May 18, 2024   7:11:04 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นขวัญใจรายวัน
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 03/07/2007 @ 08:25:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วันนี้ขออนุญาตพัก"การวิพากวิจารณ์"หุ้นรายตัวซักหนึ่งวัน เพื่อนำเสนอแนวทางเพื่อให้มีการกระจายการถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนซักหน่อย เพราะว่าไปแล้วมีหุ้นหลายตัวพื้นฐานดีเยี่ยมแต่ไม่มีสภาพคล่องเข้าตำราที่ว่า"เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมเอากระดูกมาแขวนคออีก"แม้มีเกณฑ์ฟรีโฟลต 15% ก็ไม่เห็นช่วยอะไรได้เลย
ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯจึงมีการปรับ จึงได้ปรับปรุงแนวทางดำเนินการกรณีบริษัทจดทะเบียน ที่มีการกระจายรายย่อยไม่ครบถ้วนให้เหมาะสมขึ้น
1.ยกเลิกมาตรการ Call Market เพื่อให้หุ้นกลับมาซื้อขายในระบบปกติ (Automatic Order Matching : AOM)แทน ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายและช่วยให้การกระจายหุ้นสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างแฟนๆ"ข่าวหุ้น"ด้วย
2.ตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้ระยะเวลาบริษัทจดทะเบียนในการแก้ไขการกระจายการถือหุ้นให้ครบถ้วน โดยปีแรกจะแจ้งให้บริษัทจดทะเบียนได้รับทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขให้บริษัทจดทะเบียนมีคุณสมบัติในด้านการกระจายการถือหุ้นตามเกณฑ์
หากบริษัทใดไม่สามารถดำเนินการแก้ไข การกระจายการถือหุ้นได้ ปีที่ 2 จะแจ้งการขาดคุณสมบัติบริษัทจดทะเบียนให้ผู้ลงทุนได้ทราบ
พร้อมเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่ม จนกว่าบริษัทจะแก้ไขเหตุดังกล่าวได้
โดยบริษัทจดทะเบียนต้องรายงานความคืบหน้าการแก้ไขทุก 6 เดือนนับจากวันครบกำหนด จนกว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีคุณสมบัติครบถ้วน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้มีหุ้น 21 ตัว ที่มีคุณสมบัติด้านการกระจายของผู้ถือหุ้นรายย่อย ไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ขึ้นไปจะมีการดำเนินการ
1.บริษัทที่ขาดคุณสมบัติมากกว่า 2 ปี ขึ้นไป 15 บริษัท ในระบบการจับคู่ช่วงเวลา(Call Market)
1.1.ยกเลิกการกำหนดให้หลักทรัพย์ซื้อในระบบ Call Market โดยให้ซื้อขายในระบบปกติ(Automatic Order Matching) แทนจำนวน 13 บริษัท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.50 เป็นต้นไป
บริษัท รองเท้าบาจาแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน)หรือ BATA
บริษัท เทพธานีกรีฑา จำกัด (มหาชน)หรือ CSR
บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน)หรือ NSI
บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี่ จำกัด(มหาชน)หรือ PRG
บริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน)หรือ PPC
บริษัท โรงแรมราชดำริ จำกัด (มหาชน)หรือ RHC
บริษัท โรงแรมรอยัลออคิด(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)หรือ ROH
บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน)หรือ SCNYL
บริษัท แชงกรี-ลาโฮเต็ล จำกัด (มหาชน)หรือ SHANG
บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน)หรือ SVH
บริษัท ไทยอกริ ฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน)หรือ TAF
ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน)หรือ TBANK
บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด(มหาชน)หรือ UFM
1.2.ยกเลิกการกำหนดให้หลักทรัพย์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ SCBT และบริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) หรือHTX ซื้อขายในระบบ Call Market มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.50 เป็นต้นไป
......โดยตลาดหลักทรัพย์ยังสั่งห้ามการซื้อหรือขายต่อไป.....
2.บริษัทที่ขาดคุณสมบัติเป็นปีที่ 2 จำนวน 6 บริษัทยังซื้อขายในระบบปกติ
บริษัท วาไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ HT
บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน)หรือ RANCH
บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน)หรือ SAFE
บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SHIN
บริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)หรือ UCOM
บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน)หรือ VNT
การแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปรับปรุงใหม่ข้างต้น บริษัทข้างต้นจะต้องดำเนินการคือ
1.แก้ไขการกระจายรายย่อยให้ครบถ้วน ภายใน 1 ปี นับจากวันครบกำหนดนำส่งรายงานการกระจายการถือหุ้นแต่ละบริษัท
2.รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุก 6 เดือนครั้งแรกวันที่ 14 พ.ย.50(สำหรับบริษัทที่มีงวดบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม)และครั้งต่อไปทุก 6 เดือน จนกว่าบริษัทจะมีคุณสมบัติการกระจายรายย่อยครบถ้วน
3.กรณีบริษัทไม่สามารถแก้ไขคุณสมบัติ กระจายรายย่อยตามเวลาดังกล่าว ตลาดฯจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มงวดถัดไป(ก.ค.51-มิ.ย.52) โดยนับเป็นปีที่ 1 ตามจำนวนการกระจายผู้ถือหุ้นรายย่อยที่บริษัทไม่สามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ และเรียกเก็บต่อไป ตามตารางอัตราค่าธรรมเนียม ที่กำหนดจนกว่าบริษัทจะแก้ไขคุณสมบัติได้

ข่าวหุ้น[/size:6f7e1d49d9">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com