May 18, 2024   1:17:29 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิธีคิด "เจ้ามือ" น้องสาว "หลี่เหวินซ่ง
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 30/07/2007 @ 18:47:29
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

การหวนคืนยุทธจักรหุ้นของ "หลี่เหวินซ่ง" (สอง วัชรศรีโรจน์) ที่กลับมาในชื่อ "เสี่ยโทนี่" มีการวางตัว...น้องสาวร่วมสายเลือด "สัณห์จุฑา วิชชาวุธ" เข้ามาบริหารอาณาจักร "ไออีซี" (IEC-BLISS-LIVE) วันนี้ "เธอ" ออกจากมุม ยอมเปิดใจเป็นครั้งแรก!!!



---------------------------
"เล่นหุ้นมีกำไร ต้องซื้อบริษัทที่ขาดทุน"
----------------------------

ท่ามกลางข้อสงสัย...ผ่านการเดินเกมที่ซับซ้อนของ "ไออีซี" นายหญิง "สัณห์จุฑา วิชชาวุธ" และ พี่ชาย "สอง วัชรศรีโรจน์" มีสถานะไม่ต่างไปจาก "เจ้ามือ" ในความคิดของนักเก็งกำไร

บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง (ไออีซี) เริ่มตกเป็น "เป้า" การถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจาก "ทางการ" ขณะเดียวกัน ไออีซี ยังถูกมองด้วยว่า เป็นแหล่ง "ชุมนุมเซียนหุ้น" ระดับชาติ

"เรื่องนี้ก็ใช่...แต่พี่ว่ามันก็ทั้งนั้นแหละ!! และคงไม่ใช่มีแค่หุ้น IEC รายเดียว แต่น่าจะมองว่าการที่เซียนหุ้นมาชุมนุมกัน ย่อมแสดงว่า (เซียน) ทุกคนคงต้องเห็นดีแล้ว และเป็นธรรมดาที่สินค้า (หุ้น) ที่มีคนมาสนใจ ก็ต้องมีคนมาชุมนุม

ยิ่งตอนนี้ ไออีซี ถูกจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่ม SET100 แล้วด้วย จะเห็นว่าทุกๆ อย่างมันตัดสินกันด้วย Fact (ข้อเท็จจริง) เพราะฉะนั้น Fact ยังไงก็จะเป็น Fact ของมันวันยังค่ำ สัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไออีซี ชี้แจง

ข้อสังเกตที่ว่า ฐานะการเงินของ "ไออีซี" ยังมีปัญหาเรื่องการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และมีผลขาดทุนสะสมสูงถึง 1,037 ล้านบาท (ณ 31 มี.ค.50)

น้องสาวเสี่ยสอง ตอบทันทีว่า เวลาจะซื้อหุ้นอย่าไปคำนึงว่าบริษัทนั้นกำไรหรือขาดทุน...แต่กลับต้องมองว่า ถึงแม้ว่าบริษัทแห่งนั้นจะขาดทุนอยู่ แต่โอกาสในการแก้ไขปัญหาของบริษัทเป็นยังไง

อย่างสมมติว่า หากวันนี้นักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในหุ้นปูนใหญ่ (ปูนซิเมนต์ไทย) เขาจะต้องจ่ายเงินเท่าไร เพราะฉะนั้นเรื่องของการลงทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนที่เป็นเจ้าของเงินจะสามารถวิเคราะห์ได้เก่งกว่า "นักข่าว" เสียอีก (อย่าไปห่วงแทนเขาเลย)

สัณห์จุฑา ชี้แจงต่อไปว่า ในส่วนของ ไออีซี ผู้บริหารทุกคนต่างพยายามสร้างบริษัทแห่งนี้ให้แข็งแรง ทำธุรกิจให้ดีที่สุด แล้วจึงพรีเซ้นท์ออกไป จากนั้นผู้ลงทุนจะวิเคราะห์ด้วยตัวของเขาเองว่า...สนใจมั้ย ถ้าสนใจก็ซื้อหุ้นเรา

อย่างที่มองกันว่า ไออีซี ยังขาดทุนอยู่...จะลงทุนไปทำไม!

"แต่ถ้าเป็นตัวพี่...พี่จะลงทุนนะ"

เหตุผลอะไรน่ะหรือ! เธอ บอกว่า ก็เพราะการซื้อหุ้นของบริษัทที่ยังขาดทุนอยู่ มันดีตรงที่เราไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ แต่ก็ต้องดูว่าแผนอนาคตของบริษัทแห่งนั้นโอเคหรือไม่ หลักการลงทุนเช่นนี้ เจ้าของเงินทุนคิดเหมือนกันหมด คือ มองหาโอกาสที่จะได้รีเทิร์นว่าเป็นยังไง

ขณะเดียวกัน ยังชวนเป็นประเด็นน่าสนใจ เมื่อ ไออีซี ตัดสินใจขยายอาณาเขตธุรกิจด้วยวิธี "แสวงหากำไร" จากการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น EMC, NEP, PLE, LIVE, BLISS และ TCMC โดยหุ้นทุกๆ ตัว ล้วนแต่ถูกมองว่าเป็นหุ้น "เก็งกำไร" ที่ล้วนแต่มี "กลุ่มก๊วนเดียวกัน" เข้ามาร่วมวง

นายหญิงไออีซี ไม่ยอมยืนยันมูลค่าพอร์ตลงทุนของบริษัท โดยระบุว่า ตัวเลขจะไม่ค่อยแน่นอน แต่ละวันมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทจะมีทั้งลงทุนสั้นและยาว

เธออธิบายหลักการคร่าวๆ ว่า ไออีซี จะมีคณะกรรมการลงทุนทำหน้าที่อยู่ เมื่อมีการประชุมแต่ละครั้งทางกรรมการจะมีบทสรุปมาให้ว่า ตอนนี้ ไออีซี ถือหุ้นตัวไหนอยู่บ้าง และเท่าไร เพราะฉะนั้น ถ้าตอบไปตอนนี้ เกรงจะไม่ถูก

"หุ้นที่เราจะลงทุน ไม่ว่าบริษัทนั้นจะกำไรหรือขาดทุน แต่หากมีศักยภาพที่จะเติบโตและปัญหาได้รับการแก้ไข มองแล้วมีโอกาสได้กำไร และน่าจะดี ไออีซี ก็จะลงทุน"

ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนคงไม่เจาะจงว่า จะต้องเน้นการลงทุนสั้นหรือยาว เธอบอกว่ามันแล้วแต่ว่า หุ้นตัวไหน ประเภทไหน และตามแต่สถานการณ์

"ที่นี่ เราจะมีการลงทุนทุกรูปแบบ"

ประเด็นที่น้องสาวเสี่ยสอง รู้สึกอึดอัด ก็คือ ทุกวันนี้ตลาดหลักทรัพย์จับตาพฤติกรรมของ ไออีซี มากขึ้นเรื่อยๆ

"ตั้งแต่ออกสตาร์ทครึ่งปีหลัง เงินฝรั่งวิ่งเข้ามาตลาดหุ้นทั้งนั้น ราคาหุ้นก็ตูมตามทั้งกระดาน เสร็จแล้วราคาก็กรูกันขึ้นไป พอราคาหุ้น ไออีซี ขยับขึ้นมาด้วย ผลลัพธ์ คือ เราถูกสั่งเบรกทันที (ห้ามซื้อขาย Net Settlement และ Margin Trading) ขณะที่รายอื่นไม่โดนอะไรเลย...อย่างนี้เรียกว่าเลือกปฏิบัติได้หรือเปล่า!!" สัณห์จุฑา ระเบิดอารมณ์ ก่อนระบายต่อไปว่า

"ตอนนี้ฝรั่งแห่เอาเงินเข้ามา ดัชนีตลาด (SET) ขึ้นเท่าไร แล้วมีกี่บริษัทที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมากี่เปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่าไออีซี อีก อย่างนี้เราโดนเลือกปฏิบัติใช่มั้ย!

ผลจากสิ่งนี้ มันกระทบต่อการที่ ไออีซี เตรียมจะไปชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน (450 ล้านหุ้น) ในขณะที่ทีมบริหารพยายามทำงานกันหนักเพื่อให้มีรายได้และมียอดขายที่เติบโต"

เมื่อเธอเริ่มผ่อนอารมณ์ ก่อนจะปลอบใจตัวเองว่า แต่เราก็ไม่กดดันนักหรอก ยังสบายๆ เพราะถึงยังไงก็จะมีนักลงทุนที่ฉลาด (มาซื้อหุ้นเรา) ไม่มีใครที่ไหนที่จะโง่มาลงทุนในหุ้นที่ไม่มีความเชื่อมั่นหรอก เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราตรงนี้คือ การสร้างให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น

นายหญิงไออีซี อธิบายต่อถึงแผนเพิ่มทุน 450 ล้านหุ้น ว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และถึงอย่างไร ก็ควรที่จะดำเนินการให้ทันภายในปี 2550 นอกจากนี้จะต้องวิเคราะห์ความพร้อมของนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนด้วยว่า เขาพร้อมแค่ไหน เนื่องจากตอนนี้ยังมีหุ้นตัวอื่นที่เจ้าของเงินสามารถไปลงทุน และมั่นใจตัวรีเทิร์นได้มากกว่าหุ้น ไออีซี

"ดังนั้น หาก ไออีซี ออกหุ้นเพิ่มทุนตอนนี้...ก็คงไม่มีประโยชน์"

หากเป็นอีกสองเดือนข้างหน้า (ประมาณเดือนกันยายน) เมื่อการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนมากขึ้น ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน การเมืองชัดเจน ความมั่นใจย่อมมี ก็เห็นว่าโอกาสมันเหมาะสมที่ ไออีซี จะเพิ่มทุน

เธอระบุว่า คงจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรทางธุรกิจเป็นหลัก ต้องวิเคราะห์ว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะเกิดประโยชน์กับ ไออีซี ได้อย่างไร

เมื่อถามถึงแผนการใช้เงินสดก้อนใหม่ เธอตอบเลี่ยงๆ ว่า บริษัทมีแผนรองรับแน่นอน และมันคงไม่มีประโยชน์ที่จะขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อที่จะเอาเงินมาฝากไว้กินดอกเบี้ยเฉยๆ โดยไม่มีแผนลงทุน

คำถามที่ถามถึงความสัมพันธ์กับ "สอง วัชรศรีโรจน์" เธอยอมรับกับ "สื่อ" เป็นครั้งแรกว่า เป็นพี่น้องกันจริง แต่เข้ามา (บริหารไออีซี) ในฐานะมืออาชีพ

"พี่ทำจริง ไม่งั้นไม่เข้ามาให้เสียชื่อ และจะพิสูจน์ (ฝีมือ) ให้ดู"

 กลับขึ้นบน
nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
#1 วันที่: 30/07/2007 @ 23:09:51 :
8O
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com