April 30, 2024   2:26:05 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ETF ตราสารใหม่ของตลาดหุ้นไทย
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 14/08/2007 @ 11:01:57
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทฤษฎีการลงทุนได้แนะนำว่า การลงทุนที่ดีนั้น ทุกคนจะพยายามสร้างผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยง (หลายคนที่มีประสบการณ์ในตลาดหลักทรัพย์มาพอสมควร จะทราบว่า เราหวังแต่ผลตอบแทนโดยไม่สนใจความเสี่ยงไม่ได้) วิธีการที่สำคัญยิ่งก็คือ ลงทุนโดยกระจายความเสี่ยง และการกระจายความเสี่ยงที่ดี คือ กระจายตามสัดส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ

?กองทุนหุ้นตามดัชนี? จึงดูจะเป็นคำตอบ แต่ปัญหาในอดีตที่ผ่านมาคือ ถ้าเป็นกองทุนปิด ก็มีราคาที่ต่ำกว่า มูลค่าที่แท้จริง (NAV) ในตลาดรอง และถ้าเป็นกองทุนเปิดปกติ เราก็ไม่สามารถทราบราคาเป็นเวลาปัจจุบัน (Real-Time) กองทุน ETF จะเป็นคำตอบที่สมบูรณ์มากขึ้น

ETF ย่อมาจาก Exchange-Traded-Funds เป็นกองทุนเปิดประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และกำลังจะเปิดทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในวันที่ 6 กันยายนที่จะถึงนี้ จากบทวิจัยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้กองทุน ETF ทุกกองทุนทั่วโลกรวมกันในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 613,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตแบบสะสม (Compound Annual Growth Rate) ถึงประมาณร้อยละ 70 หรือเกือบเท่าตัวทุกปีตั้งแต่ปี 1993 ทั้งนี้ในตลาดหุ้นแถบเอเชีย เช่น เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน ก็มีการจัดตั้งและซื้อขายกองทุน ETF กันแล้ว

สำหรับประเทศไทยเรานั้น จะจัดตั้ง ETF ซึ่งเป็นกองทุนเปิดดัชนีหุ้นกองทุนแรกโดยมีชื่อว่า ThaiDEX SET50 ETF โดยที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันสามารถทำการซื้อขาย ThaiDEX SET50 ETF (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆว่า TDEX ซึ่งอาจจะเรียกว่า ?ทีเด็ด? แต่ถ้าเรียก ?ทีเด็ก? ความหมายก็อาจะแปลกๆ) ได้ในตลาดหุ้นเปรียบเสมือนเป็นหุ้นตัวหนึ่ง ลักษณะเด่นที่สำคัญของ TDEX มี 9 ข้อคือ

(1)TDEX จะลงทุนตามดัชนี SET50 ที่ใช้อ้างอิง กล่าวคือ กองทุนจะซื้อหุ้นใน SET50 รวมกันไว้ใน ETF เพียงตัวเดียว กล่าวคือ ภายใน ETF จะมีหุ้นหลักๆ เช่น PTT, PTTEP, SCC, BBL, ADVANC และหุ้นอื่นๆ ใน SET50 รวมกันประมาณ 50 ตัว ซึ่งผู้ที่ลงทุนซื้อ ETF เพียงตัวเดียวจะมีสถานะเทียบเท่ากับการถือครองหุ้นหลายตัวใน SET50 พร้อมกันในคราวเดียว ดังนั้น การซื้อขาย ETF จึงง่ายและไม่ยุ่งยากเพราะลงทุนซื้อขาย ETF เพียงตัวเดียวเปรียบเสมือนเราซื้อขายหุ้นในตระกร้าหุ้น SET50 พร้อมกันในครั้งเดียว ตามขนาด (ซึ่งเป็นดังตะกร้าหุ้นในความหวังของผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ แต่ทำเองได้ยาก) ได้แก่หุ้น ดังนี้

PTT PTTEP SCC ADVANC BBL

KBANK TOP SCB PTTCH KTB

BAY IRPC THAI BANPU RATCH

SCCC ATC LH CPN AOT

EGCO RRC BGH CP7-11 BEC

GLOW SCIB MINT CPF TMB

BH TRUE TPIPL DELTA PSL

TTA ITD CCET MCOT HANA

TUF MAKRO RCL TCAP BECL

AMATA KK TPC KSL SSI

(2)ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำไม่สูงนักสำหรับการลงทุนใน TDEX กล่าวคือ ราคาของ TDEX จะคำนวณมาจากการนำตัวคูณดัชนี = 0.01 ไปคูณดัชนี SET50 ณ ขณะหนึ่งๆ สมมติว่า SET50 Index ตอนนี้อยู่ที่ 580 จุด ดังนั้น SET50 ETF 1 หน่วยจะมีราคาประมาณ 580/100 = 5.80 บาท การเคลื่อนไหวของราคา (Tick size) จะขยับขั้นละอย่างน้อย 0.01 บาท การซื้อขายจะทำอย่างน้อย 1 Board Lot คือ 100 หน่วย ดังนั้น จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ = 5.80*100 = 580 บาท หากนักลงทุนจะซื้อ TDEX 10,000 หน่วยก็จะใช้เงินเพียง = 5.8*10,000= 58,000 บาท จะเห็นว่านักลงทุนสามารถใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนักเพื่อทำการซื้อขาย TDEX ได้ตามความต้องการ ซึ่งเงินจำนวนนี้ถ้านำไปซื้อหุ้นรายตัวอาจได้จำนวนไม่กี่หุ้น เช่น หากนำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อหุ้นราคาหุ้นละ 290 บาท จะซื้อได้เพียง 200 หุ้นเท่านั้น

(3)การลงทุนใน SET50 ETF นั่นถือได้ว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะ TDEX ประกอบไปด้วยหุ้น Blue Chip 50 ตัวและเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดี ทำให้อุ่นใจเรื่องของสินค้าที่มีคุณภาพ และได้ประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายตัวและหลากหลายอุตสาหกรรม(Diversification benefit) เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน, ธนาคาร, วัสดุก่อสร้าง, สื่อสาร, ขนส่ง ฯลฯ ตลาดหลักทรัพย์จะมีการคัดสรรรายชื่อหุ้นใน SET50 ทุกๆครึ่งปี เพื่อเลือกหุ้นตามเกณฑ์ Market Capitalization สูงสุดและสภาพคล่องสูงสุด 50 หุ้นเสมอ

(4)TDEX สามารถซื้อง่ายขายคล่องเหมือนหุ้นตัวหนึ่ง และซื้อขายได้ Realtime โดยจะมีราคาของ ETF ที่จะใช้ซื้อขายได้ตลอดเวลา ETF สามารถซื้อขายได้ที่ ทุกโบรกเกอร์ที่นักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีขั้นตอนการซื้อขายและใช้บัญชีซื้อขายเหมือนหุ้นปกติ การส่งคำสั่งซื้อขาย SET 50 ETF สามารถส่งคำสั่งซื้อวันที่ T และชำระเงินค่าซื้อภายใน T+3 ราคาที่ซื้อขายในตลาดจะเห็นราคาของ TDEX มี 3 ราคาเสนอซื้อ (Bid) และ 3 ราคาเสนอขาย (Offer) ลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายทำได้เหมือนหุ้น คือมีทั้ง ตั้งซื้อ ตั้งขาย เคาะซื้อ เคาะขาย การลงทุนใน TDEX แก้ปัญหาการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นปกติตรงที่ ETF สามารถซื้อขายได้ Real time ในตลาดหุ้นและยังสามารถชำระเงินค่าซื้อ TDEX ได้ภายใน T+3 ในขณะที่กองทุนเปิดทั่วไปต้องทำการซื้อขายกับ บลจ. หรือ Selling agent และต้องชำระเงินสดค่าซื้อกองทุนในวันที่ T และจะได้ราคา NAV ของกองทุน ณ สิ้นวันซึ่งไม่ใช่ราคา Real time

(5)TDEX มีค่า Commission ต่ำ (ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายขั้นต่ำ 0.1%) และมีค่าบริหารจัดการกองทุน ETF ที่ไม่สูง ซึ่งค่าบริหารจัดการกองทุนที่ไม่สูงนี้เป็นจุดเด่นที่ทำให้กองทุน ETF ทั่วโลกได้รับความนิยม เพราะต้นทุนต่ำ ผลตอบแทนดี

(6) ผลตอบแทนจากการลงทุนใน TDEX จะมาจาก 2 ทาง คือ Capital Gain และ Dividend โดยที่ Capital Gain ซึ่งผู้ลงทุน สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเหมือนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 ส่วน

(7)TDEX มีความโปร่งใสเพราะ มีการประกาศสัดส่วนการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวทุกวัน ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนใน ETF อุ่นใจและรับทราบได้ว่า ณ ขณะหนึ่งๆ ETF มีหุ้นใดบ้างเป็นส่วนประกอบและเป็นสัดส่วนเท่าไรของกองทุน ซึ่งแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปที่นักลงทุนจะทราบเฉพาะสัดส่วนของหุ้นที่มีน้ำหนักการลงทุนมากๆ (Top holding) ในกองทุนนั้น

(8)นักเก็งกำไรสามารถใช้ TDEX เพื่อสร้างจังหวะในการลงทุนได้ (Market timing) ในจังหวะตลาดขาขึ้น ถ้าลงทุนใน TDEX จะสามารถได้สินค้าในทันที แต่หากต้องการซื้อหุ้นตามตะกร้าหลายๆตัวพร้อมกันอาจจะเลือกไม่ถูกตัวหรือมีความยุ่งยากในการส่งคำสั่งมากกว่าซื้อ TDEX เพียงตัวเดียว ความยุ่งยากใช้เวลาอาจไม่ทันการเมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนไป

(9)การลงทุนซื้อ TDEX ให้ผลตอบแทนตามตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเฉลี่ย 11-12% ต่อปี จากสถิติในแทบทุกประเทศทั่วโลกหลายสิบปี เทียบกับฝากธนาคารได้ประมาณ 2-3% ต่อปีแล้ว เคยมีการประเมินเงิน 1 ล้านบาท ลงทุนตั้งแต่ต้นปี 1999 เป็นเวลา 8 ปี ลงทุนในหุ้นได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11% ได้เงินตอนจบรวม 2.3 ล้านบาท แต่ฝากเงินธนาคารได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ได้เงินเพียงประมาณ 1.3 ล้านบาท หายไปนับล้านบาท

เมื่อมี TDEX แล้ว นักลงทุนมืออาชีพหลายคน อาจกันเงินลงทุนจำนวนหนึ่ง (Core Investment) ใน TDEX และ ลงทุนหุ้นส่วนเพิ่ม (Satellite Investment) ที่เลือกไว้ว่าดีกว่าหุ้นอื่นๆเป็นหุ้นๆได้ ผมเชื่อว่า TDEX หรือ SET50 ETF จะเป็นพัฒนาการที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ขั้นสำคัญอีกครั้งทีเดียวครับ

มนตรี ศรไพศาล และคณะทำงานตราสารอนุพันธ์
ผู้จัดการออนไลน์[/size:6ec1360d44">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com