*"โมนิก้า" คิดว่าบรรยากาศการลงทุนภายใต้แรงกดดันทางการเมืองไม่ค่อยโสภาสถาพรเท่าใดนัก ถึงจะเห็นดัชนีไต่ระดับขึ้นทุกวี่ทุกวัน แต่เมื่อบวกลบคูณหารออกมาเบ็ดเสร็จกลับพบว่า หุ้นขนาดเล็กให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ สื่อให้เห็นว่านักลงทุนรายย่อยให้ความสำคัญหุ้นเก็งกำไรมากกว่าชัดๆ

*เดี๊ยนถึงพยายามหลบเลี่ยงที่จะพูดถึงหุ้นขนาดเล็ก แต่ก็เลี่ยงไม่เคยพ้นสักที เพราะแต่ละตัวทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง พร้อมด้วยวอลุ่มการซื้อขายที่แน่นขนัด หากไม่กล่าวถึงสักนิดสักหน่อยก็เกรงว่านักลงทุนรายย่อยจะถูกหลอกไปเชือด จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้พูดถึงหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมมากสักหน่อย

*ก่อนจะไปถึงหุ้นกลุ่มดังกล่าว "โมนิก้า" ขอกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ แท้ที่จริงเกิดจากแรงขับเคลื่อนหุ้นกลุ่มแบงก์ กับพลังงาน ที่ช่วยกันประคับประคองดัชนีมาตลอดทั้งสัปดาห์...ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นๆ เป็นเพียงไม้ประดับที่เข้ามาขัดตาทับในยามที่นักลงทุนไม่รู้จะเล่นหุ้นตัวไหน

*เอาง่ายๆ ขนาดหุ้น IPO ที่เพิ่งเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นหมาดๆ อย่าง DTACยังม่อยกระรอกไม่เป็นท่า แถมออกอาการขึ้นวันลงวัน แล้วยังจะให้นักลงทุนรายย่อยตะบี้ตะบันเข้าไปรับหุ้นได้อย่างกัน...ล่าสุดราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 41 บาท ลบไป 0.75บาท ก็คงต้องทำใจอีกตามเคยเจ้าค่ะ

*เนื่องจากสตอรี่ใหม่ๆ ที่จะมาขับเคลื่อนหุ้นให้เดินหน้าขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมหาไม่ได้เลยสักเรื่อง "โมนิก้า" ถึงอยากให้ผู้บริหารหยิบยกเรื่องเงินปันผลมาเล่นสักที เพราะเป็นเรื่องเดียวที่พอจะมีน้ำหนักดันหุ้นขึ้นได้ และหากงัดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาสำเร็จ รับรองราคาหุ้นวิ่งฉิว

*แม้ตลาดหุ้นครึ่งปีแรกไม่จูงใจให้หุ้นน้องใหม่เข้ามาซื้อขาย แต่กลับมีข่าวลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า ผู้บริหารตลาดเอ็มเอไอ กำลังจะปรับเป้าหุ้นที่จะเข้ามาซื้อขายในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นจะบอกให้

*เดี๊ยนได้ยินเรื่องดังกล่าวถึงกับสะดุ้งโหย่ง เพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่า เฮียชนิตชาญชัยณรงค์ จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา...พอไปย้อนดูสถิตการเข้ามาจดทะเบียนครึ่งปีแรกในตลาด เอ็มไอ ที่มีอยู่แค่ 2 ราย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใดที่จะมีการปรับเป้าเพิ่มนะเด็กโง่

*แปลกใจก็ตรงที่ เรื่องแบบนี้เด็กอนุบาลก็ยังรู้เลย เหตุไฉนกระจอกข่าวและแมงลือถึงสนใจนักหนา เพราะหากครึ่งปีหลังที่เหลือมีหุ้นเข้าเทรดน้อยกว่า 2 ตัว "โมนิก้า"คิดว่า เฮียชนิตน่าจะพิจารณาตัวเองได้แล้วหล่ะค่ะ

*แย่ไปกว่านั้นก็คือ CNS ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ขาดทุนหน้าตาเฉยทั้งที่เคยทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นโบรกเกอร์รายอื่นๆ คงไม่ดีเด่ไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ยิ่งส่วนแบ่งทางการตลาดรูดลงติดต่อกัน 6 ปี "โมนิก้า" เชื่อว่าในไม่ช้าต้องถูกเทคโอเว่อร์ หรืออาจต้องไปควบรวมกับโบรกเกอร์อื่นเพื่อความอยู่รอดอย่างแน่นอน

*ไหนๆ พูดถึงหุ้นตัวใหญ่ไปแล้วหนึ่งตัว ขอพูดถึงเจ้าจำปี THAI อีกสักรอบ เพราะข่าวล่ามาแรงบอกว่ากระโดดลงไปเล่นสงครามราคา เพื่อแย่งลูกค้าจากนกแอร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกแบบนี้...มันน่าสมเพชเหลือเกิน เผลอๆ คนทั่วไปอาจสมน้ำหน้าเอาอีกด้วย หลังแสดงพฤติกรรมเป็นตัวอิจฉาอย่างเต็มตัว

*งานนี้จึงมีคำถามจากผู้ถือหุ้นรายย่อยคล้อยหลังตามมาว่า หากบริษัทประสบผลขาดทุนจากการกระโดดลงไปเล่นสงครามราคา เพียงเพื่อความสะใจของกรรมการบางคน ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวมิทราบ "โมนิก้า" จึงขอรบกวน เรืออากาศโทอภินันท์สุมนะเศรณี ในฐานะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ช่วยไขข้อข้องใจของนักลงทุนรายย่อยด้วยเถอะเจ้าค่ะ

*สำหรับในรายของ EVER เดี๊ยนคงไม่มีอะไรต้องอธิบายให้ฟังมากมาย เพราะรู้กันเต็มอกว่าใครเป็นคนปั่นราคา และพื้นเพของหุ้นตัวนี้เป็นเช่นไร รวมทั้งการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.24 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 7% ฟ้องให้เห็นทนโท่ว่า พวกมากลากไปและคงไม่มีอะไรในก่อไผ่นะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ EWC ทำ new high ในรอบหนึ่งปีด้วยการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.55 บาท บวกไป 0.55 บาท ตามประสาหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม เมื่อถึงอนาคตของบริษัทจะเป็นเช่นไรต่อไป "โมนิก้า" ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่า คงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าก่อนสักเท่าไหร่ และไม่ควรคาดหวังกับหุ้นตัวนี้มากนัก

*S2Y เป็นอีกรายที่ "โมนิก้า" ไม่อยากให้นักลงทุนเข้าไปข้องแวะ เพราะรู้กันทั่วคุ้งทั่วแควว่าผู้ถือใหญ่กลุ่มใหม่ทำตัวลึกลับมาก เดี๊ยนถึงรู้สึกขนพองสยองเกล้าเป็นอย่างมากที่เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดถึงที่ 2.08 บาท บวกไป 0.48 บาท หรือขึ้นไปถึง 30%เพราะเห็นกันชัดๆ ว่าเป็นการลากไปออกของ หากคุณๆ ยังสมยอมให้เขาหลอกไปฟันอีกหล่ะก้อ...เดี๊ยนไม่ขอพูดให้เปลื้องน้ำลายดีกว่า

*ตบท้ายกับที่ วอร์แรนต์ยอดนิยม เพราะแต่ละตัวล้วนมีเจ้ามือใหญ่คอยดันราคากันตลอดเวลา "โมนิก้า" ถึงไม่ขอขัดขวาง หากคุณๆ คิดจะเล่นหุ้นวอแรนต์ หลังราคาหุ้นวิ่งฝุ่นตลบจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้วนะซี



:lol: