April 30, 2024   7:38:43 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 10/08/2007 @ 10:47:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.โกลเบล็กแนะนำซื้อSVIราคาเป้าหมาย 1.85 บาทเรามองว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะออกมาดีโดยบริษัทจะสามารถควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำ และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น และ อัตรากำไรสุทธิ ให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 10% และ5% ได้ (10.2% และ 6% ในครึ่งปีแรกตามลำดับ) โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3 น่าจะออกมาได้ดีที่สุดจากปริมาณความต้องการสินค้าอิเลคทรอนิกส์ที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง HighSeason ของอุตสาหกรรม
เพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวรับออเดอร์ล้น: บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจำนวน 200,000 ตารางฟุต เพื่อรับปริมาณการขยายตัวของคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่ปัจจุบันมีอยู่ล้นมือ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างตกลงเจรจาซื้อโรงงานเปล่าพร้อมที่ดินซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปได้ภายในไตรมาสที่ 3 และจะสามารถเริ่มทำการผลิตได้ตั้งแต่ต้นปี 51 เป็นต้นไป ผลักดันให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนทางด้านเงินทุนคาดว่าน่าจะออกมาในรูปแบบเงินกู้โดยในปัจจุบัน SVI มีวงเงินกู้อนุมัติแล้วอยู่ราว 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้จริงเพียง 350 ล้านบาทเท่านั้น
เร่งขยายฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง: SVI มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งเนื่องจากเป็นniche EMS provider ทั้งนี้บริษัทยังได้ลูกค้าใหม่รายใหญ่อีก 2 รายที่คาดว่าจะมีศักยภาพที่จะส่งคำสั่งซื้อเกินกว่า 10-20 ล้านเหรียญต่อปีได้ โดยรายหนึ่งเป็นลูกค้าจากยุโรปซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับเรือเดินสมุทร และอีกรายจากประเทศไทย โดยจะผลิตจากโรงงานในไทยส่วนทางด้านโรงงานที่จีนน่าจะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในในครึ่งปีหลังจากคำสั่งซื้อใหม่มูลค่าประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ

บล.กิมเอ็งแนะนำถือ TVOราคาเป้าหมาย 14.90 บาทบมจ. น้ำมันพืชไทย (TVO) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/50 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 251ล้านบาท (0.50 บาท/หุ้น) เติบโตแข็งแกร่ง 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 58%จากไตรมาสก่อน ในไตรมาสนี้พลิกเป็นมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 49 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 102 ล้านบาท เนื่องจากหมดสถานะcall option (ทำไว้ในอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าตลาด) ไปแล้วเมื่อเดือน พ.ค. และได้ประโยชน์จากการเงินบาทที่แข็งค่าทำให้มีกำไรเพราะต้องนำเข้าวัตถุดิบเมล็ดถั่วเหลืองจากต่างประเทศถึง 90% หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนบริษัทจะมีกำไรปกติเท่ากับ 202ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน ยอดขายเพิ่มขึ้นตามคาดเป็น 4,061 ล้านบาท แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดเป็น 3,665 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถปรับราคาขายขึ้นมาชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้บางส่วน จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ลดลงจากไตรมาสแรกเป็น 9.8% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมงวดครึ่งปีแรก TVO สร้างกำไรสุทธิได้ 410 ล้านบาท (0.82 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 116% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 56% ของประมาณกำไรสุทธิทั้งปีของเรา เรายังมีมุมมองเป็นบวกในไตรมาส 3 โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทจะยังแข็งแกร่ง เพราะความต้องการกากถั่วเหลืองในไก่และหมูเพิ่มขึ้น เงินบาทที่แข็งค่าช่วยทำให้ต้นทุนวัตถุดิบที่นำเข้าลดลง และได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ที่ 747 ล้านบาท (1.49 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 57% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 11.2% จาก 9.6%และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2551 ที่ 832 ล้านบาท (1.66 บาท/หุ้น) จ ประเมินเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกที่ 0.50 บาท คาดหมายว่า TVO จะประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกที่หุ้นละ 0.50 บาท โดยคิดเป็นอัตราเงินปันผลจ่ายที่ 61% โดยยังคงคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่ 1.05 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงถึง 7%

บล.ยูไนเต็ดแนะนำถือKCEราคาเป้าหมาย 3.51 บาทKCE ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วน PCB ให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลกทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรม Consumer Electronics เช่น TEMIC, Sonyเป็นต้น โดยมีโรงงานในไทย 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 21.6 ตารางฟุตต่อเดือน
หมายเหตุ : PPM = จำนวนของเสียในสินค้า 1 ล้านชิ้นแม้ยังได้รับผลกระทบค่าของเงินบาทใน 2Q50 ที่ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอีกราว 2%QoQ แต่ผลจากคำสั่งผลิตที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่องและการปรับขึ้นราคาขายสินค้าเฉลี่ย 10-15% ของ KCE ในช่วงที่ผ่านมา ก็ส่งต่อเนื่องให้ยอดขาย 2Q50 ยังคงเติบโตราว 14.0%YoY กอปรกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังทรงตัวที่สู่ระดับ 18.9% และสัดส่วนรายได้อื่นที่สูงขึ้นจากระดับ 1.6% ใน 1Q50 เป็น 2.6% ใน 2Q50 จึงทำให้ KCE ยังคงมีผลประกอบการสุทธิเติบโตต่อเนื่องราว 12.6%QoQ มาอยู่ที่ 61 ล้านบาท แม้ KCEแจ้งผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่อง แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้โดย 1H50 มีกำไรรวมคิดเป็น 52.4%ของประมาณการของเรา ในขณะที่แนวโน้มกำไรใน3Q50 เราเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องทิศทางค่าเงินบาท เนื่องจากบริษัทมีส่วนต่างระหว่างสกุลค่าเงินค่อนข้างมากราว 35%ของรายได้รวมหรือเบื้องต้น หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทุก 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะกระทบกำไรลดลงถึงราว 20 ล้านบาทของKCE ประกอบกับ Upside gain ที่เหลือไม่มากเพียง 8% ดังนั้น เราจึงแนะนำเพียง "ถือ" โดยคงราคาเป้าหมายปี 50 ที่ 3.51 บาทอ้างอิงค่าเฉลี่ย 3 วิธี ได้แก่ DCF (WACC~12% , PER 8x , PBV 0.7x) ซึ่งมี Upside gain กว่า 26%

บล.นครหลวงไทยแนะนำซื้อITราคาเป้าหมาย 9.11 บาทปกติ Q2 ของทุกปีจะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ IT เพราะไม่ใช่เทศกาลจับจ่ายใช้สอย บวกกับเศรษฐกิจในปี 2550 ประสบภาวะชะลอตัวอย่างชัดเจน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเดิมSCIBS ประเมินว่า Q2/50 จะเป็นไตรมาสที่ Bottom Out ของ IT แต่ปรากฏว่า ITยังสามารถกระตุ้นยอดขายและเติบโตได้ถึง 13.4% yoy และ 8.6% qoq เป็น 1,377ล้านบาท อันเป็นผลจากการขยายสาขาในช่วงปลายปี 2549 ที่ผ่านมา และการทำการตลาดที่ต่อเนื่อง
กลยุทธ์การตลาดของ IT ทำได้ดีเพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่กลยุทธ์การตลาดไม่ได้ทำให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin: GPM) ลดลงตามไปด้วย โดย Q2/50 ทรงตัวที่ 12.2% เท่ากับ Q1/50 แต่ลดลงจาก 12.8% ใน Q2/49 สะท้อนถึงความมีประสิทธิภาพในการใช้กลยุทธ์การตลาด และการบริหารสินค้าคงคลังที่เข้มงวด นอกจากนี้ค่าใช้จ่าย SG&A ที่มีการควบคุมเข้มงวด จะเห็นได้จากสัดส่วน SG&A/Sales ลดลงจาก 10.1% ใน Q1/50 เหลือเพียง 9.4% ใน Q2/50 และใกล้เคียงกับ Q2/49 ที่ 9.1% ดังนั้นในภาพรวมกำไรสุทธิของ IT ใน Q2/50 จึงเลยจุด Bottom Out ไปแล้ว โดยเพิ่มขึ้น 22.5% qoq เป็น 36 ล้านบาท แต่ลดลง 13.4% yoy คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก ที่ 0.15 บาท/หุ้น: SCIBS ประเมินว่าด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และมากเกินความต้องการใช้ในการลงทุน 3 สาขาในปีนี้ ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2550เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นอยู่ที่ 510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% qoq ทำให้เชื่อว่า IT มีโอกาสพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรกที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.2% และที่เหลืออีก 0.25 บาท/หุ้นจะเป็นการจ่ายในช่วง 2H/50 ทำให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลโดยรวมทั้งปีสุงถึง 5.7% กำไรสุทธิ

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:1e00a04eff">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com