May 5, 2024   12:01:40 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น เล่นกลาง-สั้น วันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 05/07/2007 @ 09:08:11
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
ดัชนีเป็นไปตามคาด โดยก่อตัวเป็นรูปแบบสามทหารเสือ ดัชนีจึงมีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบบริเวณ 840-845 จุด ได้ในไม่ช้า โดยเน้นกลุ่มนำตลาดซึ่งยังคงเป็นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดีหากมีแรงเทขายทำกำไร ระหว่างวันดัชนีก็มีแนวรับที่บริเวณ 815-820 จุด

มุมมองระยะกลาง - TOP
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
โครงสร้างระยะยาวของ TOP มีรูปแบบ Continuation pattern ขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ได้อย่างมั่นคง ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 90.00-93.00 บาท อีกทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 อีกด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 73.00-75.00 บาท ซึ่งเป็นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 5 สัปดาห์ ควร Stop loss เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว

หุ้นเด่น เล่นสั้น - TWP
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้นอย่างชัดเจน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบบริเวณ neckline ที่ 22.20-22.50 บาท และยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 อีกด้วย หากสามารถฝ่าแนวต้านสำคัญนี้ได้ จะไปทดสอบประมาณ 25.00 บาท ตาม Fibonacci @ 261.8 จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 20.20-20.50บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 20.00 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - APURE
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้นพร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้นอย่างชัดเจน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบ บริเวณ neckline ที่ 3.00-3.10 บาท อีกทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 อีกด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 2.40-2.50 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.30 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 05/07/2007 @ 10:51:27 :
Z-Strategy
ดัชนียังไปต่อได้ ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน เราปรับเป้าหมายดัชนีปี 50 เป็น 844 จุด ที่ PER ประมาณการ 9.7 เท่า ระยะสั้นเริ่มเสี่ยง upside เริ่มน้อยเทียบกับ downside อาจขายลดพอร์ตระยะสั้นบ้าง

Technical Analysis
ดัชนีเป็นไปตามคาด ดัชนีจึงมีแนวโน้มจะขึ้นไปบริเวณ 840-845 จุด ได้ในไม่ช้า โดยเน้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี หากมีแรงเทขายทำกำไร ระหว่างวันดัชนีก็มีแนวรับที่บริเวณ 815-820 จุด
ฦ TOP: มีรูปแบบ Continuation pattern ขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 90.00-93.00 บาท (แนวรับ 73.00-75.00 บาท)
ฦ TWP: มี Golden Cross พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern จึงมีโอกาสที่หุ้นจะไปทดสอบ neckline ที่ 22.20-22.50 บาท ซึ่งเป็น Fibonacci 161.8 โดยให้แนวรับ 20.20-20.50 บาท
ฦ APURE: มี Golden Cross พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้น จึงมีโอกาสที่หุ้นจะไปทดสอบ neckline ที่ 3.00-3.10 บาท ซึ่งเป็น Fibonacci 161.8 โดยให้แนวรับที่ 2.40-2.50 บาท

Z-Focus
News Comment
ฦ TTA: เพิ่มทุนและนำ MML เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ - ขาย

Z-SCAN
Company Update
ฦ BAY: เล่นกันแรงเกินไปหรือเปล่า... - ขาย

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Commodities Move, Warrants


TTA : เพิ่มทุนและนำ MML เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ - ขาย

บริษัท

คณะกรรมการ TTA อนุมัติการออกขายหุ้นกู้แปลงสภาพเสนอขายให้กับนักลงทุนต่างประเทศเป็นเงินสกุลต่างประเทศหรือเงินบาทในวงเงินไม่เกิน US$ 170 ล้าน อายุไม่เกิน 5 ปี และสามารถไถ่ถอนได้ครั้งละ 1 ใน 3 ในแต่ละปี ตั้งแต่ปีที่ 3 - 5 ซึ่งเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปคืนหนี้เงินกู้และใช้ในการขยายกองเรือของบริษัทฯ โดยบริษัทฯจะนำหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนนี้ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

TTA เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 225 ล้านหุ้น (ราคาพาร์ 1 บาท) โดย 175 ล้านหุ้นจัดสรรไว้รองรับการแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ และอีก 50 ล้านหุ้นจัดสรรให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (Private Placement-PP) โดยยังไม่ได้ระบุราคาขายและระยะเวลาขาย

คณะกรรมการบริษัทฯยังมีมติอนุมัติให้ MML (บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้น 78.09%) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ (SGX)

ความเห็นนักวิเคราะห์

การออกหุ้นกู้แปลงสภาพที่ไถ่ถอนคืนได้และหุ้นเพิ่มทุน PP โดยไม่กำหนดเวลาช่วยให้บริษัทฯควบคุม dilution effect
การเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ และสามารถไถ่ถอนคืนได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า รวมทั้งการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP โดยไม่กำหนดกำหนดระยะเวลา จะช่วยให้ TTA สามารถควบคุม dilution effect จากจำนวนหุ้นที่อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 35% ต่อกำไรต่อหุ้น (EPS) ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นเดิมอาจจะผิดหวังบ้างจากการที่ไม่ได้สิทธิครั้งนี้

ยังไม่มั่นใจการตอบรับของนักลงทุนจากขนาดของ MML ที่เล็ก
แม้ว่าการนำ MML เข้าจดทะเบียนใน SGX จะช่วยให้ MML สามารถระดมทุนขยายกิจการ และทำให้ TTA รับรู้มูลค่าตลาดที่แท้จริงของบริษัทย่อยนี้ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องของระยะเวลาที่จะดำเนินการ และสัดส่วนการถือหุ้นของ TTA ที่จะลดลงจากการทำ IPO ของ MML (เรากำลังอยู่ระหว่างติดต่อผู้บริหาร หากได้รายละเอียดเพิ่มเติม จะรายงานให้ทราบต่อไป)

แม้ MML จะอยู่ในธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน แต่ด้วยขนาดธุรกิจที่เล็ก (เราคาดว่าในปี 50 บริษัทนี้จะมีรายได้ US$ 116 ล้าน และกำไรสุทธิ US$14 ล้าน) ทำให้เรายังไม่มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเพียงใด เราประเมินมูลค่าหุ้น MML ที่ TTA ถืออยู่ที่ประมาณ 6-8 บาท/หุ้น (ประเมินจาก 10-14X PER)

คงคำแนะนำ "ขาย" จากแนวโน้มค่าระวางลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง
แม้เรามองการระดมทุนครั้งนี้ รวมทั้งการนำ MML เข้าจดทะเบียนใน SGX จะเป็นผลดีต่อ TTA แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเปรียบเทียบกับผลกระทบจากแนวโน้มการปรับตัวลงของค่าระวางในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ขาย" หุ้นนี้โดยให้มูลค่าที่เหมาะสมในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่ 42 บาท (5.8X Norm PER)


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 05/07/2007 @ 10:52:05 :
กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม : ผลสำรวจเจโทรเริ่มลดการลงทุนในไทย - เท่าตลาด

โพสต์ทูเดย์

นายโยอิชิ คาโต ประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจโทร) สำนักงานในกรุงเทพฯ กล่าวว่าจากการสำรวจบรรยากาศการลงทุนของญี่ปุ่นจำนวน 351 บริษัท ต่างเริ่มลดการลงทุนในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังประสบปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ตามด้วยความไม่มั่นคงทางการเมือง นโยบายเศรษฐกิจ และค่าแรงสูงขึ้น

ความเห็นนักวิเคราะห์

สัญญาณเชิงลบต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แต่จากบรรยากาศการเมืองที่กำลังคลี่คลายดีขึ้นเป็นลำดับ คาดว่าจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนญี่ปุ่นมากขึ้น
เป็นสัญญาณเชิงลบต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีการลงทุนทางตรงในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึง 40-50% ของเงินลงทุนทางตรงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เรา คาดว่าจากเสถียรภาพทางการเมืองของไทยที่กำลังปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะหลังจากมีการเลือกตั้งในปลายปีนี้ และการลงนามหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ที่ผ่านมา รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจในช่วงต่อไปคงจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนญี่ปุ่น ทำให้ผลสำรวจมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในคราวหน้า

Top Pick ยังเป็น ROJANA
เรายังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม "เท่าตลาด" เราคาดว่าบรรยากาศทาง การเมืองที่ดีขึ้นและนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนหลังการเลือกตั้ง จะส่งผลให้ยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมจะปรับตัวดีขึ้นในปี 51 เรายังชื่นชอบ ROJANA (ซื้อ ราคาพื้นฐาน 15.4 บาท และอยู่ระหว่างปรับเพิ่ม) ในฐานะที่มีโครงสร้างรายได้ที่มั่นคงเพราะรายได้ไฟฟ้าและบริการคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของรายได้รวม การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทุก 2 ปี จะทำให้รายได้เติบโตต่อเนื่องและอยู่ระหว่างการขยายการลงทุนใหม่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้บริษัท

รองลงมาเป็น HEMRAJ (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 1.17 บาท) จากแนวโน้มการขายที่ดินที่โดดเด่นในปีนี้ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ซบเซา คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/50 จะฟื้นตัวเป็นลำดับจากนี้ไปและโดดเด่นที่สุดในไตรมาส 3/50 จากการรับรู้ยอดขายที่ดินในมือจำนวนมากตามความคืบหน้าการก่อสร้างและรายได้คอนโดมิเนียมที่จะทยอยโอนในไตรมาส 3/50 และได้ร่วมกับ GLOW จัดตั้งบริษัทเพื่อประมูล IPP ซึ่งหากสำเร็จจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้บริษัท


:lol: [/color:7d525f8ba1">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com