May 4, 2024   8:40:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดานหุ้น : เลอะเทะ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 11/07/2007 @ 10:05:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

* โมนิก้า เห็นคนบางคนบอกว่า การทะยานขึ้นของดัชนีรอบนี้เกิดจากน้ำมือนักการเมือง ผสมโรงกับพ่อมดการเงินไทยช่วยกันปลุกปั้นดัชนีเพื่อหลอกนักลงทุนรายย่อยไปออกของราคาสูง ฟังผิวเผินเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือไม่น้อย แถมได้พวกเรียนโทออกมาสำทับถึงความผิดปกติของเม็ดเงิเนที่ไหลเข้ามา ก็เลยทำให้เรื่องดังกล่าวมีน้ำหนักน่าเชื่อถือขึ้นเป็นกองเชียวแหล่ะ

*น่าเสียดายที่เรื่องดังกล่าวไม่สามารถชักจูงให้ โมนิก้า คล้อยตามได้ เพราะเม็ดเงินเป็นแสนๆ ล้านที่ไหลบ่าเข้ามาตลอดทั้ง 2 สัปดาห์ มันมากเกินไปสำหรับนักการเมืองไทยและอาจมีเงินนักการเมืองบ้างเล็กน้อยที่ผสมโรงเข้ามา จึงไม่ควรเหมารวมเงินทั้งหมดเกิดจากน้ำมือนักการเมือง เพราะนั้นเป็นความคิดตื้นๆ ที่พยายามปลุกกระแสให้คนมองตลาดหุ้นเป็นแหล่งฟอกเงิน

*เดี๊ยนถึงค้านแนวความคิดพ่อตัวดีทั้งหลายที่เชื่อว่า การขึ้นรอบเป็นนี้เป็นการลากขึ้นไปเชือด เพราะเป็นเพียงแค่การพูดกันปากต่อปาก ไม่สามารถหาหลักฐานอะไรมาอ้างอิงได้...ยิ่งผู้จัดการกองทุนที่เดี๊ยนยรู้จักเกทับว่า หากกองทุนต่างชาติใหญ่ๆ เจียดเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นแค่ 1% ดัชนีก็พุ่งกระฉูดเป็นร้อยๆ จุด มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรใม่ใช่เหรอ

*งานนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า นักลงทุนจะเชื่อพวกปากหอยปากปู หรือจะเชื่อข้อมูลที่เดี๊ยนหยิบยกมาอธิบายนะจ๊ะ

*เริ่มต้นกันที่หุ้นPTT ที่ราคาพุ่งพรวด รวดเร็วปานสายลมขนาดนี้ คงต้องให้น้ำหนักการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก(เบรน)ที่ปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เลยทำให้ราคาหุ้นวิ่งกระฉูดอย่างที่เห็น

*เท่านั้นยังไม่พอ ด้านบทวิเคราะห์ของ ค่ายยูบีเอส ที่ออกมาปรับประมาณการ ราคาเป้าหมายใหม่ของ PTT ใหม่อยู่ที่ระดับ 317 บาทต่อหุ้น แฟนพันธุ์แท้ของปตท. คงจะพลาดไม่ได้นะเจ้าคะ เพราะเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันยังมีสิทธิปรับตัวได้อีกโขจ้า

*เมื่อพูดถึงราคาหุ้นPTT ที่พุ่งทะลุ 300 บาทไปเรียบร้อยแล้วอย่างนี้ ตามความเห็นของ โมนิก้าว่าโอกาสที่PTT จะถูกถอนออกจากตลาด คงยากขึ้นอีกคะ เพราะจะกลายเป็นภาระของกระทรวงการคลังที่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะช่วงที่มีการออกมาประท้วงว่าจะเอาPTT ออกจากตลาดฯ ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 200 กว่าๆ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นหนังคนละม้วนกันไปแล้วละคะ

*ภาระที่คลังต้องแบกรับตอนนี้ คงเป็นเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศ ต่อนักลงทุนต่างชาติที่ได้เข้ามาลุยหุ้นบลูชิพตัวนี้ เพราะถ้าหากต้องมีเหตุให้ถอนออกจากตลาดหุ้น กระทรวงการคลังจะเข้าเงินที่ไหนมากมายมาซื้อคะเนี้ยะ (ถ้าไม่ใช่ภาษีประชาชน) แต่ถ้าจะให้ซื้อที่ราคาพาร์ คงต้องโดนนักลงทุนต่างชาติบอยคอตกันก็คราวนี้ละคะ ถ้าเป็นอันหลัง ก็ตัวใครตัวเผือกละกันนะคะ เดี๊ยนไม่เกี่ยวจ้า ราคาหุ้นปิดที่ 308 บาท บวกไป 12 บาท

*สำหรับหุ้นTOP ที่ทรงพลังอีกตัวหนึ่ง ก็ปรับตัวเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งอีกแล้ว ล่าสุดก็ทำนิวไฮได้อย่างไม่อายใคร ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้น ค่าการกลั่นยังบวกเพิ่มอีกคงไม่ต้องกังวลแล้วคะว่า จะมีเหตุใดมาอยู่ยั้งความแรงของเจ้า TOP ได้ราคาหุ้นแค่นี้ยังน้อยไปคะ ราคาหุ้นปิดที่ 82 บาท บวกไป 4 บาท

*หุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงๆ แบบนี้ คงต้องดูที่ BBL เป็นหลักคะ หลังจากที่เผลอนิดเดียวราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นมาทะลุ 130 บาทไปแล้ว รอบนี้ถ้าเงินยังไหลเข้าอีก เราคงได้เห็นทะลุ 140 บาทแน่นอนคะ เพราะผลประกอบการไตรมาส 2 ยังไม่ประกาศ ซึ่งมีเสียงแววว่าจะสวยกว่าไตรมาส 1 อีกคะ ราคาหุ้นปิดที่ 133 บาท บวกไป 3 บาท

*ตามมาติดๆ คือSCB ที่มีวอลุ่มเข้ามามหาศาล แบบนี้ อาจมีสิทธิแซงหน้า KBANKได้คะ ถ้ามีแรงซื้อเข้ามาอีกนิด ในขณะที่หุ้นรวงข้าวก็ขยับตัวหนี กลัวว่าSCB จะตามทันคะของแบบนี้ใครดีใครได้เจ้าคะ รักใครชอบใครก็เลือกเอาเลยนะคะ ราคาหุ้นSCB ปิดที่ 84.50 บาท บวกไป 3 บาท ส่วน KBANK ปิดที่ 87.50 บาท บวกไป 1.50 บาท

*วันนี้ โมนิก้า แนะให้เล่น TPIPLคะ เพราะค่าเงินบาทแข็ง ทำให้หนี้เงินกู้ต่างประเทศลดลงบานเลยคะ ส่งผลให้หนี้หดไป 5.2 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 8 พันล้านบาทเท่านั้น บวกกับที่เจ๊อรพิน ออกมาสำทับว่าจะรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลือทั้งหมด พร้อมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการปลายปีนี้

*โดยอาจจะมีการกู้หนี้ยืมสินกับ แบงก์ทหารไทย และพร้อมที่จะ เดินหน้าขยายกำลังการผลิต หาเงินสร้างโรงงานผลิตแห่งที่ 4 ข่าวดีเยอะแบบนี้ ถ้าหุ้นไม่ขึ้นก็ถือว่าเสียชื่อของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์เค้าแล้วนะคะเนี้ยะ ราคาหุ้นปิดที่ 17.30 บาท เสมอตัวคะ

*สำหรับหุ้นดีอีกตัวอย่าง GSTEEL ที่ได้ฤกษ์วิ่งทะลุยืนเหนือ 1 บาทได้แล้วนั้น ยังคงมีข่าวๆ ซ่อนอยู่ภายในอีกคะ เพราะล่าสุดมีข่าวว่าจะมีการทำรีไฟแนนซ์หนี้สกุลเงินต่างชาติที่มีอยู่ในรูปของเงินกู้จำนวน 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรอบนี้บอกได้เลยว่าต้นทุนที่สูเจ้าไปกู้มานั้นอยู่ที่ 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

*ทั้งนี้ตราบใดที่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าอยู่ โดยทุกๆ 1 บาท ที่มีการแข็งค่า GSTEEL จะได้รับกำไรจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง 290 ล้านบาท ซึ่งรวมหุ้นกู้อีก 170 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะมีครบกำหนดในปี 2010 แต่สามารถคืนก่อนได้ภายใน 3 ปี ซึ่งต้นทุนที่กู้มาตอนนี้อยู่ที่ 40บาทต่อเหรียญสหรัฐ ไม่อยากคิดเลยคะว่าตอนนี้เงินบาทอยู่ที่ 34 บาทกว่าๆ ใครจะหน้าบานที่สุด ราคาหุ้นปิดที่ 1.01 บาท บวกไป 0.05 บาท

ที่มา ข่าวหุ้น [/color:6f984c93c7">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com