April 30, 2024   8:16:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นขวัญใจนักช็อป...
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 14/08/2007 @ 09:32:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นกลุ่มแบงก์ขยับเขยื้อน เคลื่อนตัวมาพอสมควร แต่เชื่อว่ายังพอลงทุนหรือเล่นเก็งกำไรได้อีกหลายรอบ แม้บางตัวติดเงื่อนไขเรื่อง NPL หรืออาจต้องสำรองกันบ้างแต่โดยพื้นฐานหุ้นกลุ่มแบงก์ยังลงทุนได้
:KBANKน่าลงทุนไม่แพ้ใคร
หุ้น KBANK ยังเป็นหุ้นที่พอลงทุนได้หลังจากงบ Q2 กำไรกว่า 4,000 ล้านบาทแม้จะต่ำกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ แต่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนัก ที่สำคัญแนวโน้มกำไรปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นอีก 19%
โดยไตรมาส 2 กำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสแรกเนื่องจากธุรกิจสินเชื่อขยายตัว 2.6% ขณะที่อัตราส่วนเงินฝากต่อสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 89%มาอยู่ที่ 92% และNPL ปรับลดลงนั่นหมายถึงคุณภาพการปล่อยสินเชื่อและการควบคุมความเสี่ยงจากการเกิด NPL ดีที่สุดของกลุ่มธนาคาร
...จึงเท่ากับว่า KBANK ยังน่าสนใจไม่แพ้ตัวอื่น...
:KTBน่าเป็นห่วงตรงหนี้เสีย
หุ้น KTB น่าเป็นห่วงปัญหาหนี้เสีย(NPL)ที่ไหลย้อนกลับ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้วของ KTB แม้ว่าธนาคารมีนโยบายการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมากเพื่อรองรับหนี้เสียดังกล่าวโดย KTB จะมีการตั้งสำรองปีนี้สูงใกล้เคียงปี 2549 หรือประมาณกว่า 1.65หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามตัวเลข NPL ที่เพิ่มขึ้นครึ่งปีหลังไม่มีการสรุปผล สำหรับกรณีการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ แม้ไม่มีรายงานความเสียหายดังกล่าวแต่มีความกังวลถึงการเสื่อมค่าของมูลค่าปัจจุบันตราสารดังกล่าว
ทำให้เชื่อว่าปัจจัยทั้ง 2 ประการข้างต้นไม่มีปัจจัยบวกต่อธนาคาร ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงไม่อาจมองข้ามหนี้เสียดังกล่าวไปได้
:BTหาจังหวะขายทำกำไร
หุ้น BT ช่วง Q2 มีการกันสำรองสูงถึง 917 ล้านบาท แบ่งเป็น 695 ล้านบาท สำรองสำหรับลูกหนี้"เพรซิเดนท์อะกริเทรดดิ้ง กรุ๊ป"และอีก 276 ล้านบาท สำหรับ CDO ส่งผลให้ BT ต้องขาดทุนกว่า 68 ล้านบาท
ขณะเดียวกันความเป็นไปได้ อาจต้องกันสำรองสำหรับ CDO เพิ่มอีก หากตั้งสมมติฐานว่า BT ต้องกันสำรองส่วนนี้เพิ่มเป็น 50% จากกันสำรองแล้ว 16%ของมูลหนี้ทั้งหมดในไตรมาส 2/50 นั่นหมายถึง BT ต้องกันสำรองอีกกว่า 500 ล้านบาทช่วงครึ่งปีหลัง
ดังนั้นจึงประเมินกันว่าการสำรองรวมครึ่งปีหลังเพิ่มจาก 500 ล้านบาทเป็น 1,000ล้านบาท ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2550 ลดจากเดิม 37% เป็น 740 ล้านบาท
...ทำให้กลยุทธ์ลงทุนหุ้น BT ต้องหาจังหวะขายทำกำไร...
:BAYน่าซื้อเป้าหมายเกิน30บาท
หุ้น BAY มีความเป็นไปได้สูงว่าจะควบรวมกับจีอีแคปปิตัลฯ(GACAL)ภายในต้นปี 2552 เพื่อเป็นเสริมความแข็งแกร่งกำไรให้ ROE เข้าใกล้เป้าหมาย 20% และการควบรวมเกิดผลประโยชน์มากจากต้นทุนการเงิน BAY ที่ต่ำกว่า GECAL และอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่สูงกว่า 10% ที่ผ่านมา คิดเป็นการลดต้นทุน 500-1,900 ล้านบาท
ที่สำคัญหลังการควบรวมเชื่อว่ากำไร BAY จะเติบโตก้าวกระโดดโดยมีการปรับประมาณการกำไรปี 2551 เพิ่มขึ้น 4.4% และปี 2552 เพิ่มอีก 27%
จากการควบรวมกับ GECAL ตัวเลข ROE น่าจะอยู่ได้สูงกว่า 15% ทำให้ปรับสมมุติฐาน ROE ระยะยาวเพิ่มจาก 14.25% เป็น 15.25% ด้วยราคาพื้นฐาน 30.30 บาท
:KKน่าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
หุ้น KK หรือฉายา"หุ้นคิงคอง"สินเชื่อเช่าซื้อเติบโตได้ตามเป้า ตั้งแต่ครึ่งปีแรก ทำให้ทั้งปีน่าจะโตกว่า 30% หลังจากครึ่งปีแรกขยายได้ 14% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปัจจุบันKK เป็นหุ้นธนาคารที่มีราคาค่อนข้างต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ
โดย P/BV อยู่ที่เพียง 1 เท่าโดยเฉลี่ยราคาหุ้นธนาคารอื่นๆ P/BV มากกว่า 1.5เท่า จุดเด่น KK สินเชื่อเป็นสินเชื่อรถยนต์เก่าที่ให้ผลตอบแทนสูง และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท
...ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ"ซื้ออ่อนตัว"เมื่อต่ำกว่า 30 บาท

ข่าวหุ้น[/size:a8238db1c1">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com