก่อนหน้านี้จะได้ชื่อว่าเป็นหุ้นที่เร่าร้อนสุด และบวกสวนกระแสได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะมีสตอรี่เรื่องการควบรวมเป็นแบ็คอัพ ขณะเดียวกันตัวเลขผลประกอบการก็ออกมาดีมากๆ ถึงมีแรงซื้อไหลบ่าเข้ามามากเหลือเกิน แต่พอดีลเรื่องการควบรวมถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นก็ดูเหนือยๆ อย่างเห็นได้ชัด "โมนิก้า"ถึงไม่อยากให้นักลงทุนคาดหวังว่าจะได้กำไรจากหุ้นตัวนี้มากเหมือนเมื่อก่อนไงหล่ะ

*เหมือนกับกรณีของหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ พอบรรยากาศการลงทุนเริ่มกลับมาคึกคัก หุ้นโบรกเกอร์ยอดนิยมอย่าง KEST BLS และ PHATRA ก็กระชากขึ้นพรวดพราดแบบไม่เหลียวหลังให้เสียเวลา จนนักลงทุนกระโจนเข้าใส่กันมือเป็นระวิง แต่พอผ่านมาได้สักระยะราคาหุ้นเหล่านั้นกลับอ่อนตัวลงกันถ้วนหน้าบบนี้ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้เข้าซื้อตอนหุ้นอ่อนตัวจะคุ้มกว่า เพราะช่วงนี้ทำอย่างไรหุ้นก็คงขึ้นต่อไม่ไหวหรอกค่ะ

*สำหรับกรณีของหุ้นกลุ่มแบงก์ "โมนิก้า" ไม่เห็นความจำเป็นต้องทขายหุ้นทิ้งก่อนเวลาอันควรแม้แต่น้อย เพราะรู้กันดีว่าหุ้นแบงก์ใหญ่ปราจากปัญหาเรื่องเงินทุนมารบกวนการดำเนินงาน โดยเฉพาะในรายของ BBL SCB และ KBANK มีฐานเงินทุนแข็งปั๊งและทำกำไรได้ต่อเนื่อง เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนทยอยช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ตแล้วจะดีเองเจ้าคะ

*ทางด้าน BAY พักหลังเห็นราคาหุ้นขยับเขยื้อนไปต่อไม่ไหว และออกอาการอืดๆ ชอบกลนั้น "โมนิก้า" เข้าใจว่าเป็นผลมาจากภาวะการลงทุนไม่เป็นใจ และราคาหุ้นก็วิ่งรับข่าวมากเกินไป ส่งผลให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆจ้องเทขายหุ้นทำกำไรกันลูกเดียว โอกาสที่หุ้นจะไตระดับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมไม่น่าจะเกิดขึ้นทันภายในปีนี้นะค่ะ

*ที่เลวร้ายเกินกว่าจะรับได้ น่าจะเป็นในรายของ MCOT ช่วงหลายเดือนโดนกระหน่ำย่ำยี่แบบมาราธอนตั้งแต่เช้าจรดเย็น ฉุดราคาหุ้นร่วงหล่นทำราคาต่ำสุดในรอบหลายเดือนเชียวน่า ที่แย่ไปกว่านั้น คือ หุ้นดันรูดทะลุแนวรับสำคัญมาทุกแนวมาหมดแล้ว แต่จังหวะนี้หุ้นเริ่มฟื้นตัวทีละเล็กทีละน้อยน่าจะแสดงถึงขาขึ้นรอบใหม่กำลังเกิดขึ้นนะจะบอกให้

*ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อาจไม่น่าสนใจอีกพักใหญ่ๆ เพราะเป็นหุ้นที่อิงกับการเมืองและเศรษฐกิจค่อนข้างมาก หากการเมืองไม่นิ่ง และเศรษฐกิจไม่มีทีท่าจะฟื้นตัว ก็อย่าหวังว่าหุ้นกลุ่มนี้จะกลับมาลิงโลดอีกเลย ในระหว่างนี้ถึงต้องทยอยซื้อหุ้นตอนอ่อนตัวเก็บไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ

* ความไม่แน่นอนในช่วงนี้เดี๊ยนเชื่อว่า โยงไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองอย่างเลี่ยงไม่พ้น และความไม่ชัดเจนที่เกิดขึ้น อาจทำให้ราคาหุ้นหลายกลุ่มอึมครึมเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ก็เป็นไปได้ แม้วันศุกร์ที่ผ่านมาจะพากันปิดเขียวถ้วนหน้า แต่ไม่มีสิ่งยืนยันว่าจะลงเอยได้ด้วยดีนะจะบอกให้

*ก่อนจากกัน "โมนิก้า" ขอย้ำกลยุทธ์การลงทุน riding the fluctuation กันอีกครั้งว่าให้เล่นกับความผัวผวนของตลาด" อย่าได้เล่นเกมของผู้อื่นเป็นอันขาด ที่สำคัญต้องกำหนดเป้าหมายและผลกำไรของเราเองให้ชัดเจน เพราะโอกาสในวิกฤตเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ

:lol: