May 18, 2024   5:38:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ของใหญ่ต้องมาก่อน- หุ้นเล็กจ่อคิวคึกต่อช่วงดัชนีฯพักฐาน
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 03/07/2007 @ 21:04:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ดัชนีฯหุ้นไทยพุ่งทะลุฟ้า 2 วัน 46.73 จุด หรือ 6.09% หนุนหุ้นบิ๊กแคปเด้งขึ้นทั่วหน้านำทีมมาโดยหุ้นพลังงานอย่าง PTT-PTTEP และหุ้นในกลุ่มแบงก์ BAY-KBANK-KTB-BBL ขณะที่หุ้นเล็กเก็งกำไรแผ่วชิดซ้ายเปิดทางให้ผ่านไปก่อน เซียนหุ้นฟันธง รอช่วงดัชนีฯพักฐานหุ้นใหญ่ถูกขายทำกำไรจะเป็นทีหุ้นเล็กคืนสังเวียน แนะเก็บสื่อสารเล็ก-หลักทรัพย์-รับเหมาเล็ก เก็งกำไรช่วงโอกาสทองมาเยือน

วานนี้ (3 ก.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 813.52 จุด เพิ่มขึ้น 20.81 จุด หรือ 2.63% มีมูลค่าการซื้อขาย 46,927.77 ล้านบาท ขณะที่เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 15.92 จุด รวมสองวันทำการดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับเพิ่มขึ้นถึง 46.73 จุด หรือ 6.09% ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงของดัชนีฯภายในสองวันทำการมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติร่วมกับนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากนักลงทุนทั้งสองกลุ่มจะมุ่งลงทุนในหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่และปัจจัยพื้นฐานดี เพราะเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงน้อยเมื่อเทียบกับหุ้นเก็งกำไรหรือหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,538 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 121.17 ล้านบาท และวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิถึง 7,827.56 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,007.06 ล้านบาท จากมูลค่าการซื้อขายรวม 46,927.77 ล้านบาท ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่กลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด และซื้อขายในอันดับต้นๆ ของตลาดฯ ในขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กแทบจะไม่ได้รับความสนใจ

- หุ้นบิ๊กแคปถูกกวาดเข้าพอร์ตจนราคาพุ่งกระฉูด

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ก.ค.50 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTT ปิดที่ 278 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,571.03 ล้านบาท
2.KBANK ปิดที่ 76.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,009.26 ล้านบาท
3.BBL ปิดที่ 120 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท มูลค่าการซื้อขาย 790.17 ล้านบาท
4.TTA ปิดที่ 42.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 764.78 ล้านบาท
5.TOP ปิดที่ 71.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 741.21 ล้านบาท
ในวันที่ 2 ก.ค. หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.PTT ปิดที่ 284 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,370.88 ล้านบาท
2.TOP ปิดที่ 76 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,202.98 ล้านบาท
3.KTB ปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,955.92 ล้านบาท
4.BBL ปิดที่ 126 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,927.53 ล้านบาท
5.PTTEP ปิดที่ 115 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,693.49 ล้านบาท
รวม 2 วันทำการราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
หุ้น ราคาปิด 29 มิ.ย. ราคาปิด 3 ก.ค. เพิ่มขึ้น(บาท) %
1.PTT 270 284 14 5.18
2.PTTEP 108 115 7 6.48
3.TOP 70.50 76 5.50 7.80
4.KTB 11.70 12.90 1.2 10.25
5.BBL 117 126 9 7.69
6.KBANK 74.00 82.00 8 10.81
7.BAY 24.60 29.50 4.9 19.91
8.SCC 260 270 10 3.70
- ดัชนีฯเด้งแรงหุ้นบิ๊กแคปเดินหน้าขึ้นแดนบวกหน้าสลอน
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงบ่ายของวันที่ 3 ก.ค.ดัชนีฯยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเวลาประมาณ 14.53 น. ดัชนีฯเคลื่อนไหวที่ 818.24 จุด เพิ่มขึ้น 25.53 จุด หรือ 3.22% มูลค่าการซื้อขาย 32,365 ล้านบาท

โดยหุ้นที่มีส่วนในการผลักดันดัชนีฯมากที่สุดคือ PTT อยู่ที่ 288 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท ดันดัชนีฯ 3.9237 จุด PTTEP อยู่ที่ 117 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท ดันดัชนีฯ 3.2174 จุด และ BAY อยู่ที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท ดันดัชนีฯ 2.2529 จุด ส่วนในช่วงปิดตลาด BAY กลายเป็นหุ้นที่หนุนให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นสูงสุดถึง 2.4262 จุด แม้ว่าจะไม่ใช่หุ้นที่มีมาร์เก็ตขนาดใหญ่มากนัก ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากในวันดังกล่าวมีเรื่องข่าวดีเข้ามาหนุน จึงทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นแรง ในขณะที่ PTT มาเป็นอันดับสองดันดัชนีฯให้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 2.3542 จุด

- วงการชี้หุ้น BAY ขึ้นรับข่าว จีอีฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น
บล.กิมเอ็ง ระบุว่า ราคาหุ้น BAY ที่พุ่งขึ้นมา 6% เมื่อวันที่ 2 ก.ค.และได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 24% แล้วในเดือนนี้ โดย BAY นับว่าเป็นธนาคารที่แกร่งสุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย ในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นมาตลาดค่อนข้างให้น้ำหนักไปยังประเด็นการที่ GE ตัดสินใจใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นจำนวน 444.7 ล้านหุ้นที่ราคาหุ้นละ 16 บาท ส่งผลให้สัดส่วนการถือครอง BAY เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 31% ส่วนเงินทุนมูลค่า 7.1 พันล้านก็จะช่วยเสริมสถานะการเงินของ BAY ให้แกร่งขึ้น เสริมให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) จะเพิ่มขึ้นเป็น 19% แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานหุ้นจะดูแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ราคาหุ้นในระดับสูงซึ่งซื้อขายที่ P/BV ปีหน้าที่ 1.7 เท่า โดยยังมีปัจจัยความเสี่ยงในด้านผลประกอบการและยอดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงแนะนำ ถือ สำหรับ BAY

ส่วนบล.เคจีไอ ระบุว่า จีอี มันนี่ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน BAY จาก 25.4% เป็น 31% ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มอีก444.7 ล้านหุ้นรวมเป็นมูลค่า 7.115 พันล้านบาท แม้เราจะมีมุมมองที่เป็นบวกกับการเข้ามาของจีอีอย่างจริงจัง แต่ราคาหุ้นก็ตอบสนองไปแล้วราคาปรับขึ้นไปกว่า 41% YTD ขณะนี้ซื้อขายที่ 51PABV ที่ประมาณ 1.72 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.5 เท่า เราแนะนำนักลงทุนเปลี่ยนตัวเล่นไปที่ธนาคารที่ยังมี outlook ดีและมี upside มากกว่าเช่น SCB KBANK และ BBL

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของดัชนีฯในช่วงนี้หลายฝ่ายมองว่าเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากประเทศไทยยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่รอความชัดเจนและอาจมีผลต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น การปรับขึ้นของดัชนีฯจึงอาจไม่ต่อเนื่อง โดยมีความเป็นไปได้ที่จะพักฐานทันทีหลังจากที่ดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1-3 วัน

- TNITY ชี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะกระทิงแค่ช่วงสั้น ปัจจัยการเมืองที่ไม่นิ่ง ยังกดดันความเชื่อมั่น นลท.
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เพราะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มั่นใจปัจจัยทางพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย แต่เชื่อว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ ดัชนีฯ คงจะเป็นแค่ระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรหลักที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ที่ผ่านมาตลาดหุ้นต่างประเทศได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว แต่ตลาดหุ้นไทยไม่ปรับเพิ่มขึ้น พอช่วงนี้ไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบก็เลยทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย จึงเห็นว่าช่วงนี้บรรยากาศการลงทุนคึกคัก นายกัมปนาท กล่าว

- บล.เคจีไอ เชื่อหุ้นขึ้นแรงเพราะต่างชาติลุยหุ้นแค่ 2 กลุ่มคือ พลังงาน-แบงก์
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจ และกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตลาดหุ้นไทยเองก็ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวด้วย ประกอบกับตลาดหุ้นไทยเองมีน้ำหนักการลงทุนขึ้นอยู่กับ 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน เมื่อหุ้นใน 2 กลุ่มดังกล่าวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามได้

ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแคบ น้ำหนักขึ้นอยู่กับ 2 กลุ่มใหญ่ คือพลังงาน และธนาคาร พอธนาคารแพงแล้ว ก็หันมาเล่นพลังงานกัน ซึ่งตอนนี้ทางเทคนิคหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม ขึ้นชนแนวต้านแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าจะขึ้นได้ต่อ แต่ก็ต้องรอดูว่ากลุ่มสื่อสารยังคงมีแรงซื้อเข้ามาหรือไม่ ถ้ามีเข้ามาอาจช่วยดันตลาดฯไปได้ต่อ นายอดิศักดิ์ กล่าว

กลยุทธ์การลงทุน ขายทำกำไร เมื่อดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 815-825 จุด และเลือกซื้อหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 จะออกมาดี อาทิ กลุ่ม อเล็กทรอนิกส์ -พลังงาน-เดินเรือ-นิคมอุตสาหกรรม

- ซิกโก้เตือนระวังหุ้นไทยพักฐาน หลังพุ่งขึ้นแรง แนะจับตาหุ้นเล็กคึกเป็นคิวต่อไป
เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ เปิดเผยว่าหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในวันนี้ (3 ก.ค.50) รวมทั้งมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ทั้งนี้เชื่อว่าต่อจากนี้ไปดัชนีฯ มีโอกาสที่จะพักฐานและอาจจะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นบิ๊กแคปออกมาได้ จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนจะเปลี่ยนมาเล่นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก เพราะราคาหุ้นยังปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก ซึ่งน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

" ก็คาดว่าหลังจากที่หุ้นบิ๊กแคปปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงแล้ว หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาได้ เพราะนักลงทุนอาจจะเปลี่ยนมาเล่นหุ้นเล็กที่ยังคงราคาถูก นอกจากนี้จากสถิติที่ผ่านมาเมื่อหุ้นใหญ่ขึ้นก็จะมีการพักฐานและต่อจากนั้นก็จะเป็นช่วงของหุ้นเล็กที่จะมีแรงซื้อเข้ามาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมักจะวนอยู่อย่างนี้เป็นประจำ " แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

อย่างไรก็ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ ในช่วงนี้เป็นระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรหลักที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมทั้งส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยสดใสคือเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ รับเหมา และหุ้นในกลุ่มสื่อสารขนาดเล็ก โดยประเมินแนวรับ SET Index ไว้ที่ 815 จุด ให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 810 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 825 จุด

- วงการชี้หุ้นเล็กอภินิหาร-หุ้นผลประการเด่น-หุ้นสตอรี่ดันคืนชีพแน่
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า การปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงของดันชีฯในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อาจนำไปสู่การพักฐานของดัชนีฯเร็วขึ้น เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีฯครั้งนี้ทำให้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ขยับเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรง จึงอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเร็วเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้จากวานนี้ (3 ก.ค.) ดัชนีฯได้ปรับเพิ่มขึ้นไปทำระดับสูงสุดถึง 818.98 จุด หรือ เพิ่มขึ้นถึง 26.27 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 813.52 จุด เพิ่มขึ้น 20.81 จุด เช่นเดียวกับราคาหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวที่ขึ้นไปทำระดับราคาสูงสุดของวันไว้ค่อนข้างสูง และอ่อนตัวลงมาเมื่อตลาดฯปิดการซื้อขาย ซึ่งหมายถึงวานนี้ได้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาส่วนหนึ่งแล้วดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่หลังจากนี้เริ่มทีแรงเทขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องในหุ้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมามากในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มองว่าหากดัชนีฯมีการพักฐานหุ้นที่จะได้รับความนิยมอีกครั้งจะเป็นหุ้นในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นเก็งกำไรที่เคลื่อนไหวค่อนข้างหวือหวาในช่วงก่อนหน้านี้ หุ้นที่คาดการณ์กันว่าผลประกอบการในไตรมาสที่สองจะออกมาดี รวมทั้งหุ้นที่มีข่าวดีเข้ามาหนุนก็อาจจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เนื่องจากราคายังวิ่งไม่สูงนัก



:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com