May 18, 2024   12:45:51 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ทิ้งแม่.........( ยูมิจังมาแว้วๆๆๆๆ)
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 08/08/2007 @ 11:24:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิ้งแม่..


พบกับ ยูมิจัง วันที่ 8 สิงหาคม 2550



**** วันนี้ ยูมิจัง มีเมล์ฟอร์เวิร์ดซึ้งๆ มาฝาก... ขอให้รักแม่มาก... มาก นะคะ! ****
**** Fw: กล่องของแม่ (อ่านให้จบนะจ๊า)
แม่ก้าวเดินอย่างมั่นคงมาขึ้นรถมั่นคงจนฉันใจหาย
"หนักมั้ยแม่ อิ๋วถือกล่องให้แล้วกัน" ฉันเอื้อมมือไปฉวยกล่องเก่า ๆ นั้นจากมือแม่แต่ไม่สำเร็จ
แม่เม้มปากอย่างเด็ดเดี่ยวและตามองถนนอย่างระมัดระวัง ส่วนมือประคองกล่องที่ว่าไว้อย่างมั่นคง
วันสุดท้ายแล้วที่แม่จะอยู่ในความดูแลของฉัน เมื่อตอนคุยกันกับแม่ ความโล่งอกทำให้ฉันมีความสุขมาก สุขที่แม่เข้าใจความจำเป็นของลูกที่ตัดสินใจส่งแม่ไปอยู่ที่อื่น แน่นอนตรงนั้นตรงที่ใหม่ที่แม่จะไปอยู่ ทุกคนจะมีความสุขเพราะเป็นสถานที่สำหรับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน สถานที่ซึ่งรวมเอาคนที่มีความรู้สึกความต้องการ ความคิดอ่านแลอะไรต่อมิอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน มาไว้ใต้ชายคาเดียวกันมันเป็นทฤษฎีที่ถูกต้อง ทฤษฎีของการแยกประเภทแยกโลกออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อลดความชัดแย้งในต่างประเทศที่พัฒนาแล้วสังคมล้วนเป็นเช่นนี้
****"ไปก็ไปซิ ว่าแต่แกจะอยู่อย่างไรล่ะ" แม่ตอบง่ายๆ หลังจากฟังลูกสาวคนเล็กอย่างฉันพูดวกวนอยู่เป็นนานสองนาน ใจวาบลึกเหมือนกันกับคำพูดของแม่ที่ห่วงแหน
"จะอยู่จะกินยังไรต่อไป"
"แม่อย่าห่วงเลย อิ๋วโตแล้ว" ฉันตอบแม่อย่างเด็ดเดี่ยวบ้าง
นับแต่วันที่คุยกันแล้ว แม่ก็ยังดำเนินชีวิตที่ปกติ เพื่อรอวัน "ย้ายบ้าน"
****แม่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเก็บสมบัติของแม่อย่างที่ฉันคิดไว้ แม่ไม่ได้มีอาการซึมเศร้าเหงาหยอยอย่างที่พวกเราพี่ๆ น้อง ๆ กลัวกัน และไม่ได้ได้พูดจาโต้แย้งกับฉันเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เคยเป็นมา
พวกพี่ๆ และบรรดาสะใภ้กับเขยทั้งหลายเสียอีก ที่รุกถล่มฉันอยู่หลายวัน
"แม่คนเดียวอยู่อีกไม่กี่ปี อิ๋วก็ไม่น่าจะต้องผลักใสแกไปอย่างนี้" นี่พี่สาวคนโต
"คนแก่ก็ยังงี้แหละ บ่นบ้างว่าบ้างจะอะไรกันหนักหนา ชั่วดีก็แม่เรา จะส่งแกไปทำไมกัน
แถมไอ้เนิร์สซิ่งโฮมที่ไปหามาก็ราคาแพงเป็นบ้า" นี่ก็พี่เขยจอมตืด
"แม่คงเสียใจพิลึก แกลองไปคิดดูใหม่ดี ๆแล้วกันว่าจะส่งแม่ไปจริงเหรอ"
"แกก็หัดใจเย็น ๆลงมั่งสิ ลูกผัวก็ไม่มีแม่คนเดียวก็ดูไม่ได้แล้วจะไปอยู่กะใครเขาได้"
****เออ?.เอาเข้าไปได้พวกดีแต่พูด พูดกันดีนัก แต่ไม่เห็นมีใครมาดูดำดูดีแม่ซักคนนอกจากฉัน ก็ใอ้ที่ไม่มีลูกมีผัวทุกวันนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละวัน ๆเวลาที่เหลือจากการทำงานต้องอุทิศให้แม่ไปจนหมดแล้ว จะไปพักร้อนยาว ๆ ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมมาดูแลแม่ให้
พวกปากดีที่ว่าตำหนิฉันนั้นแหละตัวดีนักละ วันหยุดยาวที่ไรต่างก็เผ่นกันไปพักร้อนยังกะผึ้งแตกรัง
"โอ้ย..ไม่ได้หรอกฉันจองโรงแรมไว้แล้ว แกไว้ไปคราวหน้าแล้วกัน เอาเถอะน่าแล้วจะซื้อของมาฝาก"
****อ้วกจะแตก ใครอยากได้ของฝากพรรค์นั้น ขนมหม้อแกง ปลาเค็ม กุ้งแห้ง ลูกหยี กล้วยฉาบและของบ้าๆ บอ ๆอีกเป็นพะเรอ แม่ก็ไม่กิน ฉันก็ไม่กิน เดือดร้อนต้องขนไปแจกต่ออีกต่างหาก แล้วฉันจะไปพึ่งใครได้ ไม่มีคำว่าพักร้อน ไม่มีวันหยุดยาวอย่างใคร ๆ เขา ไม่มีงานเลี้ยงตอนค่ำไม่มีงานวันเกิดเพื่อน หรืองานสนุกอะไรทั้งนั้น
****สรุปแล้วฉันจะหาโอกาสที่ไหนไปมีแฟนล่ะ เลยกลายเป็นลูกเหลือขออยู่คนเดียวในบ้านนี้แหละ ลูกสาวสามคนในบ้านมีคนมาขอ ไปหมดแล้ว ยกเว้นคนสุดท้องอย่างฉัน ใครจะมาซาบซึ้งกับความเป็น"ลูกเหลือขอ" ได้ดีเท่าฉัน
****ใช่ว่าฉันจะสวยน้อยกว่าพี่อ้อยพี่แอ๊วและพี่อ๋อมและใช่ว่าความรู้จะด้อยกว่าพี่คนอื่นๆ เพียงแต่แม่พวกนั้นมันเกิดก่อน เลยได้มีโอกาสตัดช่องน้อยแต่งงานกันไปหมดแล้ว ฉันเลยกลายเป็นคนสุดท้ายที่พลาดเก้าอี้ดนตรีไปซะฉิบ ตกที่นั่งต้องมานั่งเลี้ยงแม่ ทนฟังแม่บ่นและคอยเถียงกับแม่ในทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเสื้อตัวใหม่ ผมทรงใหม่ อาหารเย็นของแม่แต่ละวันและวันที่แม่ต้องไปไหว้เจ้าตามวัดต่างๆ ก็ไม่รู้เป็นไง ให้ตายเถอะ มันเหมือนแกล้ง
แม่จำเพราะต้องไปไหว้พระไหว้เจ้า เอาวันที่ฉันอยากออกไปซ้อปปิ้งหรือมีนัดทุกทีซีน่า
"แม่ไปวันอื่นไม่ได้เหรอวันนี้อิ๋วจะไปดูหนังกับเพื่อน"
แต่แม่ไม่เคยแยแสท่าทางกระฟัดกระเฟียดและเสียงสะบัดของฉันเลย
"วันนี้เป็นวันดี วันเทวดาลงมาจากสวรรค์ วันอื่นไปไม่ได้" หรือไม่ก็
"วันนี้วันพระใหญ่ ปีหนึ่งมีไม่กี่วันเอง ไม่ไปไหว้ได้ไง"
โอ๊ย จะบ้าว่ะ..อยากขว้างแก้วขว้างจานให้มันสาแก่ใจนัก
****นอกเหนือจากพวกเจ้าประจำคือไปหาหมอทุกเดือนและซื้อยา ส่วนที่เป็นกรณีฉุกเฉินพิเศษก็ชักบ่อยจนกลายเป็นเจ้าประจำกันไป คือเดี๋ยวหวัดเล่นงาน เดี๋ยวท้องเสีย วันดีคืนดีก็หกล้มหกลุก ให้อารมณ์เสียระหว่างทำงาน ก็จะไม่อารมณ์เสียได้ไง ฉันเป็นพนักงานคนเดียวในบริษัทที่ต้องขาดงาน
หรือมีอันต้องมีเหตุให้เผ่นกลับบ้านด่วนจี๋กลางคันบ่อยที่สุด จนแค่เดินเข้าไปหาเจ้านายโดยไม่ต้องอ้าปากพูด นายก็โบกมือไล่อนุญาตแล้ว (ดีที่นายดีและเข้าใจ)
****ฉันเริ่มรู้ชะตากรรมตัวเองดีว่า คงไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเลื่อนตำแหน่ง หรือเงินเดือนขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างคนอื่นๆหรอก จนกว่าแม่จะตายแล้วเมื่อไรละแม่ถึงจะตาย ฉันอาจจะตายก่อนแม่ก็ได้ใครจะรู้ แม่ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วพร้อมเอากล่องของแม่วางบนตักโดยไม่ยอมให้ฉันเอาไปวางไว้เบาะหลัง พอพ้นซอยเท่านั้นแหละ รถติดเป็นแพเต็มถนนฟ้าที่ดำทะมึนตั้งเค้ากะเช้าก็สำแดงอาการทันที
****กลายเป็นฝนตกลงมาห่าใหญ โดยไม่ต้องมีอารัมภบท มันดูน่าเบื่อเหลือเกินสำหรับอาการฝนตกรถติด
"แม่หนาวมั้ย จะได้หรี่แอร์" แต่แม่สั่นหน้า
ตั้งแต่ออกจากบ้านแม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย
"แม่เอาของมาน้อยจัง" ในเมื่อแม่ไม่พูด ฉันเลยต้องพูด ไม่งั้นคงเครียดเป็นบ้ากับประโยคนี้ของฉัน แม่เริ่มพูดขึ้นมาได้
"ที่เอามานี่ก็ทั้งชีวิตแล้ว อย่างอื่นไม่รู้จะเอาไปทำไม มันไม่จำเป็น เสื้อสองชุด รองเท้าแตะคู่ก็พอเอาไปมากเดี๋ยวโดนขโมยน่ะซี"
ฉันลอบถอนใจ ยังดีที่แม่คุยขึ้นมาบ้างแม้จะเป็นการพูดแบบมองโลกในแง่ลบไปหน่อยก็ตาม
แม่ก็ยังงี้แหละ กลัวของหาย กลัวคนมาขโมยของของตัว บางทีโวยวายแทบตาย ปรากฏว่าของที่ว่าหายนั้นอยู่ในลิ้นชักของตัวเองแท้ๆ
รถบนถนนขยับได้ทีละนิดสลับกับอาการหยุดนิ่งอยู่กับที่ทีละนาน ๆ
****ฉันมองดูกล่องบนตักแม่ที่แม่ใช้ใส่ของไปบ้านใหม่ มันเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลเก่าแก่ด้วยตามกาลเวลา กล่องแบบนี้เดี๋ยวนี้เขาคงเลิกผลิตแล้ว และผงซักฟอกยี่ห้อนั้นก็เลิกผลิตไปนานหลายปีแล้ว
****ยิ่งดูจากวันเดือนปีที่ผลิตตรงข้างกล่องยิ่งเห็นว่ามันเก่าเชียว ลังผงซักฟอกของแม่จะว่าไปจริงๆ ขนาดกำลังพอดี เพราะพอวางบนตักแล้วขนาดพอดีกับตักแม่เลย มีรอยปะตามวิธีการของแม่อยู่หลายแห่ง รวมทั้งเชือกฟางสีชมพูหม่นที่แม่ใช้รัดรอบกล่องหลายทบเพื่อเสริมความแข็งแรง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ไม่เปลี่ยนกล่องใหม่ ทั้งที่เราก็มีกล่อง แบบนี้หลายใบอยู่
วันนี้แม่ประคองกล่องของแม่อย่างเบามือ มันดูน่าขันยังกะพวกบ้านนอกเวลาจะกลับบ้าน
วันก่อนฉันเอากระเป๋าใบเก่งของฉันให้แม่ แต่ไม่ไม่เอา
"ไม่เอา ย้ายไม่ได้ ย้ายแล้วเดี๋ยวมันสบสนกันหมด เอาไว้ในกล่องนะดีแล้ว"
****ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นแม่ลากเจ้ากล่องใบนี้เข้าๆ ออก ๆ อยู่หลายหน แต่ไม่มีใครเคยถามแม่ซักทีว่ามีอะไรในนั้น พวกเรามักเรียกว่า "กล่องของแม่" ก็เท่านั้น และเป็นอันรู้กันว่าห้ามย้ายห้ามรื้อกล่องของแม่เป็นอันขาด ไหนๆ แม่จะไม่อยู่แล้ว ฉันเลยถามขึ้นว่า
"มีอะไรในกล่องมั่งละ" แม่มีอาการกระตือ รือร้นเชียว เวลาพูดถึงกล่องของแม่ รีบดึงเชือกฟางสีชมพูที่ผูกบนกล่องออกมาอย่างเบามือ แล้วเริ่มหยิบของในนั้นออกมาให้ดู
"มีแต่ข้าวของเกี่ยวกับพวกแกทั้งนั้นแหละ บนๆ นี่ก็รูปพวกหลานทั้งหลาย ล่างๆ ก็จะเป็นรูปพวกแก"
แม่หยิบสมุด Albumใส่รูปขึ้นมาหนึ่งเล่ม แล้วเปิดดูที่ละหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง
"นี่ตาเอกตอนเกิดใหม่ ๆ ตัวมันแดงเชียว หน้าเหมือนแม่มันยังกะแกะ พอโตแล้วซนเป็นบ้า ยายมันเลี้ยงซะเสียคน"
นี่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแม่ คือมีช่องว่างเป็นต้องจิกลูกสะไภ้และครอบครัว
****แม่ยังหยิบโน่นหยิบนี่ออกมาอย่างช้าๆ พวกรูปทั้งนั้นแหละ มีทั้งรูปลูกชาย ลูกสาว หลานยาย หลานย่า รูปวันแต่งงาน รูปรับปริญญา รูปเด็กเกิดใหม่ รูปที่พวกลูกๆ หลานๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน แม่ยังเก็บไว้ยังกะของมีค่า แล้วก็มาถึงบรรดากระดาษรุ่งริ่งกระดาษพวกนั้นบางและเก่าจนแทนจะกระจาย เมื่อโดนลมจากเครื่องปรับอากาศหน้ารถ
"อุ๊ย อะไรน่ะ"
ฉันรับปัดหน้ากากเครื่องทำความเย็นให้พ้นหน้าตักแม่ ก่อนที่กระดาษคร่ำคร่าพวกนั้นจะร่วงปลิวไปตามแรงลม
****"วันเกิดพวกแกกับพวกหลานๆ ไง ฉันเก็บไว้ทุกคนแหละ ไม่งั้นเวลาไหว้พระจำไม่ได้ว่าเกิดกันเมื่อไหร่ เรามันครอบครัวใหญ่ จำไม่หมด นี่ นี่ แผ่นวันเกิดตาอึ่ง (คือพี่ชายฉัน) ตอนมีลูกคนแรกมันสับสนวุ่นวายไปหมด ทีแรกไม่รู้จะจดวันเกิดลูกยังไงดี แต่ยายนะซีรีบฉีกปฏิทินออกมายัดใส่มือ บอกว่า เอ้า วันเกิดลูกเก็บไว้ซะ
ตั้งแต่นั้นมาพอใครเกิดฉันก็ฉีกวันที่เก็บไว้ทุกที ฉันมันคนไม่รู้หนังสือ ไม่เหมือนพวกแกหรอก
มีคอมพิวเตอร์มีอะไรกันแต่ไม่เห็นมีใครจำวันเกิดของแม่ได้ซักคน วันตายพ่อยังไม่รู้เลย ฉันต้องนั่งไหว้อยู่คนเดียวทุกปี"
*****น้ำเสียงของแม่ไม่มีอาการน้อยใจหรือเสียใจ อาจเพราะแม่กำลังชื่นชมของที่เก็บไว้ในกล่องอยู่ก็ได้ ปฏิทินที่แม่ว่านั้นเป็นกระดาษสีนวลบางๆ ใบใหญ่บ้านเล็กบ้าง ตามแต่ว่าปีไหนเขาจะผลิตออกมา
"ลูกแปดคนก็มีแต่แกนี่แหละที่เล่นเอาฉันไม่เป็นอันกินอันนอน"
"อ้าว ทำไมละ" เออ นี่เป็นความรู้ใหม่ทีเดียวสำหรับฉัน
****"ตอนแกเกิดในปฏิทินเขาเขียนไว้ว่า ชะตาไม่ดีเลี้ยงยาก ไอ้ฉันเลยร้องไห้ซะเป็นวรรคเป็นเวร พ่อแกเค้าหาหว่าบ้า เฮ้อ..จริงไม่จริงคนเป็นแม่ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนแหละของมันอยู่ในท้องมาตั้งเก้าเดือน ใครไม่รักไม่หวงก็บ้าแล้ว ผู้ชายจะมารู้อะไรเค้าไม่ได้มาอุ้มท้องแบบเรานี่"
พูดถึงพ่อแล้วแม่อดค้อนลมค้อนแล้งไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อว่า
****"พอออกจากโรงพยาบาลอยู่เดือนยังไม่ครบดี ฉันก็รีบไปไหว้เจ้าเลย ย่าแก่ด่าซะไม่มีดี เค้าห่วงกลัวเราไม่สบาย ไอ้ตอนนั้นเราก็ไม่รู้เลยเสียอกเสียใจยกใหญ่ พอไปไหว้เจ้าเสี่ยงเซียมซีก็พูดเหมือนกันว่าแกเลี้ยงยาก เพราะดวงมันมายังงั้น แต่จะมีความก้าวหน้าในชีวิต เฮ้อ ไอ้ฉันนะเสี่ยงเลี้ยงแกมาชนิดไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย กลัวพี่เอาไปทำแข้งขาหัก ไปโรงเรียนก็จุดธูปทุกเช้าให้แคล้วคลาด เวลาไปไหนๆ ก็ต้องบนพระทุกที่ให้แกไปดีมาดี กว่าจะโตมาได้ เฮ้อ "
แม่ถอนหายใจอยู่หลายครั้งกว่าจะพูดจบได้
ความเงียบเกิดขึ้นพักใหญ่
นอกจากเสียงฝนและเสียงเครื่องปรับอากาศในรถแล้ว มันเงียบจนฉันรู้สึกเหมือนอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกที่ไม่ใช่บนถนนมีรถติดเป็นแพอย่างนี้
"แกเอาฉันย้ายไปอยู่ไอ้เนิร์สซิ่งโฮมของแก ฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก คนแก่แล้วมีที่นอน
****มีข้าวกินสามมื้อก็พอ ห่วงแต่แกน่ะแหละ อีกไม่กีปีจะสามสิบห้าอยู่แล้ว ต้องระวังตัวให้ดี อย่าลืมไปทำบุญไหว้พระจะได้อายุมั่น ขวัญยืน ถ้าฉันยังอยู่กะแกก็จะได้ไปจัดการให้แต่ ต่อไปแกต้องทำเองแล้ว
ค่ำมืดดึกดื่นเข้าบ้านออกบ้านต้องระวังหน่อย"
แม่พูดพร้อมกับที่ค่อยๆ เรียงกระดาษและรูปทั้งหมดลงไปในกล่องของแม่อย่างเดิม
"ไอ้กล่องนี้ไม่ได้เปลี่ยนเลยนะ ตั้งแต่มีลูกคนแรก มีอะไร ฉันก็เรียงลงไปเรื่อยๆ หลายสิบปีแล้ว
แต่มันยังกะคอมพิวเตอร์ พวกแกเลยละ แถมแม่นไม่มีอะไรเท่า พวกแกอีกหลงๆ ลืมๆ "
****ฉันไม่เคยรู้เลยว่ากล่องของแม่จะบันทึกชีวิตของครอบครัวเราไว้ได้มากขนาดนี้ มิน่าแม่จะจำวันสำคัญของพวกเราได้แม่นอย่างไม่น่าเชื่อ จนพวกเราแอบเรียกแม่ว่า "สมองคอมพิวเตอร์" ที่แท้แม่มีทีเด็ดตรงกล่องนี่เอง เห็นแม่ลากออกมาดูบ่อย แล้วเก็บไว้อย่างดีทุกที ฉันคงนั่งนิ่งไปนานถ้าแม่ไม่พูดขึ้นว่า
****"แกก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย ฉันรู้ว่าพวกพี่ๆ เค้าเอาภาระมาใส่แกมากเกี่ยวกับตัวฉัน แต่คนเดี๋ยวนี้มันก็ภาระแยะ ไหนจะส่งลูกไปโรงเรียน ไหนจะเอาลูกไปสอบ ไปวิ่งเต้นเรื่องนั้น เรื่องนี้ ผัวมันยังต้องไปตีกอล์ฟอีก แม่พวกสะใภ้ก็ต้องวิ่งกลับไปดูพ่อแม่เค้า อะไร ๆ ฉันก็รู้ แต่ทำไงได้ละคนมันยังไม่ถึงคราวตาย มันก็ต้องอยู่ไปอย่างนี้แหละ ใช่ว่าอยากตายก็จะได้ตายซะที่ไหน แก่แล้วลำบาก ไปไหนต้องอาศัยคนอื่น ทำอะไรก็ต้องออกปากไหว้วานคนนั้นคนนี้ มันเหมือนต้องตากหน้าไปอ้อนวอนเค้าไอ้ที่เคยคล่องๆ ก็กลายเป็นภาระ
ความจริงไอ้ที่แกไม่มีผัวฉันก็ห่วงอยู่เหมือนกัน บางทีถ้าไม่มีภาระเรื่องแม่แกอาจจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาซักที"
เงาดำในใจฉันเริ่มคลี่คลายออกกลายเป็นเพียงหมอกบางๆ
ฉันแหงนหน้าไปดูท้องฟ้าข้างนอก ฝนเริ่มบางตา แสงสว่างสามารถส่องผ่านเมฆมาได้บ้าง
****"แกอย่าห่วงฉันเลย ห่วงตัวเองดีกว่า ไอ้ที่ฉันจะไปอยู่มันคงดี เพราะราคามันแพง จะมีคนแก่ซักกี่คนที่ได้ไปอยู่ที่แพงๆ อย่างนั้น ห่วงตัวเองเถอะ ถ้าเจอคนดีพอใช้ได้ก็อย่าเลือกมากมาย รับแต่งงาน รีบมีลูก แก่แล้วจะได้ไม่ลำบาก ดูอย่างชั้นซี อย่างน้อยถึงลูกไม่มีมาดูแล ไม่มีเวลาให้ แต่ก็ยังมีคนส่งเงินมาให้ใช้ ถ้าไม่มีลูกจะยิ่งลำบากมากกว่านี้"
ฉันไม่รู้จะพูดอะไร เงียบกันไปพักหนึ่ง ฉันบอกแม่ว่า
"อิ๋วจะไปหาแม่บ่อยๆ"
****"อย่าพูดยังงั้นเลย เดี๋ยวนี้การจราจรมันสาหัสเหลือเกิน เวลาก็ไม่ค่อยมี เรื่องต้องทำก็มีแยะไปหมด เอาเป็นว่าว่างก็มาแล้วกัน แต่ถึงพวกแกไม่มาฉันก็ไม่เดือดร้อนหรอก ชีวิตทั้งชีวิตของชั้นอยู่ในนี้หมดแล้ว อยากเห็นหน้าลูกก็ดูลูกเอาในนี้ อยากเห็นหน้าหลานก็ดูเอาในนี้ ไม่ต้องมานั่งคอยให้เสียเวลา
เปิดกล่องของแม่มาก็เห็นหน้าพวกแก่ได้ทันที" แม่ขยับตัวเล็กน้อย เพื่อกอดกล่องให้กระชับขึ้น
****รถบนถนนเริ่มเคลื่อนตัวช้าๆ พร้อมกับฝนที่ขาดเม็ด อีกไม่กี่เมตรจะถึงสี่แยกแล้วและมีป้ายให้กลับรถได้ ฉันพารถ เบียดเข้าเลนขวาเพื่อกลับรถ แม้รถคันอื่นจะบีบแตรด่ากันเสียงขรม แต่ฉันไม่สนใจ
ฉันกำลังนึกถึงตัวเองตอนแก่และมีกล่องอย่างแม่สักใบ คงดีไม่น้อยที่จะได้อวดลูกๆ ของฉันถึง "กล่องของแม่"
รักแม่ ดูแลและตอบแทนแม่ของคุณ ให้มากๆ ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นี่แหละ ทำซะก่อนที่จะรู้สึกเสียใจ
ในชีวิตนี้คุณมีแม่เพียงคนเดียวนะ คนอื่นคุณหาได้ มีได้อีกเยอะ จริงมั้ย? ...****
****พักนี้ถ้าจะสังเกตุกันให้ดี..คุณป๋าจะพบว่าบรรดาหุ้นเหล็กเรียงหน้ากระดานบวกกันเป็นทิวแถว... อันนี้ก็ไม่ทราบว่าทำไมนะ(ร้องแร๊บแบบพี่เจ-เจตริน) แต่ถ้าจะให้คนสวยเดาล่ะก็..นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของคุณๆ แล้วล่ะก็น่าจะเป็นการต้อนรับน้องใหม่ "ไทยง้วนเมทัล"หรือ TYM ที่จะเข้าซื้อขายวันพรุ่งนี้ละมั๊ง????****
****วันนี้ "เสี่ยบุญชัย" นายใหญ่ของ TYM จะมาเปลื้องผ้า..เอ๊ย!!! เปิดใจให้พี่ๆ นักข่าวที่ตลาดหลักทรัพย์ซักฟอกถึงความเชื่อมั่นก่อนที่หุ้นจะเข้าซื้อขาย...อยากรู้อดในรอจิ๊ดดดดดดด-นึง ประมาณบ่าย 3 โมง...คงมีรายงานเข้ามาเจ้าค่ะ แต่คนสวยฟันธง!!!! เสี่ยต้องพูดว่า "มั่นใจ" โป๊ะ-เช๊ะ-เด๊ะ-ชัวร์-ป๊าบบบบบบบ เพราะค่าพีอีสุดถูกแค่ 9 เท่า จากค่าพีอีกลุ่มกวัสดุก่อสร้างที่ 12 เท่า+บวกด้วย+พื้นฐานแกร่ง 5555555555555555****
**** TSTH ก็เป็นอีกตัวที่คนสวยเริ่มจับตาดูเป็นพิเศษ(เมื่อวานนี้เอง) เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง..อันใดพี่เอย เสียงย่อมยอยศใครทั่วหล้า อ้าว...ไหลออกไปเป็นยอยศพระลอซะได้ ..แต่จาบอกว่าบรรดานักวิเคราะห์ทั้งเมืองบอกว่า TSTH นี่แหล่ะที่สดใสที่สุดในกลุ่ม...ราคาเหมาะสมก็ให้ไว้ 2.40 บาท ...โอ๊ะ-โอ๊ะ-โอว์ ไม่มองไม่ได้แย๊ววววววว****
****อีกตัวได้ป๊ะ???? ให้ AMC กะ AMC-W1 ของ "เฮียคิม-ชูศักดิ์" เมื่อวานออกอาการแล้วเน๊อ!!! พี่น้อง!!!! ...ชอบไม่ชอบ..ก็ลองตัดสินใจดูค่ะป๋าข๋า ****
****เข้า WIN อีกแล้ว.....หุ้นเด็ดไม้สุดท้าย วานนี้ "คุณพี่เด็กแนว-รณกฤต" เค้าฝากหุ้นเด็ด RCL ไว้ให้ขาเดย์เทรด ได้ลุยให้มันส์กระเป๋า แบบว่าซื้อวานนี้ขายวันนี้...ได้ตังค์ไปกินหนมเล่นกันหนุกหนานแล้วอ่ะดิ ...อิจฉาจริงๆ ฝากไว้หนิดสาหรับคนที่ยังไม่ปล่อยแนวต้านพี่เด็กแนวเค้าให้ 34.50-35 บาทจ้าา....****[/color:dcacb4544b">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com