April 27, 2024   7:50:41 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > SET50น่าลงทุนจริงหรือ?
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 17/09/2007 @ 09:26:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ควันหลงจากงาน "Thailand Focus 2007"หลังจาก Mr.Anders Wihlbornผู้บริหารระดับสูงจาก Merrill Lynch ออกมามองว่าตลาดทุนไทยมีความน่าลงทุนในระยะสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค เพราะเชื่อว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด (V-shaped recovery)
ขณะเดียวกันได้มองว่าพีอีของไทยก็ต่ำกว่าพีอีในภูมิภาคประมาณ 40% เนื่องจากกำไรของบริษัทไม่ขยายตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความไม่แน่นอนของกฎเกณฑ์ต่างๆการเมือง และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงทั้งในเชิงของการบริโภคและการลงทุน แต่หลังจากการเลือกตั้งปลายปี คาดว่าการเมืองจะเริ่มคลี่คลาย และทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น
แน่นอนหากสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น แล้วเวลานี้มีหุ้นตัวไหนบ้างที่น่าลงทุน โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ทั้ง SET50
เพราะจากการคิดคำนวณหาหุ้นที่น่าลงทุนในครึ่งปีหลัง โดยวัดจากค่า P/E ในกลุ่มหุ้น SET50 พบว่ามีหุ้นที่น่าเข้าลงทุนจริงๆ เพียง 19 ตัว เท่านั้น ประกอบด้วย THAI,SCC,TUF,HANA,PTT,RATCH,TOP,RRCCCET,KK,KTB,GLOW,TPC,EGCO,SSI,TTA,PSL,RCL และATC
ส่วนอีก 28 ตัว ล้วนแต่เป็นหุ้นที่มีค่า PE สูงกว่าเกินระดับตลาดที่อยู่ที่ 11.41 เท่า(13 ก.ย.) อาทิ BAY,CPF,CPN,BGH,CP7-11,MINT,AOT,BH,AMATAและBEC เป็นต้น
ทั้งนี้หุ้นที่มีค่า P/E ระดับสูง มักสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนเข้ามาไล่หุ้นหุ้นตัวนั้นๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดจากเรื่องผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และข่าวพันธมิตรใหม่เข้าร่วมลงทุน
หรืออาจเกิดจากการเข้ามาไล่ซื้อหุ้นของนักลงทุนรายใหญ่ก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามหุ้นที่มีค่า P/E สูงๆ ก็มักสื่อเป็นนัยให้รู้ว่า มีความเสี่ยงจากการลงทุนสูงได้เช่นกัน
ส่วนหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำ อาจยังไม่สะท้อนราคาที่แท้จริงออกมา และมีโอกาสปรับตัวขึ้นแรงในไม่ช้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าเข้าลงทุนมากสุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาองค์ประกอบทางด้านพื้นฐาน และข่าวสารที่เข้ามากระทบตัวหุ้นด้วยเหมือนกัน เพราะบางครั้งหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำๆ อาจไม่ใช่หุ้นที่น่าลงทุนเสมอไป
สำหรับหุ้นที่ไม่มีค่า P/E เป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่นักลงทุนควรจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นหุ้นที่เข้าข่ายหุ้นอันตรายเพราะ การเล่นหุ้นที่ไม่มี P/E นั้นบริษัทมีแนวโน้มไม่จ่ายเงินปันผล และราคาหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันไม่สามารถเทียบกับพื้นฐานของบริษัทได้ว่าราคาหุ้นถูกหรือแพงไป
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารของบริษัท ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากรภายในที่ดีพอ แม้บางไตรมาสบริษัทจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ แต่นักลงทุนต้องพิจารณางบเป็นอย่างดี เนื่องจากกำไรที่ได้มาอาจมาจากกำไรพิเศษ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความสามารถในการทำกำไรของตัวธุรกิจ
สำหรับ P/E หุ้นSET50 ที่นำมาสำรวจในครั้งนี้ใช้ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2550 โดยเรียงลำดับค่า P/E จากมากไปหาน้อย
โดยหุ้นที่มีค่า P/E สูงที่สุดของ SET50 คือ BAY หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) ที่มีค่า P/E อยู่ที่ระดับ 149.32% ซึ่งสูงกว่าค่า PE ของหมวดธุรกิจที่อยู่ที่ระดับ 15.62%
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก นักลงทุนเชื่อว่า BAY จะมีความแข็งแกร่งกิจของหลังจากที่ได้ GE ร่วมเป็นพันธมิตรกันเมื่อต้นปี นอกจากนี้นักวิเคราะห์ได้ออกมาคาดการณ์ว่า หากBAY เข้าซื้อหุ้นของ GECAL ได้แล้ว จะทำให้ BAY ขึ้นแท่นแบงก์ใหญ่อันดับที่ 3 ภายใน 3ปี ยิ่งเป็นปัจจัยให้นักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นรายนี้เป็นจำนวนมาก
สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนและมีค่า P/E ต่ำสุดคือ ATC หรือ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยค่า P/E ของหุ้นรายนี้อยู่ที่ระดับ 6.60 เท่า ซึ่งต่ำกว่าP/Eหมวดอุตสาหกรรมที่ระดับ 9.49%
ยิ่งแผนการควบรวมหุนระหว่าง ATC และ RRC เสร็จสิ้นลงการควบรวมดังกล่าวจะก่อให้เกิดบริษัท MergedCo ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นและอะโรเมติกส์รายใหญ่ของไทย ทำให้สามารถบริหารวัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดต้นทุนในการดำเนินงานและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ บริษัท MergedCo จะลงทุนประมาณ 365 ล้านเหรียญสหรัฐในโครงการที่คาดว่าจะเริ่มให้ผลตอบแทนได้ปี 2552 หุ้นรายนี้ยิ่งน่าลงทุนมากที่สุด
ด้านหุ้น RCL,PSL และ TTA อันดับ 2,3 และ 4 มีค่า P/E อยู่ที่ระดับ 6.67,6.99 และ 7.30 เท่าตามลำดับ นอกจากนี้หากสังเกตจะพบว่าหุ้นทั้ง 3 ราย มีค่าP/Eต่ำจากหมวดอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ระดับ 11.12 เท่า
จึงเป็นเรื่องที่ดีหากนักลงทุนจะเข้าลงทุน เพราะจากบทวิเคราะห์หลายแห่งยังมองในเชิงบวก เนื่องจากหุ้นทั้ง 3 ราย ได้รับปัจจัยบวกในเรื่องค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ TTA และ PSL ยังคงได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะปริมาณการขนส่งเรือเทกองแห้งยังมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ซึ่งเป็นธุรกิจเรือคอนเทนเนอร์ ไม่น่าจะได้ประโยชน์เนื่องจากกรณีที่ค่า BDI สูงขึ้น ปริมาณความต้องการขนส่งเรือตู้คอนเทนเนอร์น้อยกว่าความต้องการขนส่งเรือเทกองแห้ง แต่อย่างไรก็ตามหากมองในเรื่องการทำกำไรและการจ่ายปันผลของ RCL หุ้นรายนี้ก็ยังน่าลงทุนเช่นเคย
อันดับ 5 SSI หรือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ค่า P/E อยู่ที่7.89% โดย P/Eต่ำจาก หมวดอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ระดับ 11.65 เท่า แม้ราคาหุ้นจะไม่ขยับมากนัก เนื่องจากธุรกิจเหล็กนับว่าเป็นขาลงแทบทุกราย ทำให้ผลการดำเนินงานลดลงถ้วนหน้า
ขณะที่หุ้นไม่มีP/E อย่าง TRUE,TMB และ ITD เป็นที่ทราบกันดีว่าผลประกอบการที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ดังนั้นนักลงทุนที่เล่นหุ้นกลุ่มนี้ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี
ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นลำพังเฉพาะค่า P/E คงไม่สามารถสะท้อนพื้นฐานที่แท้ของหุ้นออกมาได้หมด ดังนั้นค่าดังกล่าวจึงเป็นเพียงแนวทางที่จะทำให้นักลงทุนให้รู้ว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ และหุ้นตัวไหนมีมูลค่าหุ้นสูงเกินกว่าความเป็นจริง เพื่อที่จะให้นักลงทุนได้ผลผลตอบแทนที่คุ้มค่าในการลงทุนมากที่สุด

ข่าวหุ้น[/size:a9f6586de1">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com