*"โมนิก้า" ไม่มีคำพูดใดปลอบประโลมจิตใจนักลงทุนอีกแล้ว เพราะภาพที่ปรากฏให้เห็นเบื้องหน้าแสดงถึงนักลงทุนรายย่อยมีความเข้มแข็งทางด้านจิตใจที่เปี่ยมล้น ถึงกรูเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่อ่อนตัวกันแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย...เดี๊ยนจึงขอตบมือดังๆ ให้กับนักลงทุนรายย่อยใจกล้าอีกครั้ง

*เนื่องจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ทำให้กองทุนในประเทศแตกตื่นเทขายหุ้นตาม และได้ใช้โอกาสนี้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมกว่า 5 พันล้านบาท "โมนิก้า" ถึงมั่นใจว่าในไม่ช้าหุ้นที่ลงแรงๆ จะปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้านะจะบอกให้

*โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มบลูชิพมีราคาต่ำกว่าราคาเหมาะสมค่อนข้างมาก ทั้งที่มีเม็ดเงินจ่ายปันผลระหว่างกาลแถมให้อีกเด้ง เดี๊ยนจึงถือว่าการอ่อนตัวคราวนี้โอเว่อร์รีแอ๊ค เพราะเมื่อกางตำราสำนักต่างๆ ดูกลับพบว่า แนะนำให้ซื้อกันทั้งนั้นพะยะค่ะ

*ไม่เว้นแม้กระทั่งหุ้นกลุ่มแบงก์อย่าง BBL KTB และ BAY ซึ่งมีปัญหาเรื่อง CDOยังคงเป็นหุ้นทางเลือกอันดับแรกในดวงใจอีฉันอยู่ดี เพราะพิจารณาจากฐานะทางการเงิน และผลกระทบรอบด้านที่เกิดจากการลงทุนในตราสารดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงหล่นจนหมดเสียเมื่อไหร่ "โมนิก้า" ถึงไม่อยากให้นักลงทุนมองข้ามหุ้นกลุ่มนี้

*รองลงมาก็คือ หุ้นกลุ่มสื่อสาร ราคาหุ้นร่วงหล่นจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง "โมนิก้า"ถึงพยายามเชียร์ให้เข้าไปรับหุ้นในช่วงที่อ่อนตัวลงมา อาทิ ADVANC ราคาหุ้นดิ่งลงเหวจนกู่ไม่กลับแบบนี้ ทั้งที่ตัวบริษัทไม่ได้มีปัญหาเรื่องการทำกำไร และไม่ได้เป็นหุ้นการเมืองเต็มตัวเหมือนเมื่อก่อน เดี๊ยนถึงอยากให้คุณเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่เนิ่นๆ ไงหล่ะ

*นอกจากนี้ก็เป็นหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีอย่าง ATC และ PTTCH ราคาหุ้นลงมากเกินไป สวนทางกับผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หากไม่กล่าวถึงบ้างสักเล็กน้อย อาจเป็นการมองข้ามหุ้นพื้นฐานดีอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะเห็นกันอยู่ว่า มีข่าวดีรองรับอยู่เต็มประตูหน้าต่าง หากไม่รีบช้อนซื้อตอนนี้ จะไปซื้อตอนไหนหล่ะค่ะ

*ส่วนที่เหลือก็คงเป็นหุ้น TTA และ PSL เพราะราคาหุ้นปรับตัวลดลงเกินกว่าร้อยละ 20 มัมมากเกินไปสำหรับหุ้นพื้นฐานดีอนาคตไกล "โมนิก้า" ถึงต้องออกโรงเตือนตั้งแต่หัววัน...เนื่องจากค่า P/E ของหุ้นทั้งสองตัวที่ระดับ 7 เท่า มันถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับผลกำไรที่ทำได้นะจะบอกให้

*มิหน่ำซ้ำกองทุนใหญ่ๆ อย่างวายุภักษ์ 1 ก็มีหุ้นเรืออยู่ในพอร์ต "โมนิก้า" ถึงไม่ต้องการให้นักลงทุนเสียรู้กองทุนง่ายๆ เพราะการอ่อนตัวลงครั้งนี้เกิดจากปัจจัยทางเทคนิคล้วนๆเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ IRPC ราคาหุ้นร่วงระเนระนาดจนไม่อยากลืมตามองแต่เมื่อเห็นราคาหุ้นยืนแถวระดับ 6 บาทต้นๆ "โมนิก้า" จึงต้องกลับลำกลางอากาศเป็นการด่วน เพราะระดับราคาดังกล่าวถือว่าถูกมากๆ ยิ่งเห็นกองทุนยักษ์ใหญ่เข้าเก็บจนพอร์ตลงทุนมีมูลค่าหุ้นตัวนี้เป็นหมื่นล้านบาท ยิ่งต้องรีบเข้าไปซื้อหุ้นเสียแล้วกระมั่ง

*เหมือนกับในรายของ PHATRA ราคาหุ้นรูดจนทะลุเส้นแนวรับ 200 วัน ลงมาปิดถึงที่ 35.75 บาท หรือลงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30% "โมนิก้า" ถึงอยากให้นักลงทุนซื้อหุ้นตัวนี้มากๆ เพราะด้วยรูปพรรณสันฐานเหมาะต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะมักฉวยโอกาสช่วงที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว กระชากขึ้นแรงทุกทีนะซี

*นอกจากนี้ยังมี KGI KEST และ ASP ที่นักลงทุนต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะคราวใดที่ตลาดหุ้นเริ่มทรงตัว และยืนระยะได้ คราวนั้นมักเห็นหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นแรงเดี๊ยนถึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หากแนะนำให้นักลงทุนเล่นหุ้นกลุ่มนี้ หลังราคาหุ้นตอนนี้ค่อนข้างถูกเจ้าค่ะ

*สำหรับหุ้นกลุ่มบ้านที่น่าจับตามากสุด คงมีแต่กลุ่มตระกูลอัศวโภคิน เพราะราคาหุ้นร่วงลงมากเหลือเกิน โดยเฉพาะในรายของ LH ร่วงหล่นจนเกือบถึงราคาต่ำสุดครั้งก่อนที่ระดับ 6.20 บาท พร้อมกับเข้าเขตขายมากเกินไปมาหลายวัน หากไม่รีบเข้าซื้อแล้วจะเสียใจนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ AP และ QH เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ "โมนิก้า" ไม่อยากให้นักลงทุนมองข้ามไป เพราะราคาหุ้นลงหนักพอๆ กับรายแรก แต่เผอิญมีแรงซื้อเข้ามาเป็นระยะ ราคาหุ้นถึงปักหลักสร้างฐานได้อย่างแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มจะไต่ระดับขึ้นได้ในไม่ช้านะตัวเอง

*เฉกเช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้าง ITD CK และ STEC รู้ทั้งรู้ว่าเป็นหุ้นชั้นนำมาแต่ไหน แต่ไร "โมนิก้า" ถึงมองไม่เห็นความจำเป็นต้องเทขายหุ้นตามกระแสเพราะรู้กันอยู่เต็มอกตูมๆ ว่า ราคาหุ้นไม่มีวันลงไปต่ำเรียดดินเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วไงหล่ะจ๊ะ

*ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง นักลงทุนก็ลองใช้วิจารณญาณส่วนตัวตัดสินกันเอาเองว่า สมควรเข้าไปรับหรือยังนะค่ะ

*ก่อนจากกันขอแนะนำสัมนาดีๆ ของ บล.ไซรัส เรื่อง "เทคนิคลงทุนในหุ้นอย่างมีระบบ" ในวันอังคารที่ 21 และวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2550 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 14อาคารอัลมาร์ลิงค์ ซอยชิดลม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรควิตกจริตเจ้าค่ะ



:lol: