เปิดโผ 3 หุ้นเด็ดกลุ่มอิเลคโทรนิกส์ CCET-HANA-KCE พาเหรดเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ขานรับออเดอร์ใหม่เพียบ โดยเฉพาะ"แคลคอมพ์"ยอดสั่งผลิตมือถือจากอินเดียอีก 12 ล้านเครื่องดันกำไรทั้งปีโตกว่า 25% ขณะที่"ฮานา"ไม่น้อยหน้าขานรับตลาด IC เริ่มฟื้นตัว แถมต้นทุนลดลงอีกเพียบหนุนกำไรปีนี้ 417 ล้านบาท ส่วน KCE แนวโน้มพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าไตรมาส 3 นับเป็นช่วงไฮซีซั่นสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น แม้บางอาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอยู่บ้างก็ตาม โดยบริษัทที่โดดเด่นสุดเริ่มจากบริษัท แคลคอมพ์ อิเลคโทรนิคส์ จำกัด(มหาชน)หรือCCET บริษัท ฮานา ไมโครดิเลคทรอนิคส์ จำกัด(มหาชน)หรือ HANA และบริษัท เคซีอี อิเลคโทรนิคส์ จำกัด(มหาชน)หรือ KCE
โดยหุ้น CCET และ HANA ถือว่าน่าจะได้รับผลเชิงบวกมากที่สุด กล่าวคือ CCET มีการขยายฐานลูกค้าได้ต่อเนื่อง ล่าสุดสามารถเจาะเข้าสู่ตลาดอินเดีย โดยได้รับคำสั่งผลิตโทรศัพท์มือถือ จากผู้ประกอบการรายใหญ่ในอินเดียเพิ่มเป็น 12 ล้านเครื่อง สำหรับโครงสร้างรายได้หลักยังเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อาทิ PCBA สำหรับ Harddisk และPrinterอีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้น ที่เริ่มปรับสูงขึ้นจากอำนาจการต่อเรื่องซื้อวัตถุดิบ ทำให้ภาระต้นทุนที่ต่ำลงที่สำคัญอัตราเงินปันผลปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 6% จากกำไรต่อหุ้น(EPS)เพิ่มขึ้นถึง 20%
ขณะเดียวกันยอดขายเติบโตต่อเนื่องทั้งในและนอกประเทศ โดย CCET น่าจะได้รับประโยชน์จากลูกค้าหลัก Western Digital เพิ่มกำลังการผลิตในไทยนอกจากนี้บริษัทยังได้ลูกค้าใหม่ OEM อีกหลายรายอาทิ Hewlett-Packardและผู้ผลิต Harddisk รายใหญ่ของโลกอีกแห่งหนึ่ง รวมถึงความสำเร็จในการเจาะตลาดอินเดีย คาดว่าจะเป็นการปูทางไปสู่การมีส่วนร่วมตลาดที่กำลังเติบโตสูง
ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ประเมินว่ากำไรปี 50 จะออกมาอยู่ระดับสูง โดยค่าบาท ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 เติบโตเพียงเล็กน้อย แต่จากการความสามารถขยายฐานลุกค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทำให้กำไรครึ่งปีหลังออกมาระดับสูงโดยทั้งปีจะเติบโตสูงถึง 25%พร้อมแนะนำซื้อลงทุนราคาเป้าหมายอยู่ที่ 7.75 บาท
แหล่งข่าวจากบริษัท ฮานาไมโครอีเลคโรทรนิคส์ จำกัด(มหาชน)หรือ HANA กล่าวว่า ปริมาณคำสั่งซื้อ IC เริ่มกลับมาแข็งแกร่ง ตั้งแต่เดือนพ.ค.50 ทำให้รายได้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้จากการดำเนินงาน HANA ไตรมาส 2 เติบโตขึ้นประมาณ 8-9% จากปีก่อน อย่างไรก็ดีจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 2.6% ทำให้มีผลต่อตัวเลขกำไรพอสมควร
โดยแนวโน้มคำสั่งซื้อช่วงครึ่งปีหลังยังแข็งแกร่ง ทั้งจากผลของฤดูกาล และการเติบโตการับงานภายนอก ที่ขยายตัวอย่างมากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะผลักดันให้ผลการดำเนินงาน HANA เติบโดตขึ้นมากและชดเชยปัญหาค่าเงินบาทได้
สอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย ระบุว่า ช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น แม้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องแต่ HANA ได้ปรับต้นทุนวัตถุดิบบางส่วนแล้ว บวกกับการฟื้นตัวของตลาด IC และการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงานที่เซี่ยงไฮ้และย้ายสายการผลิตมารวมที่เจียซิง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นฟื้นตัวถึง 16.8% จากไตรมาสที่แล้วเป็น 580 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีรายจ่ายพิเศษ 40 ล้านบาท กำไรปกติยังเติบโต 16% จากไตรมาสก่อนและกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 417 ล้านบาท จึงทำให้ HANA เป็นหุ้นที่น่าลงทุนโดยมีเป้าหมาย 31.34 บาท
ขณะที่บริษัท เคซีอีอิเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE มีแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานลาดกระบัง และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคอยุธยา อีกประมาณ 3 แสนตารางฟุตต่อเดือนคาดว่าเรียบร้อยทั้งหมดภายในไตรมาส 3 ทำให้ KCE มีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด3 โรงงาน เท่ากับ 2.1 ล้านตารางฟุตต่อเดือน
โดยการขยายกำลังการผลิตจะส่งผลดีต่อรายได้บริษัทอย่างชัดเจนช่วงปีหน้า และยังไม่น่าห่วงเรื่องความต้องการเพราะอุตสาหกรรม PCB มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการควบคุมของเสียจากการผลิตยังทำได้ดี จนทุกๆโรงงานไม่มีของเสียจากการผลิตมากจนผิดปกติ ส่งผลดีต่อความสามารถในการทำกำไรด้วย
บริษัทหลักทรัพย์ซิกโก้ ประเมินว่า จากปัจจัยต่างๆที่ดีขึ้นรวมทั้งวการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว จึงปรับประมาณการอีกครั้ง โดยรายได้รวมปีนี้อยู่ที่ 8,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น8.8% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้น 34.9% ทำให้ฟื้นตัวจากการขาดทุน 118 ล้านบาท กลับมาเป็นกำไรสุทธิ 238 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวจะเดินควบคู่กับความเสี่ยง จากเรื่องหนี้สินที่จะผ่อนคลายลงไปบ้างหลังจากมีการเพิ่มทุน แต่ระดับ D/E ยังสูงถึง 2.7 เท่า อาจกลับมาสร้างปัญหาได้ในอนาคต
รวมทั้งจับตาการเพิ่มกำลังการผลิต เพราะอาจทำให้อัตราของเสียจากการผลิตเพิ่มขึ้นได้กรณีไลน์ผลิตใหม่เปิดมาเพื่อรองรับการผลิตของสินค้าใหม่ อย่างไรก็ตามมูลค่าเหมาะสมใหม่ 3.90 บาท