April 30, 2024   1:56:00 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ******* เจาะกระดานหุ้น : อย่างเพิ่งหมดหวัง!*******
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 15/08/2007 @ 08:18:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*หากพิจารณาถึงแก่นแท้ที่ทำให้ดัชนีอ่อนตัวจนหลุดแนวรับ 800 จุดอย่างง่ายดาย ก็ต้องยอมรับว่าเกิดจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ เพราะนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวเป็นคนคอยบังคับทิศทางของดัชนีจะขึ้นหรือจะลงมาแต่ไหนแต่ไร "โมนิก้า" ถึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหนของดัชนีค่อนข้างมาก

*เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในตลาดหุ้นมีกว่า 1.07 แสนล้านบาท และในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นออกไปกว่า 2.40หมื่นล้านบาท ถึงทำให้ดัชนีถึงรูดมหาราชติดต่อกันอย่างหนักไงหล่ะค่ะ

*ประกอบกับช่วงนี้มีการประโคมข่าว วิกฤติซับไพร์ม อย่างหนัก ยิ่งกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ผสมโรงกับเป็นช่วงของการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อโยกเงินไปลงทุนยังประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แรงเทขายถึงมีออกมามากเป็นพิเศษเจ้าค่ะ

*อีกทั้งผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนก็ออกมาไม่ดี ก็เลยทำให้ตลาดหุ้นขาดเกราะป้องกันการอ่อนตัว "โมนิก้า" ถึงรู้สึกว่า นักลงทุนกำลังขาดความมั่นใจในการลงทุนอย่างหนัก เพราะปัจจัยรอบด้านไม่เอื้อต่อการลงทุนแม้แต่นิดเดียว

*โดยเฉพาะหุ้น PTT ซึ่งเป็นหุ้นที่มีแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการทะยานขึ้นของดัชนี มองจากมุมไหนด้านไหน ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุนอยู่วันค่ำ แม้ผลกำไรที่ทำได้จะหย่อนลงไปบ้างเล็กน้อย แต่ภาพโดยรวมยังดูดีเหมือนเดิมทุกประการนะจะบอกให้

*ขนาดบรรดานักวิเคราะห์ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ซื้อๆๆๆ เหตุไฉนเดี๊ยนต้องเอาตัวไปขวางด้วยเล่า เพราะของมันเห็นกันแจ่มแจงแดงแจ๋ว่า ทองแท้ก็ยังเป็นทองแท้อยู่วันยันค่ำ..."โมนิก้า" ถึงอยากให้นักลงทุนหาจังหวะช้อนซื้อหุ้นกลุ่ม ปตท. ให้ดีเป็นพิเศษ อาทิPTTEP TOP RRC และ ATC เพราะแจ่มจรัสกว่าหุ้นที่มีราคาใกล้เคียงกันเห็นๆ

*สำหรับในรายของ BANPU มีกรณีพิพาทถึงขั้นฟ้องร้องกับกลุ่มงานทวีแบบนี้ "โมนิก้า"รู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ล้วนๆ และทางออกของเรื่องนี้ก็มีด้วยกันไม่กี่ทาง อาทิ ฟ้องร้องกันถึงขั้นแตกหักกันไปเลย หรืออาจฟ้องร้องเพื่อเจรจาให้ผลประโยชน์ลงตัว...ที่แน่ๆ งานนี้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งคิดไม่ซื่อกับหุ้นส่วนอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*ส่วนราคาหุ้นในกระดานก็รับวิบากกรรมดังกล่าวด้วยการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 274 บาทลบไป 6 บาทเชียวน่า...แม้ผู้บริหารของบริษัทจะออกมายืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อความสามารถในการทำกำไร แต่ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูแย่มากๆในสายตาคนการเงินนะจะบอกให้

*เนื่องจากไม่นึก ไม่ฝันว่า บริษัทใหญ่โตที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบรางวัลธรรมาภิบาลจะมีเรื่องฟ้องร้องอื้อฉาวในทำนองโกงคนอื่นเกิดขึ้นนะซี

*สำหรับการยืนปิดบวกสวนกระแสขาลงของหุ้นกลุ่มแบงก์ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัว และกำลังภายใน "โมนิก้า" ถึงไม่สามารถฟันธงว่า หุ้นตัวไหนน่าเล่น หุ้นตัวไหนควรถอยฉากให้ไกล เพราะเท่าที่เห็นก็มีกำลังภายในแข็งแกร่งกันทั้งนั้น โดยเฉพาะในรายของ BBL และ KTB มีแรงช้อนซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน แสดงว่ามีข่าวดีซ่อนอยู่แน่เลยราคาหุ้นถึงไม่เสียรังวัดเหมือนหุ้นแบงก์ตัวอื่นๆ

*เหมือนกับในรายของ SCB ทีแรกทำท่าไล่บี้ และเตรียมขึ้นมาทาบรัศมี KBANKเพราะคิดว่าการปูพรหม และการเจาะฐานลูกค้ารายย่อย เพื่อเตรียมดัมส์ตลาดลูกค้ารายย่อยจะเป็นเรื่องหมูๆ แต่พอเหตุการณ์หลายอย่างไม่เป็นใจให้ทำตามแผนที่วางไว้ ราคาหุ้นก็เลยนอนแอ่งแม้งต่ำกว่าหุ้นเคฮีโร่อีกตามเคย...โดยล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 74 บาท ลบไป 1บาท และปิดที่ 75 บาท ลบไป 3 บาท ตามลำดับเจ้าค่ะ

*สำหรับหุ้นกองทุนที่ "โมนิก้า" อยากให้นักลงทุนตามากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์สมุย(SPF)ที่จ่ายปันผลปีละ 10% ก็มีกองทุนวายุภักษ์1 VAYU1 ที่เพิ่งขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นละ 0.30 บาทไปเมื่อวานนี้ และในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะจ่ายปันผลอีก 0.30 บาท หลังงบกำไรขาดทุนไตรมาส 2 ฟ้องว่ารับเงินปันผลเข้ากระเป๋าไปกว่า 4.72 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนรับแค่ 2.40 พันล้านบาท...คุณๆ คิดว่าน่าซื้อไหมเอ่ย เพราะราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 9.22 บาท มันคุ้มค่าที่จะซื้อเพื่อรอรับเงินปันผลจริงๆ เจ้าค่ะ

*เมื่อหุ้นใหญ่ๆ ไปต่อไม่ไหว ก็เป็นคิวของหุ้นเล็กขึ้นมาเฉิดฉายอีกครั้ง โดยเฉพาะในรายของ TYM และหุ้นตระกูลยู UKEM UMS UBIS ซึ่งแต่ละตัวก็มีจุดขายที่แตกต่างกัน "โมนิก้า" จึงขอแนะนำว่าใครชอบตัวไหน รักตัวไหนมากกว่ากัน ก็เล่นตัวนั้นแล้วกันเจ้าค่ะ

*ร้อนแรงเหนือความคาดหมายต้องยกให้ BLISS เพราะใครๆ ต่างรู้ว่าพื้นฐานตัวบริษัทกลวงโบ๋ และธุรกิจที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่มีอนาคตเอาเสียเลย "โมนิก้า" ถึงมั่นใจว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงสุดๆ วินาที มาจากการทำราคาของขาใหญ่ตลาดหุ้น...เนื่องจากราคาปิดที่ 4.82 บาท บวกไป 0.34 บาท มันแพงเกินไปนะซี

*ตบท้ายกันที่ตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ SGF ต้องแจ้งความคืบหน้าว่าบริษัทจะทำแผนฟื้นฟูกิจการเสนอต่อผู้ถือหุ้นก่อนดำเนินการ หรือดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลายหรือจะเพิกถอนโดยสมัครใจ หรือทางเลือกอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมจะสั่งห้ามซื้อหรือขายในวันที่ 17 สิงหาคม 2550 จนกว่าบริษัทจะพ้นเหตุแห่งการเพิกถอน

*งานนี้ใครรู้ตัวว่าถือหุ้นตัวนี้อยู่เยอะก็รีบปล่อยหุ้นออกไปก่อนได้เลย เพราะหากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการจริงๆ กว่าจะได้กลับมาเทรดอีกครั้ง ก็เป็นปีเหมือนกัน โดยล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 0.27 บาท ลบไป 0.04 บาท

*ก่อนจากกันขอย้ำนักลงทุนว่า อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะตัวเลขที่ดึงมาจากlipper บอกว่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นประเทศไทยให้ผลตอบแทนดีกว่าต่างประเทศนะจะบอกให้


:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com