May 18, 2024   4:59:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 50 อันดับ หุ้นดีที่ถูกเมิน
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 28/06/2007 @ 07:21:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผลพวงจากปัจจัยลบทางด้านการเมือง ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศพากันเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นหลายตัวมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะมีราคาถูกลงอีกเรื่อยๆ หลังตลาดหุ้นถูกปกคลุมด้วยปัญหาการเมืองเป็นหลัก

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ "ข่าวหุ้นธุรกิจรายวัน" รวบรวมข้อมูลหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานมาเสนอเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน โดยคำนวณจากค่า P/BV Ratio ของหุ้นตัวที่มีค่าต่ำสุดที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นแรงในอนาคต ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้รับเงินปันผลเป็นของแถมอีกด้วย

เนื่องจากตอนนี้มีหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกหลายตัวถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
โดยการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นที่มีราคาซื้อขายปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV)หรือต่ำกว่าพื้นฐานของบริษัท ในครั้งนี้ใช้ข้อมูลราคาหุ้นในวันที่ 26มิถุนายน 2550 เรียงตามค่า P/BV จากน้อยไปหามาก และได้คัดเลือกเอาเฉพาะหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 200ล้านหุ้นขึ้นไป และมีกำไรต่อหุ้นไตรมาสแรก 2550 มาจัดอันดับเพียง 50 ตัวเท่านั้น

ทั้งนี้การคัดเลือกหุ้นที่มีค่า P/BV ต่ำกว่า 2 เท่า จากจำนวนหุ้นที่มีกำไรต่อหุ้นจำนวน 259 ตัว ปรากฏว่ามีหุ้นกลุ่ม SET50 เข้ามาติดถึง 26 ตัว ประกอบด้วย TUF,BAY,BBL,KBANK,KK,KTB,SCB,SCIB,TISCO,TMB,TCAP,SSI,PTTCH,TPC,TPIPL,GLOW,IRPC,RATCH,TOP,ITD,AOT,BECL,PSL,RCL,THAI,TTA,CCET เหล่านี้ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจ และให้ปันผลดี และน่าเข้าลงทุนก่อนปิดงบครึ่งปีอย่างมาก

สำหรับหุ้นที่มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากที่สุดอันดับ 1 คือ บริษัท จี สตีลจำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL มีค่า P/BV อยู่ที่ 0.38 เท่าราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.92 บาท(26 มิ.ย.50) โดยเป็นราคาหุ้นที่ต่ำจาจากมูลค่าหุ้นตามบัญชีจริงที่ระดับ 2.34 บาท

อย่างไรก็ตามแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงแรง แต่เมื่อเทียบในด้านการบริหารธุรกิจถือว่าหุ้นรายนี้ได้เปรียบคู่แข่ง โดยเฉพาะในด้านการบริหารสินค้าคงคลังให้เป็นไปตามภาวะตลาดส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาสแรกมรกำไรเพิ่มขึ้นจำนวน 430 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 302 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 128 ล้านบาท

อันดับ 2 บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK มีค่า P/BV อยู่ที่ 0.45 เท่า ขณะที่มูลค่าหุ้นทางบัญชีที่แท้จริงอยู่ที่ระดับ5.23 บาท แต่ราคาหุ้นลดลงมาที่ถึงระดับ2.38 บาท แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่หากมองในเรื่องผลประกอบการหุ้นรายนี้ยังทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการไตรมาแรกกำไรลดลงมาที่ 53.11ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 55.62 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการปี 2550 คาดว่าจะลดลง 26% เนื่องจากตลาดอสังหาฯ ซบเซาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซ็กเม็นต์บ้านเดี่ยว ยอดขาย presales ของ MK จึงค่อนข้างต่ำในไตรมาส 1/50 โดยทำได้เพียง 390 ล้านบาท

อันดับ 3 บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ YNP มีค่า P/BV อยู่ที่ 0.46เท่า จากมูลค่าหุ้นทางบัญชีที่แท้จริงที่ระดับ 10.55 บาท ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาที่ระดับ 4.86 บาท สาเหตุเป็นผลมาจากกำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ตามแม้ผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวลดลง แต่บริษัทก็ยังทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั้นเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอกตัว แต่หากมองในระยะยาวการลงทุนในหุ้นรายนี้ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นที่มีผลประกอบที่ขาดทุน

อันดับ 4 บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTARมีค่าP/BV อยู่ที่ 0.47 เท่า ซึ่งเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ราคาถูกและพื้นฐานดี โดยราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีจริงที่ระดับ 4.86บาท จากมูลค่าหุ้นที่แท้จริงที่ระดับ 10.55 บาท

สาเหตุที่ราคาหุ้นรายนี้ต่ำกว่าP/BV เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ทำให้นักลงทุนหันไปเล่นกลุ่มอื่น ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาหุ้นรายนี้ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน จึงส่งผลให้ราคาหุ้นไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน

อย่างไรก็ตามหากมองผลประกอบการไตรมาสแรกที่พลิกมีกำไร 83.61 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 33.15 ล้านบาท น่าจะส่งผลให้หุ้นกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ส่วนสาเหตุที่พลิกมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า116.77% เนื่องจากบริษัทฯเริ่มรับรู้รายได้จากการขายห้องชุดในอาคารชุดพักอาศัยโครงการหนึ่งและขายที่ดินและบ้านเพิ่มขึ้นจำนวน 435.09 ล้านบาท

สำหรับอันดับ 5 บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF มี P/BVอยู่ที่ 0.49 เท่า ราคาหุ้นลดลงมาที่ระดับ 3.56บาท จากมูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 7.22บาท สาเหตุสำคัญที่หุ้นปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากผลประกอบการเป็นหลัก โดยเห็นได้ชัดจากกำไรสุทธิปี 2549 ที่มีกำไรเพียง 11.99 ล้านบาท จากปี 2548 มีกำไรสุทธิ 1,092.64บาท จึงเป็นเหตุให้ราคาหุ้นเป็นขาลงตั้งแต่นั้นมา

ส่วนผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2550 ยังลดลงเช่นเคยมาอยู่ที่ 5.93 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่10.34 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 880.3 ล้านบาท หรือลดลง 62.6 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 943.0 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามหุ้นดังกล่าวที่ต่ำกว่า P/BV 2 เท่า น่าจะเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดไม่นิ่ง และมีความเสี่ยงในเรื่องการเมือง และที่สำคัญการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้น่าจะช่วยให้นักลงทุนลดความเสี่ยงไปได้หลายเท่าอย่างแน่นอน


:lol: [/color:809410774e">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com