*หากนักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คิดว่าเรื่อง ซับไพร์ม เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงต่างชาติเทขายหุ้นทิ้งอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพื่อนำเงินไปช่วยพยุงกองทุนตราสารหนี้หล่ะก้อ

*"โมนิก้า" บอกได้เลยว่าเป็นคอมเม้นท์ ซี้ซั่วสุด เท่าที่เห็นในปีนี้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่า เงินของกองทุนหุ้นเป็นคนละส่วนกับกองทุนตราสารหนี้!!!...เดี๊ยนถึงรู้สึกเวทนาที่นักวิเคราะห์ และกระจอกข่าวพยายามโยงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงเช้าวันศุกร์นี้ดัชนีร่วงไปเกือบ 20 จุด

*ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศเปิดขึ้นมาแดงเถือกกันถ้วนหน้า ก็เลยทำให้นักลงทุนเร่งเทขายหุ้นอย่างไม่คิดชีวิต ดัชนีถึงหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 800 จุดอย่างง่ายดาย หลังนักลงทุนแสดงอาการวิตกจริตอย่างหนักนะซี

*ทั้งที่ก่อนหน้านี้ "โมนิก้า" เคยย้ำเตือนหนักหนาว่า กองทุนขนาดใหญ่ในประเทศได้ใช้จังหวะที่หุ้นตกหนักเข้าเก็บหุ้นกันครั้งละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท...เหตุไฉนนักลงทุนรายย่อยถึงไม่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสด้วยการหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นเก็บไว้บ้าง เพราะของดีราคาถูกไม่ได้มีให้ซื้อบ่อยๆ จึงควรหัดทำตัวสวนกระแสเหมือนเช่น วอเรนต์ บัฟเฟต ซึ่งใช้วิธีการลงทุนแบบนี้จนรวยอื้อซ่าส์

*ขนาดเจ๊หนุ่ยตาคม ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังออกมาสำทับให้ซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานปิโตรเคมี และแบงก์ เท่ากับเป็นการชี้โพรงให้กระรอกชัดๆ หากคุณท่านหลานเธอไม่ฉกฉวยโอกาสทองแบบนี้ไว้หล่ะก้อ "โมนิก้า" ขอแนะนำให้เลิกเล่นหุ้นแถอะ เพราะขืนเล่นต่อไปก็มีแต่เสียค่าโง่ด้วยการเทขายหุ้นขาดทุนเรื่อยไปนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นร่วงหนักๆ เพราะตรงกับวันขึ้นเครื่องหมาย XD ถือเป็นโอกาสของการเก็บของที่สุด เพราะใช้เงินน้อย ได้หุ้นเยอะ "โมนิก้า" ถึงค้านหัวชนฝาหากใครมาบอกว่าให้เทขายหุ้นทิ้ง เพราะมันเป็นคอมเมนท์โง่ๆ ที่ไม่น่าสนใจเลย

*ฉะนั้นนักลงทุนอย่าทำเป็นสมองเสื่อมในสิ่งที่เดี๊ยนตักเตือน!!!

*เช่นเดียวกับ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว "โมนิก้า" บอกหลายครั้งหลายคราว่า ไม่กระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพราะได้รับการยกเว้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจได้...มันจะทำให้หุ้นตกได้อย่างไรกัน...ยกเว้นมีคนพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง อันนี้กระทบต่อตลาดหุ้นแน่นอนเจ้าค่ะ

*ยิ่งผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนออกมาไม่ดีเท่า เท่ากับเป็นตัวฉุดให้ดัชนีอ่อนตัวลงไปอีก "โมนิก้า" ถึงเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีในอนาคต เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนหดหายไปมากนะซี

*ขนาด BANPU มีข่าวดีรองรับให้เห็นกันจ๊ะๆ แต่เมื่อนักลงทุนเริ่มถอดใจ และไม่กล้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมราคาหุ้นถึงร่วงเป็นนกปีกหัก และมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงมากกว่าขึ้นแบบนี้คงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะแนะนำให้นักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นตอนนี้...จริงไหมค่ะ

*น่าติดตามสุดคงเป็นหุ้นนิคมอุตสาหกรรมอย่าง AMATA TICON และ ROJANAเพราะก่อนหน้านี้กระชากขึ้นอย่างร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยมาก่อน "โมนิก้า" ก้เลยคิดว่ามาจากข่าวผลประกอบการไตรมาส 2 ล้วนๆ แต่พอพลิกดูข่าวสารรอบด้าน 360 องศาก็ไม่มีข่าวไหนมีน้ำหนักดันราคาหุ้นได้ เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นกลุ่มดังกล่าวดิ่งลง 90 องศา...ดูดีที่สุดก็คงมีแค่รายหลัง เพราะแกว่งตัวไปมาแคบๆ ไม่ได้ลงแรงเหมือน 2 ตัวแรก

*เสร็จสรรพจากหุ้นกลุ่มโรงงาน "โมนิก้า" ขอแนะนำแวะเวียนไปดูหุ้นเก็งกำไรอย่าง THL EMC EVER และ IEC กันบ้างดีกว่า เพราะได้ชื่อว่าเป็นหุ้นแสบแห่งปี แถมสตอรี่ที่หยิบยกขึ้นมาแต่ละเรื่องนั้น เดี๊ยนยอมรับว่าเหนือชั้นจริงๆ ขนาด กลต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังทำได้แค่นั่งทำตาปริบๆ เพราะไม่สามารถกระชากหน้ากากพวก master mindได้...อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเป็นใจให้เห็นเล่นหุ้นเล็กมากกว่าหุ้นใหญ่ จึงต้องเอ่ยถึงหุ้นกลุ่มนี้นะซี

*ส่วนหุ้นเก็งกำไรที่ไม่ค่อยมีพิษมีภัยอย่าง โบรกเกอร์ฯ ออกอาการเป๋ไปตามๆ กันทั้งที่โครงสร้างพื้นฐานไม่ได้แย่กว่าปีก่อนสักเท่าไหร่ แต่ทำไมราคาหุ้นไม่ยอมขยับขึ้นสักทีก็ไม่รู้...หรือว่ากำลังสาละวนกับการล่าตัวมนุษย์ทองคำเพื่อเพิ่มวอลุ่ม จึงไม่ได้สนใจว่าราคาหุ้นจะไปทิศทางไหน เพราะสุดท้ายก้เป็นได้แค่ "หุ้นดาวรุ่งผีพุ่งใต้" อิอิอิอิ

*แหม!!!...เกือบลืมพูดถึงหุ้นกลุ่มแบงก์เสียแล้ว เพราะพูดกันหนาหูว่า BBL KTBBAY และ BT รับผลกระทบจากการลงทุนใน ซับไพร์ม เต็มๆ และหากเป็นจริงดังที่แมงเม้าท์ลือกันให้แซ่ด "โมนิก้า" คิดว่าต้องมีการสอบสวนภายในเป็นการด่วน เพราะกฎระเบียการลงทุนเขียนไว้อย่างเคร่งครัดว่า ห้ามลงทุนอะไรที่เสี่ยงๆ ไม่ใช่เหรอค่ะ

*ก่อนจากกันขอพูดถึงสถานการณืของหุ้นบลูชิพอีกสักหน่อยว่า น่าซื้อสุดๆ และขอยืนยันนั่งยัน หรือจะเป็นท่าตะแคงก็ได้ว่า "ไม่มีอะไรน่ากลัว" เพราะค่า P/BV ทั้งตลาดแถวระดับ 1.80 เท่า มันถูกเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านนะจะบอกให้

*วันนี้ไม่ขอพูดถึงหุ้นตัวไหนเป็นพิเศษ เพราะต้องการให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น สมเหตุสมผลแค่ไหนเจ้าค่ะ


:lol: