May 18, 2024   5:20:24 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นบูมสุดรอบ 10 ปี เงินนอกไหลทะลัก
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 04/07/2007 @ 08:53:29
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลาดหุ้นสุดคึกคัก เงินนอกไหลเข้าตลาดหุ้น ดันดัชนีพุ่งแรงและค่าบาทแข็ง ต่างทำสถิติสูงสุดรอบ 10 ปี เซียนหุ้นแห่ฟันธงบูมต่อ ปีนี้ลุ้น 900 จุด ส่วนเป้าปีหน้า 1000 จุด แต่ปัญหาการเมืองต้องไม่บานปลาย สำหรับแนวโน้มระยะสั้นเห็นสัญญาณปรับฐาน ด้านธปท. ยืนยันจะไม่ได้เข้าแทรกแซงเงินบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บรรยากาศการลงทุน วานนี้ (3 ก.ค.) ดัชนีหุ้นยังคงปรับขึ้นอย่างร้อนแรง จากแรงซื้อหุ้นตัวใหญ่ของนักลงทุนต่างชาติ ด้วยความเชื่อมั่นต่อการเมืองที่คลี่คลายและเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยดัชนีพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 818.98 จุด ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 813.52 จุด เพิ่มขึ้น 20.81 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์รอบ 10 ปี ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 46,927.77 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,833.08 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,008.58 ล้านบาท แต่นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 8,841.65 ล้านบาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)หรือ ASP เปิดเผยว่า การที่ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ขณะที่ผลของตลาดหุ้นไทยก็ยังต่ำหากเทียบตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมทั้งแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2550 ของบริษัทจดทะเบียนน่าจะออกมาดีกว่าที่ประมาณการไว้
ส่วนเม็ดเงินต่างประเทศ เชื่อว่าจะยังคงเข้ามาต่อเนื่องและน่าจะอยู่ในตลาดหุ้นไทยได้อีกนาน โดยดัชนีหุ้นไทยน่าจะยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับขึ้นไปแตะที่ 900 จุด และในปี 2551 จะปรับขึ้นที่ 1,000 จุดได้ หากไม่ได้มีเหตุการณ์หรือมีปัจจัยลบอะไรใหม่ที่เข้ามากระทบ
มองพีอีต่ำน่าจะขยับถึง 14 เท่า
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยถึง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ปรับขึ้นแรงในช่วงนี้ว่า ถือเป็นการปรับขึ้นแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย และชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นให้ความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศมากขึ้น ประกอบกับจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจมีการปรับตัวที่ดีขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงได้อีก เช่นเดียวกับเงินเฟ้อ
ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน จนอาจทำให้ค่าพีอีเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 14 เท่าเหมือนช่วงปี 2547 จากในปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีค่าพีอีอยู่ที่ 11 เท่า ทั้งนี้สถิติในอดีตตลาดหุ้นไทยเคยมีค่าพีอีสูงสุดถึง 30 เท่าในช่วงที่เศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดก่อนวิกฤตครั้งที่ผ่านมา
เตือนระยะสั้นปรับฐาน-รอปัจจัยใหม่
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มั่นใจปัจจัยทางพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย แต่เชื่อว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ คงจะเป็นแค่ระยะสั้นๆเท่านั้น เพราะปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรหลักที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นายพิเชฐ ชุณหเสวี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด ประเมินแนวโน้มตลาด (4 ก.ค.) คาดดัชนีน่าจะทำการพักฐานเพื่อไปต่อ โดยตลาดหุ้นไทยยังคงอิงเรื่องของกระแสเงินสดต่างชาติที่เริ่มไหลเข้ามาในช่วงนี้ ทั้งนี้ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติ มองว่าน่าจะซื้อต่อ ประเมินแนวรับที่ 800 จุด แนวต้านที่ 850 จุด
ค่าบาทแข็งทุบสถิติในรอบ 10 ปี
นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพการเงินกล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าทุบสถิติแข็งที่สุดในรอบ 10 ปี ที่ระดับ 34.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ว่า การแข็งขึ้นของค่าเงินบาท ซึ่งเป็นการแข็งขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นทุกสกุล
ทั้งนี้ การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาในตลาดหุ้นไทยจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และแม้ว่าเงินทุนต่างประเทศที่เข้ามาผ่านตลาดหุ้นจะไม่ต้องเข้ามาตรการกันสำรองร้อยละ 30 หรือการทำประกันความเสี่ยงเต็มวงเงิน เพราะมีเกณฑ์ยกเว้นก็ตาม แต่ ธปท.เชื่อว่า จะไม่สร้างปัญหาให้กับการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงินบาท โดยสามารถดูแลเงินไหลเข้าจำนวนนี้ได้
ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าค่าเงินบาทที่ซื้อขายในตลาดซื้อขายเงินบาทในต่างประเทศ (off shore) ที่แข็งค่าขึ้นมา อยู่ที่ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐนั้น เป็นส่วนที่ทำให้ค่าเงินบาทในประเทศแข็งค่าขึ้นตามหรือไม่ รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า หลังจากการออกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ธุรกรรมการซื้อขายเงินบาทในตลาดต่างประเทศค่อนข้างบาง ไม่มีการซื้อขายกันมากนัก แต่ไม่คิดว่าค่าเงินบาทในประเทศจะแข็งค่าไปตามตลาดต่างประเทศเพราะตลาดในขณะนี้แยกกันอย่างชัดเจนแล้ว

กระแสหุ้น[/size:6412f6ac60">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com